อินไซด์งบประมาณ อ.วีระ ธีรภัทร จัดเต็มทุกเม็ด จับตาชำแหละงบกองทัพ ถามหาความโปร่งใส
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4672392
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ใบตองแห้ง
อธึกกิต แสวงสุข สัมภาษณ์พิเศษ
เอกราช อุดมอำนวย สส.พรรคก้าวไกล กมธ.งบฯ 68 เผย อ.
วีระ ธีรภัทร คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทำการบ้านหนัก จดคำถามอันแหลมคมไว้ กะน็อกผู้ที่มาชี้แจง ได้ศึกษาวิธีการทำงานจาก อ.
วีระ แม้ว่าอยู่ในโควต้าของก้าวไกล แต่ทำงานเป็นอิสระ อยู่ในกลุ่มไลน์ก้าวไกล ไลน์วิปรัฐบาล ไม่ใช่นาตาชา เพราะต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุด จับตาทุกกระทรวง ชำแหละงบกองทัพถามหาความโปร่งใส ระดับ ผบ. เตรียมเข้ามาชี้แจง ส่งลูกน้องมาถ่ายรูปก่อนเข้าประชุมเพื่อความมั่นคง
ก้าวไกลปัดกลั่นแกล้ง จ้องตัดงบเหล่าทัพ จี้ส่งเอกสารเพิ่ม ข้องใจเงินนอกงบฯพุ่ง 4.89 พันล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4672925
‘ก้าวไกล’ ปัดกลั่นแกล้งจ้องตัดงบ ‘เหล่าทัพ’ ติงอย่าอ้างเรื่องลับ ทำชวนสงสัย จี้เงินนอกงบประมาณพุ่ง 4,890 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ของกระทรวงกลาโหม จำนวน 200,293 ล้านบาท ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 5,179 ล้านบาท ซึ่งมี นางม
นพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะรอง กมธ. ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม
โดยมี พล.อ.
สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.
ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.
เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. .ร.อ.
อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.
พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. เข้าร่วมพร้อมเพรียง
โดยช่วงเช้าเป็นการสรุปภารกิจของ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นในส่วน 3 เหล่าทัพ
นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตในการจัดทำงบของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ พร้อมย้ำว่า การตัดงบเพื่อความคุ้มค่าโปร่งใส ไม่ได้กลั่นแกล้ง และเรียกร้องให้เหล่าทัพส่งเอกสารเพิ่มเติม เพราะบางประเด็นไม่ใช่เรื่องลับ แต่ทำให้เป็นเรื่องลับจนถูกทำให้สงสัยว่าไม่โปร่งใส และมีความรู้สึกในสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน ด้วยการไม่ลงรายละเอียด เพียงอ้างว่าเป็นเรื่องลับ นอกจากนี้ มีเงินนอกงบประมาณเพิ่มขึ้นเดิม 660 ล้านบาท มาเป็น 4,890 ล้านบาท รวมถึงการจัดสัดส่วนงบประมาณให้กับเหล่าทัพใหม่จากเดิม 2:1:1
สอดคล้องกับ น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ให้ความสนใจเรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการชี้แจง น.ส.
พรรณิการ์ วานิช ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ได้เน้นย้ำให้สอบถาม กมธ.ก้าวไกล เน้นเรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพ
'ณัฐชา' เผย อนุกมธ. เรียกบริษัทดัง แจงปมปลาหมอคางดำ 11 ก.ค. นี้ จี้กรมประมงตรวจ DNA ซาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4672857
‘ณัฐชา’ เผย อนุกมธ. เรียกเอกชนดัง แจงปมปลาหมอคางดำ 11 ก.ค. นี้ จี้กรมประมงตรวจ DNA ซากในขวดโหลตรงสายกันหรือไม่ โอดเกษตรกรเลี้ยงกุ้งโดนปลาหมอคางดำกินเกลี้ยงบ่อ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤติปลาหมอคางดำ ว่า สถานการณ์หนักมาก เนื่องจากปลาชนิดนี้เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ อาศัยอยู่แถบประเทศกาน่า แอฟริกาใต้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนำเข้ามา 2,000 ตัว เมื่อปี 2553 หลังจากนั้นก็พบว่ามีการแจ้งทำลายทิ้งหมดแล้ว แต่กลับพบในแหล่งน้ำธรรมชาติ
