ชายหนุ่มนักดนตรีข้างถนน เขามีความใฝ่ฝันเหมือนนักดนตรีแทบทุกคนบนโลกนั่นก็คือการมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
แต่แน่นอนว่าฝันนั้นเป็นเรื่องไกลตัว นอกจากมาเล่นกีตาร์เปิดหมวกในเมืองแลกเศษเงินจากนักท่องเที่ยวคนละนิดคนละหน่อย
เขาก็ต้องช่วยพ่อที่เปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นศิลปินก็แค่ฝัน...
หญิงสาวที่อพยพจากสาธารณรัฐเช็กฯบ้านเกิด มามีชีวิตใหม่ในกรุงดับลิน
แต่เธอก็ต้องอดทนต่อสู้ทำงานทุกอย่างเพื่อหารายได้ไปจุนเจือแม่และลูกสาวในแฟลตเล็กๆ
ที่อยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมชาติที่อพยพมาเช่นกัน..
หญิงสาวขายทั้งนิตยสาร Big Issue (นิตยสารที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับคนไร้บ้านและคนจร)
ขายดอกไม้และของที่ระลึกต่างๆ เธอมีความฝันเช่นกัน นั่นก็คือการเป็นนักดนตรี....
ชายหนุ่มกับหญิงสาวมาพบกันโดยมีดนตรีเป็นสื่อกลาง และนั่นทำให้ทั้งคู่ได้รู้จัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ชายหนุ่มจึงรู้ว่าหญิงสาวมีพรสวรรค์ทางดนตรีมากแค่ไหน เธอเล่นเปียโนได้
แต่เนื่องจากฐานะยากจน การมีเปียโนให้เล่นจึงเป็นไปไม่ได้เลย
ทุกวันเธอจะไปขอร้านขายเครื่องดนตรีไปเล่นวันละชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งสองเปิดใจ ต่างคนก็มีปัญหาในชีวิต..ชายหนุ่มโดนคนรักทิ้งเขาและหนีไปอยู่ที่กรุงลอนดอน
ส่วนหญิงสาวก็ล้มเหลวในชีวิตคู่ สามีของเธออยู่ที่เช็กฯไม่ได้เดินทางมาด้วย รักที่ห่างไกลทำให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหินเหลือเกิน
แต่ทุกอย่างก็มีเส้นทางของมัน ชายหนุ่มตัดสินใจว่าเขาจะชวนให้หญิงสาวมาเล่นเพลงกันกับเขา
ไปเป็นศิลปิน...เล่นเพลงของตัวเองให้ทุกคนได้ฟัง...
Once เป็นภาพยนตร์ Romantic Musical Drama สัญชาติไอริช ที่เขียนบทและกำกับโดยจอห์น คาร์นีย์
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Glen Hansard และ Markéta Irglová ในบทนักดนตรีสองคนที่ดิ้นรนในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ซึ่ง Hansard และ Irglová มีผลงานดนตรีในชื่อ Swell Season และแต่งและแสดงเพลงต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้
Hansard และ Irglová รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ 6 ปีครับ ตอนนั้นฝ่ายหญิงอายุแค่ 13 ส่วน Hansard อายุ 31
ทั้งคู่เจอในงานดนตรีที่เช็กฯ ด้วยความสามารถทางดนตรีทำให้ Hansard ประทับใจอย่างมาก
เขามีส่วนช่วยในการพัฒนาเธอในด้านการเขียนเพลงรวมถึงเรื่องต่างๆ จนมีอัลบั้มร่วมกันในชื่อว่า The Swell Season
และทั้งคู่ก็คบหากันอย่างจริงจัง.. ก่อนที่จะยุติความสัมพันธ์รวมถึงเส้นทางดนตรีของแต่ละคนที่แยกย้ายกันไปในอีก 3 ปีต่อมา...
