อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ผิด ถูก เชิญพิจารณาครับ
1. เทคโนโลยีแบตฯที่เพิ่งเรียกได้ว่าเริ่มต้น ยังมีแบตฯแบบใหม่ที่ดีกว่า และ น่าจะแก้ปัญหาเรื่องระยะทาง และ ระยะเวลาชาร์จที่ตอนนี้ยังทำให้ชีวิตอาจไม่ราบรื่น เฮฮาปาจิงโก๊ะเท่าที่ควร อย่างเช่นแบตฯ โซลิดสแตท หรือ se-mi โซลิด (ของบริษัท 24M) ที่น่าจะออกมาเร็วๆนี้ (มั้ง) รอแบตฯแบบใหม่อีกนิด น่าจะดีกว่า
2. ประกันภัย แพง และ ไม่ตอบโจทย์ครอบคลุม รถยนต์ไฟฟ้าเป็นของใหม่ บริษัทฯประกันเดี๋ยวนี้ก็ปรับตัวอยู่ แต่มันยังไม่เข้าที่ มันเลยทำให้ค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้ามันแพงกว่าปกติ อันนี้มันเป็นต้นทุนเลย ไม่ทำประกันเลยก็ไม่ได้มันเสี่ยง แต่ถ้าทำมันก็แพงอยู่ แพงน่ะไม่ว่ากันหรอก แต่การคุ้มครองนี่สิ เวลาต้องซ่อม บางทีเราก็ยังไม่มั่นใจว่า ประกันจะรับทั้งหมดหรือไม่ อย่างไร ต้องอ่านข้อกำหนดการรับประกันดีๆ ละเอียดๆเลยล่ะก่อนจ่ายเงิน อันนี้มันไม่สบายใจเหมือนขับรถน้ำมัน นะ ในตอนนี้
3. การรับประกันแบตฯ และ ตัวระบบขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ค่ายรถรับประกันคุณภาพทีข้อกำหนดมา เช่น รถจีน รับประกันแบตฯ 8 ปี หรือ ระยะทาง 160,000 กิโลเมตร อย่างใดถึงก่อน ผมมองว่า 8 ปี พอรับได้ แต่ระยะทาง 160,000 มันน้อยไป เอาง่ายๆ รถน้ำมันที่ผมใช้ ขับแบบประหยัดๆ ไม่ไปไหนใช้ประจำวัน 4 ปี ผมขับไปแสนกว่าแล้ว นี่แค่ใช้ใกล้ๆบ้าน ประจำวันนะ ไม่เคยขับไปเที่ยวที่ไหนเลย (เวลาไปเที่ยวไกลๆ ใช้อีกคัน) แล้วถ้ารถไฟฟ้ามันประหยัดน้ำมัน ขอ
บอก ขับกระจาย 160,000 ผมว่าไม่เกิน 4 - 5 ปี น่าจะหมด แล้วถ้าประกันแบตฯหมด แต่รถยังผ่อนไม่หมด นี่ ฮานาก้า กันเลยทีเดียว
ปล. เห็นว่าค่าย MG มองเห็นช่องนี้ เลย ปรับระยะเวลารับประกันแบตฯเป็นตลอดอายุเลย ผมว่าอันนี้ดี ผมให้ MG มาอันดับ 1 ในตัวเลือกของผมในการตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของผมตอนนี้เลย
จริงๆรถยนต์ไฟฟ้ามันยังใหม่นะ จริงๆมีอีกหลายข้อที่กังวล แต่นอกจาก 3 ข้อนี้ ผมคิดว่าข้ออื่นๆผมรับได้ ไม่ติดใจมากนัก เอาตรงๆ วางแผนไว้ว่ายังไงรถคันต่อๆไปของบ้านยังไงก็ต้อง "รถยนต์ไฟฟ้า" ช้าหรือเร็ว เท่านั้นแหล่ะ....