“
หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องชัดเจนและตรงที่สุดคือกรมประมง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ กรมประมงดำเนินการอย่างไรไม่ทราบ แต่ผลกระทบสุดท้ายก็คือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุด เนื่องจากปลาสายพันธุ์นี้แพร่กระจายไปเต็มทั่วพื้นที่ วันนี้เราจะเห็นข่าวที่พี่น้องชาวภาคใต้ ทั้งจ.นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ออกมาบอกว่าวิตกกังวลกับปลาสายพันธุ์นี้ จะไปรุกรานสัตว์น้ำของเขา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นมหันตภัยร้ายที่สามารถทำลายมูลค่าทางเศรษฐกิจสัตว์น้ำไปปีหนึ่งหลาย 1,000 ล้านบาท” นาย
ณัฐชา กล่าว
นาย
ณัฐชา กล่าวต่อว่า พี่น้องในเขตบางขุนเทียนที่ตนเป็น สส. ลงทุนเลี้ยงกุ้ง 300,000 บาท โดยปลาสายพันธุ์นี้หลุดเข้ามากินกุ้งจนหมดบ่อ พอจะเลี้ยงรอบ 2 ต้องกู้เงินมาลงทุน พอถึงรอบ 3 ไม่มีเงินไปจ่ายเงินกู้ ตอนนี้ต้องขายโฉนดที่ดิน นี่เป็นภาพที่สะท้อนและเห็นได้ชัดถึงภัยร้ายแรงของปลาหมอคางดำ ดังนั้น อนุกรรมาธิการฯ จึงเรียกประชุมและถามหางานวิจัยที่ผิดพลาด ว่ามีหลักฐานทำลายล้างปลาต้นแบบมากน้อยแค่ไหน เพื่อหาต้นต่อคนรับผิดชอบให้ได้
เมื่อถามว่าในอนุ กมธ. บริษัทเอกชนชี้แจงว่าอย่างไรบ้าง นาย
ณัฐชา กล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.ค.ทางอนุกมธ. จะเชิญ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือ ซีพีเอฟ เพื่อขอดูข้อมูลหลักฐานการขออนุญาต นำเข้าแบบมีเงื่อนไขตอนปี 2549 เนื่องจากในปี 2549 มีการนำเข้าปลาสายพันธุ์นี้ ตอนนั้นยังไม่ใช้ชื่อว่าปลาหมอสีคางดำ หรือปลาหมอคางดำ แต่กลับใช้ชื่อว่าปลาสายพันธุ์เดียวกับปลานิล เพื่อมาผสมพันธุ์กับปลานิล และการขอนำเข้ามา จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งไว้ชัดเจนว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อวิจัย โดยบริษัทเอกชน และมีการนำเข้าจริงเกิดขึ้นปี 2553 หลังจากนั้นได้มีการแจ้งว่างานวิจัยผิดพลาด เนื่องจากปลาอ่อนแอและตายในที่สุด แต่ยังไม่ทราบรายงานเป็นอย่างไร ซึ่งอนุ กมธ. พยายามติดตามหาความจริงว่า หากปลาสายพันธุ์นี้หมดไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ณ วันนี้มาจากไหน
“
กรมประมงมีงานวิจัยที่ไปจับปลาหมอคางดำทั่วประเทศ 6 จังหวัด เพื่อมาศึกษา DNA ว่ามาจากต้นตอเดียวกันหรือไม่ รายงานฉบับนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าปลาทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่เป็นปลาหมอคางดำที่มาจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เดียวกัน ดังนั้นเหลือเพียง DNA ของปลาที่นำเข้ามา หากตรงกันเมื่อไหร่ แสดงว่าปลาที่แพร่ระบาดอยู่ทุกวันนี้มาจากปลาชุดที่นำเข้ามาวิจัย แต่ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ ทางอนุ กมธ.ก็ยังศึกษาต่อ” นาย
ณัฐชา กล่าว
เมื่อถามว่าปลาที่ทำลายไปแล้ว จะนำกลับเข้ามาตรวจสอบได้หรือไม่ นาย
ณัฐชา ระบุว่าในรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อปี 2560 มีรายงานว่า มีการทำลายทิ้งโดยการฝังกลบแล้ว เกือบ 2,000 ตัว เหลือไว้เพียงแค่ซากในขวดโหลประมาณ 50 ตัว ขวดละ 25 ตัว ส่งให้กับทางกรมประมง เพราะฉะนั้นตอนนี้เราอยากนำชิ้นส่วนตัวอย่างของปลาที่อยู่ในขวดโหลมาเทียบ DNA ว่าตรงกับที่แพร่กระจายอยู่หรือไม่