ในทศวรรษที่ผ่านมา ถ้าถามถึงหนังเพลงที่แฟนหนังรู้จักกันดีย่อมหนีไม่พ้น 2 เรื่องที่ถือว่าประสบความสำเร็จสูงที่สุด
นั่นก็คือเรื่อง Begin Again (2013) และ Sing Street (2016) ซึ่ง 2 เรื่องที่ว่ามานี้ ก็คือผลงานการกำกับเดียวกันกับเรื่องนี้
มันคือผลงานการเขียนบทและกำกับของ จอห์น คาร์นีย์ เช่นเดียวกัน โดยเรื่อง Once นี้คือผลงานเปิดตัวสร้างชื่อเสียงให้กับเขานั่นเอง
สารภาพเลยครับว่าผมก็มาดูหนังเรื่องนี้ทีหลังจาก 2 เรื่องที่ว่ามาในย่อหน้าข้างต้น
และผมก็เชื่อว่าหลายท่านยังไม่ได้ชมเรื่องนี้เช่นกัน.. ผมดูโดยที่ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือหนังของจอห์น คาร์นีย์
เป็นการสุ่มหาหนังดู แล้วสุดท้ายก็ถูกหนังตรึงให้อยู่กับหน้าจอโดยพลัน...
นี่คือหนังเพลงที่เหงามาก... มันมีความรู้สึกหลายอย่างที่ท่วมท้นล้นเอ่อในใจ ไม่ได้เว่อร์นะครับ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ตัวเองทั้ง 2 ในเรื่องไม่มีแม้แต่ชื่อให้เรียกขานว่าชื่ออะไร แต่ดูแล้วมันเป็นความเหงาที่ปนไปด้วยด้วยความอบอุ่นละมุนใจ
ประกอบไปกับบทเพลงที่ร้อยเรียงถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
จนกระทั่งหนังจบต้องไปรีบหารายละเอียดแล้วถึงบางอ้อได้ว่า มิน่าล่ะหนังถึงได้เทพขนาดนี้
เจ้าของเดียวกันกับ Begin Again และ Sing Street นั่นเอง
สำหรับ Once มันดูสมจริงมากกว่า มันเข้าถึงและสัมผัสได้ง่ายมากกว่า อาจจะเป็นไปได้ว่านี่คืองานแรกของ คาร์นีย์
ดังนั้นทุกอย่างจึงออกมาอย่างบริสุทธิ์ นักแสดงทั้งสองเป็นศิลปินจริงๆ รู้จักกันมาและคบหากันจริงๆ
และอะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยทุนสร้างแค่ 150,000 เหรียญ
แต่สร้างรายได้สูงถึง 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ...ซึ่งนอกจากเงินแล้ว
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ยังคว้าเพลงประกอบยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ครั้งที่ 80 มาครองได้อีกด้วย
กับบทเพลงที่ชื่อว่า "Falling Slowly" เพลงที่แต่งโดย Hansard และ Irglová พระเอกนางเอกเรื่องนี้
มีอีกหลายซีนที่ผมประทับใจ ทั้งช่วงที่พระเอกตัดสินใจว่าจะไปทำตามความฝันของตัวเอง แล้วถามพ่อว่าพ่ออยู่คนเดียวได้มั้ย..
ช่วงที่ไปบันทึกเสียงแล้วสาดเพลงกันไม่ยั้งทำเอาซาวน์เอ็นฯที่นั่งเบื่อๆถึงกับอึ้ง..
