ฮั่นแน่ เห็นคนปลื้มกับโครงการคนละครึ่งของลุง เลยยืมคำมาใช้ แต่ประโยชน์ และผลประโยชน์ต่างกันเยอะ
โครงการคนละครึ่งเกิดเนื่องจากวิกฤติโควิด ทำให้ต้อวเก็บกักตัวอยู่กับ้าน รายได้ของชาวบ้านที่ทำมาหากิน ขายของขายอาหาร หยุดชะงัก การจับจ่ายใช้สอยก็หยุดชะงัก เมื่อโควิดซาลงถ้าไม่มีโครงการมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เงินหมุนเวียนในระบบก็จะยังคงหยุดชะงัก เพราะต้องระมัดระวังการใช้จ่าย หากแจกเงินให้เฉยๆ คงมีบางส่วนที่จะไม่นำเงินออกมาใช้จ่าย เพราะกังวลถึงรายได้ในอนาคต ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ในการกระตุ้น โครงการคนละครึ่งจึงเกิดขึ้น เงินที่ี่เหมือนได้ฟรีๆ(ไม่ฟรีหรอก เพราะบังคับต้องใช้เท่ากับเงินที่ได้รับ) ย่อมต้องใช้ให้หมดไปดีกว่าปล่อยให้เสียเปล่า
การกำหนดร้านค้า สิ่งของที่จะใช้ในโครงการก็เป็นชาวบ้านทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อได้เงินก็จะนำไปใช้ต่อทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น โครงการนี้จึงเป็นที่ชืนชม
ปุ๋ยคนละครึ่ง ดูเหมือนเป็นการช่วยชาวนาให้ซื้อปุ๋ยได้ถูกลง โดยรัฐช่วยออกครึ่งหนึ่ง เป็นการกระตุ้นยอดขายของปุ๋ย ชาวนาที่ไม่เคยใช้ปุ๋ย หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ก็คงไม่ทิ้งเงินไปเปล่าๆก็นำไปซื้อปุ๋ย ชาวนาที่เคยใช้ก็ใข้เงินซื้อเท่าเดิม แต่ได้ปุ๋ยเป็นสองเท่า
สองโครงการนี้ดูเผินๆจะคล้ายๆกัน รัฐยอมเสียเงินครึ่งหนึ่งของการใช้จ่าย แต่ผลต่างกัน และช่องทางหาประโยชน์ของ นกม. ก็ต่างกัน
คนละครึ่ง ชาวบ้านร้านตลาด ประชาชนทั่วไปได้ประโยชน์ เงินหมุนเวียนในระบบทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ช่องทางหาประโยชน์ของ นกม. แทบจะไม่พบ
ปุ๋ยคนละครึ่ง ชาวนา คนขายปุ๋ย บ.ปุ๋ยได้ประโยชน์ เงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มจิ๊ดนึง แต่ช่องทางหาประโยชน์มีแน่ เพราะเป็นการทำให้ยอดขายปุ๋ยสูงขึ้นแน่นอน
สมมุติผมเป็น นกม.ชั่วที่คอยแต่จะจ้องหาผลประโยชน์จากงบประมาณโครงการช่วยเหลือประขาชน(เอาประชาชนเป็นหน้าเสื่อ) ผมก็จะไปเจรจากับ บ.ปุ๋ยรายใหญ่อันดับต้นๆ ว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายโดยทำโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง กำไรที่ได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ถ้าบริษัทรักผมเท่าไหร่ก็แบ่งให้ผมเท่านั้น รัฐเสียเงิน บ.ได้เงิน ผมได้เงิน ชาวนาได้ปุ๋ยแทนเงิน (ก็ได้เหมือนกัน )
ถ้าโครงการนี้เป็นไปด้วยดี โครงการอื่นจะตามมาอีกไม่น้อย เพราะผมมันชั่ว เอ๊ยไม่ใช่ผมดูหนังเยอะไปหน่อย เห็นคนชั่วๆในหนังมันชอบคิดอะไรแบบลึกบับซับซ้อนศ่อนเงื่อน เลยนำมามโนเป็นฉากๆ