JJNY : อ.วีระถามหาความโปร่งใส│'ก้าวไกลปัดกลั่นแกล้ง│'ณัฐชา'เผยเรียก บ.ดัง แจงปมปลาหมอคางดำ│ตร.ไต้หวันบุกจับหญิงไทย
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4672392
The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ใบตองแห้ง อธึกกิต แสวงสุข สัมภาษณ์พิเศษ เอกราช อุดมอำนวย สส.พรรคก้าวไกล กมธ.งบฯ 68 เผย อ.วีระ ธีรภัทร คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ทำการบ้านหนัก จดคำถามอันแหลมคมไว้ กะน็อกผู้ที่มาชี้แจง ได้ศึกษาวิธีการทำงานจาก อ.วีระ แม้ว่าอยู่ในโควต้าของก้าวไกล แต่ทำงานเป็นอิสระ อยู่ในกลุ่มไลน์ก้าวไกล ไลน์วิปรัฐบาล ไม่ใช่นาตาชา เพราะต้องการข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่สุด จับตาทุกกระทรวง ชำแหละงบกองทัพถามหาความโปร่งใส ระดับ ผบ. เตรียมเข้ามาชี้แจง ส่งลูกน้องมาถ่ายรูปก่อนเข้าประชุมเพื่อความมั่นคง
ก้าวไกลปัดกลั่นแกล้ง จ้องตัดงบเหล่าทัพ จี้ส่งเอกสารเพิ่ม ข้องใจเงินนอกงบฯพุ่ง 4.89 พันล้าน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4672925
‘ก้าวไกล’ ปัดกลั่นแกล้งจ้องตัดงบ ‘เหล่าทัพ’ ติงอย่าอ้างเรื่องลับ ทำชวนสงสัย จี้เงินนอกงบประมาณพุ่ง 4,890 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) มีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ของกระทรวงกลาโหม จำนวน 200,293 ล้านบาท ได้รับจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 5,179 ล้านบาท ซึ่งมี นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม ในฐานะรอง กมธ. ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุม
โดยมี พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.ทหารสูงสุด พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผบ.ทบ. .ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. และ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ. เข้าร่วมพร้อมเพรียง
โดยช่วงเช้าเป็นการสรุปภารกิจของ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองทัพไทย สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นในส่วน 3 เหล่าทัพ
นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ตั้งข้อสังเกตในการจัดทำงบของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ พร้อมย้ำว่า การตัดงบเพื่อความคุ้มค่าโปร่งใส ไม่ได้กลั่นแกล้ง และเรียกร้องให้เหล่าทัพส่งเอกสารเพิ่มเติม เพราะบางประเด็นไม่ใช่เรื่องลับ แต่ทำให้เป็นเรื่องลับจนถูกทำให้สงสัยว่าไม่โปร่งใส และมีความรู้สึกในสิ่งที่ไม่ดีต่อกัน ด้วยการไม่ลงรายละเอียด เพียงอ้างว่าเป็นเรื่องลับ นอกจากนี้ มีเงินนอกงบประมาณเพิ่มขึ้นเดิม 660 ล้านบาท มาเป็น 4,890 ล้านบาท รวมถึงการจัดสัดส่วนงบประมาณให้กับเหล่าทัพใหม่จากเดิม 2:1:1
สอดคล้องกับ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ให้ความสนใจเรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพเช่นเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการชี้แจง น.ส.พรรณิการ์ วานิช ในฐานะผู้สังเกตการณ์ ได้เน้นย้ำให้สอบถาม กมธ.ก้าวไกล เน้นเรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพ
'ณัฐชา' เผย อนุกมธ. เรียกบริษัทดัง แจงปมปลาหมอคางดำ 11 ก.ค. นี้ จี้กรมประมงตรวจ DNA ซาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_4672857