บทเพลงต่างๆที่ประกอบไว้ในหนังเรื่องนี้มันคือความลงตัวที่แสนประทับใจอย่างแท้จริง
และทุกอย่างมันก็นำพาไปสู่เหตุการณ์ในตอนจบที่มันสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
ผมมั่นใจว่าถ้าคุณชอบหนังเพลง หนังรักโรแมนติค.. คุณจะรักหนังเรื่องนี้ไม่ต่างไปจากผมแน่นอน
การที่เราได้พบกับใครสักคน ได้พูดคุย ทำความรู้จักกัน
ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นแม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความทรงจำนั้นมันคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันลืมจริงๆ...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Once (2007) ครั้งหนึ่ง.. อยู่ในใจ.. ไม่มีวันลืม.. (หนังเพลงที่ผมรัก)==
ชายหนุ่มนักดนตรีข้างถนน เขามีความใฝ่ฝันเหมือนนักดนตรีแทบทุกคนบนโลกนั่นก็คือการมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง
แต่แน่นอนว่าฝันนั้นเป็นเรื่องไกลตัว นอกจากมาเล่นกีตาร์เปิดหมวกในเมืองแลกเศษเงินจากนักท่องเที่ยวคนละนิดคนละหน่อย
เขาก็ต้องช่วยพ่อที่เปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ดังนั้นโอกาสที่จะเป็นศิลปินก็แค่ฝัน...
หญิงสาวที่อพยพจากสาธารณรัฐเช็กฯบ้านเกิด มามีชีวิตใหม่ในกรุงดับลิน
แต่เธอก็ต้องอดทนต่อสู้ทำงานทุกอย่างเพื่อหารายได้ไปจุนเจือแม่และลูกสาวในแฟลตเล็กๆ
ที่อยู่ร่วมกันกับเพื่อนร่วมชาติที่อพยพมาเช่นกัน..
หญิงสาวขายทั้งนิตยสาร Big Issue (นิตยสารที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับคนไร้บ้านและคนจร)
ขายดอกไม้และของที่ระลึกต่างๆ เธอมีความฝันเช่นกัน นั่นก็คือการเป็นนักดนตรี....
ชายหนุ่มกับหญิงสาวมาพบกันโดยมีดนตรีเป็นสื่อกลาง และนั่นทำให้ทั้งคู่ได้รู้จัก สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
ชายหนุ่มจึงรู้ว่าหญิงสาวมีพรสวรรค์ทางดนตรีมากแค่ไหน เธอเล่นเปียโนได้
แต่เนื่องจากฐานะยากจน การมีเปียโนให้เล่นจึงเป็นไปไม่ได้เลย
ทุกวันเธอจะไปขอร้านขายเครื่องดนตรีไปเล่นวันละชั่วโมงเท่านั้น
ทั้งสองเปิดใจ ต่างคนก็มีปัญหาในชีวิต..ชายหนุ่มโดนคนรักทิ้งเขาและหนีไปอยู่ที่กรุงลอนดอน
ส่วนหญิงสาวก็ล้มเหลวในชีวิตคู่ สามีของเธออยู่ที่เช็กฯไม่ได้เดินทางมาด้วย รักที่ห่างไกลทำให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหินเหลือเกิน
แต่ทุกอย่างก็มีเส้นทางของมัน ชายหนุ่มตัดสินใจว่าเขาจะชวนให้หญิงสาวมาเล่นเพลงกันกับเขา
ไปเป็นศิลปิน...เล่นเพลงของตัวเองให้ทุกคนได้ฟัง...
Once เป็นภาพยนตร์ Romantic Musical Drama สัญชาติไอริช ที่เขียนบทและกำกับโดยจอห์น คาร์นีย์
ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดย Glen Hansard และ Markéta Irglová ในบทนักดนตรีสองคนที่ดิ้นรนในดับลิน ประเทศไอร์แลนด์
ซึ่ง Hansard และ Irglová มีผลงานดนตรีในชื่อ Swell Season และแต่งและแสดงเพลงต้นฉบับของภาพยนตร์เรื่องนี้
Hansard และ Irglová รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ 6 ปีครับ ตอนนั้นฝ่ายหญิงอายุแค่ 13 ส่วน Hansard อายุ 31
ทั้งคู่เจอในงานดนตรีที่เช็กฯ ด้วยความสามารถทางดนตรีทำให้ Hansard ประทับใจอย่างมาก
เขามีส่วนช่วยในการพัฒนาเธอในด้านการเขียนเพลงรวมถึงเรื่องต่างๆ จนมีอัลบั้มร่วมกันในชื่อว่า The Swell Season
และทั้งคู่ก็คบหากันอย่างจริงจัง.. ก่อนที่จะยุติความสัมพันธ์รวมถึงเส้นทางดนตรีของแต่ละคนที่แยกย้ายกันไปในอีก 3 ปีต่อมา...