โครงการคนละครึ่ง vs ปุ๋ยคนละครึ่ง
โครงการคนละครึ่งเกิดเนื่องจากวิกฤติโควิด ทำให้ต้อวเก็บกักตัวอยู่กับ้าน รายได้ของชาวบ้านที่ทำมาหากิน ขายของขายอาหาร หยุดชะงัก การจับจ่ายใช้สอยก็หยุดชะงัก เมื่อโควิดซาลงถ้าไม่มีโครงการมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เงินหมุนเวียนในระบบก็จะยังคงหยุดชะงัก เพราะต้องระมัดระวังการใช้จ่าย หากแจกเงินให้เฉยๆ คงมีบางส่วนที่จะไม่นำเงินออกมาใช้จ่าย เพราะกังวลถึงรายได้ในอนาคต ซึ่งผิดวัตถุประสงค์ในการกระตุ้น โครงการคนละครึ่งจึงเกิดขึ้น เงินที่ี่เหมือนได้ฟรีๆ(ไม่ฟรีหรอก เพราะบังคับต้องใช้เท่ากับเงินที่ได้รับ) ย่อมต้องใช้ให้หมดไปดีกว่าปล่อยให้เสียเปล่า
การกำหนดร้านค้า สิ่งของที่จะใช้ในโครงการก็เป็นชาวบ้านทั่วไปเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเมื่อได้เงินก็จะนำไปใช้ต่อทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น โครงการนี้จึงเป็นที่ชืนชม
ปุ๋ยคนละครึ่ง ดูเหมือนเป็นการช่วยชาวนาให้ซื้อปุ๋ยได้ถูกลง โดยรัฐช่วยออกครึ่งหนึ่ง เป็นการกระตุ้นยอดขายของปุ๋ย ชาวนาที่ไม่เคยใช้ปุ๋ย หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ก็คงไม่ทิ้งเงินไปเปล่าๆก็นำไปซื้อปุ๋ย ชาวนาที่เคยใช้ก็ใข้เงินซื้อเท่าเดิม แต่ได้ปุ๋ยเป็นสองเท่า
สองโครงการนี้ดูเผินๆจะคล้ายๆกัน รัฐยอมเสียเงินครึ่งหนึ่งของการใช้จ่าย แต่ผลต่างกัน และช่องทางหาประโยชน์ของ นกม. ก็ต่างกัน
คนละครึ่ง ชาวบ้านร้านตลาด ประชาชนทั่วไปได้ประโยชน์ เงินหมุนเวียนในระบบทั่วประเทศเพิ่มขึ้น ช่องทางหาประโยชน์ของ นกม. แทบจะไม่พบ
ปุ๋ยคนละครึ่ง ชาวนา คนขายปุ๋ย บ.ปุ๋ยได้ประโยชน์ เงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มจิ๊ดนึง แต่ช่องทางหาประโยชน์มีแน่ เพราะเป็นการทำให้ยอดขายปุ๋ยสูงขึ้นแน่นอน
สมมุติผมเป็น นกม.ชั่วที่คอยแต่จะจ้องหาผลประโยชน์จากงบประมาณโครงการช่วยเหลือประขาชน(เอาประชาชนเป็นหน้าเสื่อ) ผมก็จะไปเจรจากับ บ.ปุ๋ยรายใหญ่อันดับต้นๆ ว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายโดยทำโครงการขึ้นมาโครงการหนึ่ง กำไรที่ได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ถ้าบริษัทรักผมเท่าไหร่ก็แบ่งให้ผมเท่านั้น รัฐเสียเงิน บ.ได้เงิน ผมได้เงิน ชาวนาได้ปุ๋ยแทนเงิน (ก็ได้เหมือนกัน )
ถ้าโครงการนี้เป็นไปด้วยดี โครงการอื่นจะตามมาอีกไม่น้อย เพราะผมมันชั่ว เอ๊ยไม่ใช่ผมดูหนังเยอะไปหน่อย เห็นคนชั่วๆในหนังมันชอบคิดอะไรแบบลึกบับซับซ้อนศ่อนเงื่อน เลยนำมามโนเป็นฉากๆ