‘ณัฐชา’ เผย อนุกมธ. เรียกเอกชนดัง แจงปมปลาหมอคางดำ 11 ก.ค. นี้ จี้กรมประมงตรวจ DNA ซากในขวดโหลตรงสายกันหรือไม่ โอดเกษตรกรเลี้ยงกุ้งโดนปลาหมอคางดำกินเกลี้ยงบ่อ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวิกฤติปลาหมอคางดำ ว่า สถานการณ์หนักมาก เนื่องจากปลาชนิดนี้เป็นเอเลี่ยนสปีชีส์ อาศัยอยู่แถบประเทศกาน่า แอฟริกาใต้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งนำเข้ามา 2,000 ตัว เมื่อปี 2553 หลังจากนั้นก็พบว่ามีการแจ้งทำลายทิ้งหมดแล้ว แต่กลับพบในแหล่งน้ำธรรมชาติ
“หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องชัดเจนและตรงที่สุดคือกรมประมง ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ กรมประมงดำเนินการอย่างไรไม่ทราบ แต่ผลกระทบสุดท้ายก็คือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงที่สุด เนื่องจากปลาสายพันธุ์นี้แพร่กระจายไปเต็มทั่วพื้นที่ วันนี้เราจะเห็นข่าวที่พี่น้องชาวภาคใต้ ทั้งจ.นครศรีธรรมราช สงขลา สุราษฎร์ธานี ออกมาบอกว่าวิตกกังวลกับปลาสายพันธุ์นี้ จะไปรุกรานสัตว์น้ำของเขา เพราะฉะนั้น เรื่องนี้เป็นมหันตภัยร้ายที่สามารถทำลายมูลค่าทางเศรษฐกิจสัตว์น้ำไปปีหนึ่งหลาย 1,000 ล้านบาท” นายณัฐชา กล่าว
นายณัฐชา กล่าวต่อว่า พี่น้องในเขตบางขุนเทียนที่ตนเป็น สส. ลงทุนเลี้ยงกุ้ง 300,000 บาท โดยปลาสายพันธุ์นี้หลุดเข้ามากินกุ้งจนหมดบ่อ พอจะเลี้ยงรอบ 2 ต้องกู้เงินมาลงทุน พอถึงรอบ 3 ไม่มีเงินไปจ่ายเงินกู้ ตอนนี้ต้องขายโฉนดที่ดิน นี่เป็นภาพที่สะท้อนและเห็นได้ชัดถึงภัยร้ายแรงของปลาหมอคางดำ ดังนั้น อนุกรรมาธิการฯ จึงเรียกประชุมและถามหางานวิจัยที่ผิดพลาด ว่ามีหลักฐานทำลายล้างปลาต้นแบบมากน้อยแค่ไหน เพื่อหาต้นต่อคนรับผิดชอบให้ได้
เมื่อถามว่าในอนุ กมธ. บริษัทเอกชนชี้แจงว่าอย่างไรบ้าง นายณัฐชา กล่าวว่า ในวันที่ 11 ก.ค.ทางอนุกมธ. จะเชิญ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือ ซีพีเอฟ เพื่อขอดูข้อมูลหลักฐานการขออนุญาต นำเข้าแบบมีเงื่อนไขตอนปี 2549 เนื่องจากในปี 2549 มีการนำเข้าปลาสายพันธุ์นี้ ตอนนั้นยังไม่ใช้ชื่อว่าปลาหมอสีคางดำ หรือปลาหมอคางดำ แต่กลับใช้ชื่อว่าปลาสายพันธุ์เดียวกับปลานิล เพื่อมาผสมพันธุ์กับปลานิล และการขอนำเข้ามา จากข้อมูลที่ได้รับแจ้งไว้ชัดเจนว่าเป็นการนำเข้ามาเพื่อวิจัย โดยบริษัทเอกชน และมีการนำเข้าจริงเกิดขึ้นปี 2553 หลังจากนั้นได้มีการแจ้งว่างานวิจัยผิดพลาด เนื่องจากปลาอ่อนแอและตายในที่สุด แต่ยังไม่ทราบรายงานเป็นอย่างไร ซึ่งอนุ กมธ. พยายามติดตามหาความจริงว่า หากปลาสายพันธุ์นี้หมดไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ณ วันนี้มาจากไหน
“กรมประมงมีงานวิจัยที่ไปจับปลาหมอคางดำทั่วประเทศ 6 จังหวัด เพื่อมาศึกษา DNA ว่ามาจากต้นตอเดียวกันหรือไม่ รายงานฉบับนั้นก็พิสูจน์แล้วว่าปลาทุกพื้นที่ของประเทศไทยที่เป็นปลาหมอคางดำที่มาจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์เดียวกัน ดังนั้นเหลือเพียง DNA ของปลาที่นำเข้ามา หากตรงกันเมื่อไหร่ แสดงว่าปลาที่แพร่ระบาดอยู่ทุกวันนี้มาจากปลาชุดที่นำเข้ามาวิจัย แต่ตอนนี้ไม่สามารถยืนยันได้ ทางอนุ กมธ.ก็ยังศึกษาต่อ” นายณัฐชา กล่าว
เมื่อถามว่าปลาที่ทำลายไปแล้ว จะนำกลับเข้ามาตรวจสอบได้หรือไม่ นายณัฐชา ระบุว่าในรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เข้าไปตรวจสอบเมื่อปี 2560 มีรายงานว่า มีการทำลายทิ้งโดยการฝังกลบแล้ว เกือบ 2,000 ตัว เหลือไว้เพียงแค่ซากในขวดโหลประมาณ 50 ตัว ขวดละ 25 ตัว ส่งให้กับทางกรมประมง เพราะฉะนั้นตอนนี้เราอยากนำชิ้นส่วนตัวอย่างของปลาที่อยู่ในขวดโหลมาเทียบ DNA ว่าตรงกับที่แพร่กระจายอยู่หรือไม่