3 ข้อ ที่ผมยังไม่ตัดสินใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้า แม้ทน ไม่ไหวกับราคาน้ำมัน และ ส่วนตัวอยากได้มาก ก็ตาม
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวครับ ผิด ถูก เชิญพิจารณาครับ
1. เทคโนโลยีแบตฯที่เพิ่งเรียกได้ว่าเริ่มต้น ยังมีแบตฯแบบใหม่ที่ดีกว่า และ น่าจะแก้ปัญหาเรื่องระยะทาง และ ระยะเวลาชาร์จที่ตอนนี้ยังทำให้ชีวิตอาจไม่ราบรื่น เฮฮาปาจิงโก๊ะเท่าที่ควร อย่างเช่นแบตฯ โซลิดสแตท หรือ se-mi โซลิด (ของบริษัท 24M) ที่น่าจะออกมาเร็วๆนี้ (มั้ง) รอแบตฯแบบใหม่อีกนิด น่าจะดีกว่า
2. ประกันภัย แพง และ ไม่ตอบโจทย์ครอบคลุม รถยนต์ไฟฟ้าเป็นของใหม่ บริษัทฯประกันเดี๋ยวนี้ก็ปรับตัวอยู่ แต่มันยังไม่เข้าที่ มันเลยทำให้ค่าเบี้ยประกันรถไฟฟ้ามันแพงกว่าปกติ อันนี้มันเป็นต้นทุนเลย ไม่ทำประกันเลยก็ไม่ได้มันเสี่ยง แต่ถ้าทำมันก็แพงอยู่ แพงน่ะไม่ว่ากันหรอก แต่การคุ้มครองนี่สิ เวลาต้องซ่อม บางทีเราก็ยังไม่มั่นใจว่า ประกันจะรับทั้งหมดหรือไม่ อย่างไร ต้องอ่านข้อกำหนดการรับประกันดีๆ ละเอียดๆเลยล่ะก่อนจ่ายเงิน อันนี้มันไม่สบายใจเหมือนขับรถน้ำมัน นะ ในตอนนี้
3. การรับประกันแบตฯ และ ตัวระบบขับเคลื่อนที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์ไฟฟ้า ที่ค่ายรถรับประกันคุณภาพทีข้อกำหนดมา เช่น รถจีน รับประกันแบตฯ 8 ปี หรือ ระยะทาง 160,000 กิโลเมตร อย่างใดถึงก่อน ผมมองว่า 8 ปี พอรับได้ แต่ระยะทาง 160,000 มันน้อยไป เอาง่ายๆ รถน้ำมันที่ผมใช้ ขับแบบประหยัดๆ ไม่ไปไหนใช้ประจำวัน 4 ปี ผมขับไปแสนกว่าแล้ว นี่แค่ใช้ใกล้ๆบ้าน ประจำวันนะ ไม่เคยขับไปเที่ยวที่ไหนเลย (เวลาไปเที่ยวไกลๆ ใช้อีกคัน) แล้วถ้ารถไฟฟ้ามันประหยัดน้ำมัน ขอ
บอก ขับกระจาย 160,000 ผมว่าไม่เกิน 4 - 5 ปี น่าจะหมด แล้วถ้าประกันแบตฯหมด แต่รถยังผ่อนไม่หมด นี่ ฮานาก้า กันเลยทีเดียว
ปล. เห็นว่าค่าย MG มองเห็นช่องนี้ เลย ปรับระยะเวลารับประกันแบตฯเป็นตลอดอายุเลย ผมว่าอันนี้ดี ผมให้ MG มาอันดับ 1 ในตัวเลือกของผมในการตัดสินใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของผมตอนนี้เลย
จริงๆรถยนต์ไฟฟ้ามันยังใหม่นะ จริงๆมีอีกหลายข้อที่กังวล แต่นอกจาก 3 ข้อนี้ ผมคิดว่าข้ออื่นๆผมรับได้ ไม่ติดใจมากนัก เอาตรงๆ วางแผนไว้ว่ายังไงรถคันต่อๆไปของบ้านยังไงก็ต้อง "รถยนต์ไฟฟ้า" ช้าหรือเร็ว เท่านั้นแหล่ะ....