พระสุภาเถรีภิกษุณี พระเถรีผู้แกร่งกล้า
เรื่องของ "อิสตรีผู้ครองเพศพรหมจรรย์มุ่งหวังความหลุดพ้น กับพาลชนผู้ลุ่มหลงกามารมณ์หมายมุ่งจะข่มขืน"
๏ บรรลุอนาคามีผลภายใน 3 วันหลังออกบวช
ในติงสนิบาต คาถาว่า ชีวกมฺพวนํ รมฺมํ เป็นต้นเป็นคาถาของพระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระเถรีแม้รูปนี้ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สร้างสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้นๆ อบรมกุศลมูล เพิ่มพูนสัมภารธรรมเครื่องปรุงแต่งวิโมกข์มาโดยลำดับ มีญาณแก่กล้า มาในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ในกรุงราชคฤห์ มีนามว่าสุภา.
เล่ากันมาว่า นางมีส่วนแห่งเรือนร่างประกอบด้วยผิวพรรณดั่งทอง เพราะฉะนั้น นางจึงมีนามคล้อยตามไป ด้วยว่า สุภา แปลว่า งาม.
ขณะพระศาสดาเสด็จเข้าไปกรุงราชคฤห์ นางก็ได้ศรัทธาเป็นอุบาสิกา ต่อมาเกิดความสังเวชในสังสารวัฏ เห็นโทษในกามทั้งหลาย และกำหนดเอาเนกขัมมะการบวชเป็นทางเกษม บวชในสำนักพระนางปชาบดีโคตมี บำเพ็ญวิปัสสนา ๒-๓ วันเท่านั้นก็ดำรงอยู่ในพระอนาคามิผล.
สุภาภิกษุณีพิจารณาหัวข้อธรรมบางประการ ประคองจิต และสติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พรางรำลึกถึงธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเมื่อสายวานนี้ เพื่อเทียบกับใจและความเพียรที่กำลังเพ่งพิศอยู่ พระธรรมเทศนาของพระศาสดานั้นช่างโดนใจของนางเสียเหลือเกิน ในขณะที่นางกำลังต่อสู้กับกิเลสอยู่นั้น นางย้อนรำลึกถึงพระธรรมเทศนาประดุจธาราที่หลั่งไหลมาจากภูเขาสูงซัดสาดเอาสิ่งสกปรกทั้งหลายมาด้วย
พระพุทธองค์ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เมฆคือฟ้ามี ๔ อย่าง คือ
1) ฟ้าคำรามแต่ฝนไม่ตก
2) ฝนตกแต่ฟ้าไม่คำราม
3) ฟ้าไม่คำราม ทั้งฝนก็ไม่ตก
4) ฟ้าคำรามด้วยทั้งฝนก็พลอยตกด้วย
ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลเปรียบด้วยเมฆคือฟ้า ๔ จำพวกนี้จึงมีปรากฏอยู่ในโลกนี้คือ
1) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบพูดแต่ไม่ชอบทำ เป็นคนดุจฟ้าคำรามแต่ฝนไม่ตก
2) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบทำแต่ไม่ชอบพูด เป็นคนประดุจฝนตกแต่ฟ้าก็ไม่คำราม
3) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนไม่ชอบพูดด้วยทั้งไม่ชอบทำ เป็นคนประดุจฟ้าไม่คำรามและทั้งฝนก็ไม่ตก
4) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบพูดด้วยและชอบทำด้วย เป็นคนประดุจฟ้าคำรามด้วยและฝนก็พลอยตกลงไปด้วย
ภิกษุทั้งหลายบุคคลเปรียบด้วยเมฆคือฟ้า 4 จำพวกนี้ จึงมีปรากฏอยู่ในโลกนี้ บุคคล 4 จำพวกที่พระศาสดาตรัสไว้ เราจะถูกจัดไว้ในจำพวกไหนในเวลานี้หนอ
สุภาภิกษุณีตั้งใจบำเพ็ญสมถะวิปัสสนา โดยยึดเอาหัวข้อธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงมาพิจารณา โดยกาลไม่นานนักเพียง 3 วัน แห่งการอุปสมบทเป็นภิกษุณี นางก็สำเร็จอนาคามิผลเป็นพระอนาคามีในพระพุทธศาสนา บัดนี้ใจของนางมีคุณธรรมเป็นเครื่องรองรับแล้ว กิเลสที่เคยก่อกวนใจให้หักเห บัดนี้ไม่มีแล้ว
นางจึงเหมือนวัวตัวแรกพร้อมที่จะออกจากคอก คือ วัฏฏะที่รุมล้อมจิตใจมานานแสนนาน ถึงนางยังไม่บรรลุอรหันต์ แต่ทุกข์นั้นก็มีน้อยเต็มที
ที่มา :
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา ติงสนิบาต
๑. สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
อรรถกถาเถรีคาถา ติงสนิบาต
อรรถกถาสุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
ที่มา
https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/63455
นักบวชหญิงสายโหด! ถือโสด (บรรลุอนาคามี ภายใน 3 วันหลังออกบวช)
เรื่องของ "อิสตรีผู้ครองเพศพรหมจรรย์มุ่งหวังความหลุดพ้น กับพาลชนผู้ลุ่มหลงกามารมณ์หมายมุ่งจะข่มขืน"
๏ บรรลุอนาคามีผลภายใน 3 วันหลังออกบวช
ในติงสนิบาต คาถาว่า ชีวกมฺพวนํ รมฺมํ เป็นต้นเป็นคาถาของพระสุภาชีวกัมพวนิกาเถรี มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
พระเถรีแม้รูปนี้ก็ได้บำเพ็ญบารมีมาในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สร้างสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานมาในภพนั้นๆ อบรมกุศลมูล เพิ่มพูนสัมภารธรรมเครื่องปรุงแต่งวิโมกข์มาโดยลำดับ มีญาณแก่กล้า มาในพุทธุปบาทกาลนี้ ก็บังเกิดในตระกูลพราหมณ์มหาศาล ในกรุงราชคฤห์ มีนามว่าสุภา.
เล่ากันมาว่า นางมีส่วนแห่งเรือนร่างประกอบด้วยผิวพรรณดั่งทอง เพราะฉะนั้น นางจึงมีนามคล้อยตามไป ด้วยว่า สุภา แปลว่า งาม.
ขณะพระศาสดาเสด็จเข้าไปกรุงราชคฤห์ นางก็ได้ศรัทธาเป็นอุบาสิกา ต่อมาเกิดความสังเวชในสังสารวัฏ เห็นโทษในกามทั้งหลาย และกำหนดเอาเนกขัมมะการบวชเป็นทางเกษม บวชในสำนักพระนางปชาบดีโคตมี บำเพ็ญวิปัสสนา ๒-๓ วันเท่านั้นก็ดำรงอยู่ในพระอนาคามิผล.
สุภาภิกษุณีพิจารณาหัวข้อธรรมบางประการ ประคองจิต และสติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พรางรำลึกถึงธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเมื่อสายวานนี้ เพื่อเทียบกับใจและความเพียรที่กำลังเพ่งพิศอยู่ พระธรรมเทศนาของพระศาสดานั้นช่างโดนใจของนางเสียเหลือเกิน ในขณะที่นางกำลังต่อสู้กับกิเลสอยู่นั้น นางย้อนรำลึกถึงพระธรรมเทศนาประดุจธาราที่หลั่งไหลมาจากภูเขาสูงซัดสาดเอาสิ่งสกปรกทั้งหลายมาด้วย
พระพุทธองค์ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย เมฆคือฟ้ามี ๔ อย่าง คือ
1) ฟ้าคำรามแต่ฝนไม่ตก
2) ฝนตกแต่ฟ้าไม่คำราม
3) ฟ้าไม่คำราม ทั้งฝนก็ไม่ตก
4) ฟ้าคำรามด้วยทั้งฝนก็พลอยตกด้วย
ภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน บุคคลเปรียบด้วยเมฆคือฟ้า ๔ จำพวกนี้จึงมีปรากฏอยู่ในโลกนี้คือ
1) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบพูดแต่ไม่ชอบทำ เป็นคนดุจฟ้าคำรามแต่ฝนไม่ตก
2) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบทำแต่ไม่ชอบพูด เป็นคนประดุจฝนตกแต่ฟ้าก็ไม่คำราม
3) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนไม่ชอบพูดด้วยทั้งไม่ชอบทำ เป็นคนประดุจฟ้าไม่คำรามและทั้งฝนก็ไม่ตก
4) คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนชอบพูดด้วยและชอบทำด้วย เป็นคนประดุจฟ้าคำรามด้วยและฝนก็พลอยตกลงไปด้วย
ภิกษุทั้งหลายบุคคลเปรียบด้วยเมฆคือฟ้า 4 จำพวกนี้ จึงมีปรากฏอยู่ในโลกนี้ บุคคล 4 จำพวกที่พระศาสดาตรัสไว้ เราจะถูกจัดไว้ในจำพวกไหนในเวลานี้หนอ
สุภาภิกษุณีตั้งใจบำเพ็ญสมถะวิปัสสนา โดยยึดเอาหัวข้อธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงมาพิจารณา โดยกาลไม่นานนักเพียง 3 วัน แห่งการอุปสมบทเป็นภิกษุณี นางก็สำเร็จอนาคามิผลเป็นพระอนาคามีในพระพุทธศาสนา บัดนี้ใจของนางมีคุณธรรมเป็นเครื่องรองรับแล้ว กิเลสที่เคยก่อกวนใจให้หักเห บัดนี้ไม่มีแล้ว
นางจึงเหมือนวัวตัวแรกพร้อมที่จะออกจากคอก คือ วัฏฏะที่รุมล้อมจิตใจมานานแสนนาน ถึงนางยังไม่บรรลุอรหันต์ แต่ทุกข์นั้นก็มีน้อยเต็มที
ที่มา :
อรรถกถา ขุททกนิกาย เถรีคาถา ติงสนิบาต
๑. สุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
อรรถกถาเถรีคาถา ติงสนิบาต
อรรถกถาสุภาชีวกัมพวนิกาเถรีคาถา
ที่มา https://www.trueplookpanya.com/dhamma/content/63455