ในทศวรรษที่ผ่านมา ถ้าถามถึงหนังเพลงที่แฟนหนังรู้จักกันดีย่อมหนีไม่พ้น 2 เรื่องที่ถือว่าประสบความสำเร็จสูงที่สุด
นั่นก็คือเรื่อง Begin Again (2013) และ Sing Street (2016) ซึ่ง 2 เรื่องที่ว่ามานี้ ก็คือผลงานการกำกับเดียวกันกับเรื่องนี้
มันคือผลงานการเขียนบทและกำกับของ จอห์น คาร์นีย์ เช่นเดียวกัน โดยเรื่อง Once นี้คือผลงานเปิดตัวสร้างชื่อเสียงให้กับเขานั่นเอง
สารภาพเลยครับว่าผมก็มาดูหนังเรื่องนี้ทีหลังจาก 2 เรื่องที่ว่ามาในย่อหน้าข้างต้น
และผมก็เชื่อว่าหลายท่านยังไม่ได้ชมเรื่องนี้เช่นกัน.. ผมดูโดยที่ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือหนังของจอห์น คาร์นีย์
เป็นการสุ่มหาหนังดู แล้วสุดท้ายก็ถูกหนังตรึงให้อยู่กับหน้าจอโดยพลัน...
นี่คือหนังเพลงที่เหงามาก... มันมีความรู้สึกหลายอย่างที่ท่วมท้นล้นเอ่อในใจ ไม่ได้เว่อร์นะครับ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ตัวเองทั้ง 2 ในเรื่องไม่มีแม้แต่ชื่อให้เรียกขานว่าชื่ออะไร แต่ดูแล้วมันเป็นความเหงาที่ปนไปด้วยด้วยความอบอุ่นละมุนใจ
ประกอบไปกับบทเพลงที่ร้อยเรียงถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
จนกระทั่งหนังจบต้องไปรีบหารายละเอียดแล้วถึงบางอ้อได้ว่า มิน่าล่ะหนังถึงได้เทพขนาดนี้
เจ้าของเดียวกันกับ Begin Again และ Sing Street นั่นเอง
สำหรับ Once มันดูสมจริงมากกว่า มันเข้าถึงและสัมผัสได้ง่ายมากกว่า อาจจะเป็นไปได้ว่านี่คืองานแรกของ คาร์นีย์
ดังนั้นทุกอย่างจึงออกมาอย่างบริสุทธิ์ นักแสดงทั้งสองเป็นศิลปินจริงๆ รู้จักกันมาและคบหากันจริงๆ
และอะไรบางอย่างที่ว่านั่นก็ทำให้หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างน่าเหลือเชื่อด้วยทุนสร้างแค่ 150,000 เหรียญ
แต่สร้างรายได้สูงถึง 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ...ซึ่งนอกจากเงินแล้ว
เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ยังคว้าเพลงประกอบยอดเยี่ยมในเวทีออสการ์ครั้งที่ 80 มาครองได้อีกด้วย
กับบทเพลงที่ชื่อว่า "Falling Slowly" เพลงที่แต่งโดย Hansard และ Irglová พระเอกนางเอกเรื่องนี้
มีอีกหลายซีนที่ผมประทับใจ ทั้งช่วงที่พระเอกตัดสินใจว่าจะไปทำตามความฝันของตัวเอง แล้วถามพ่อว่าพ่ออยู่คนเดียวได้มั้ย..
ช่วงที่ไปบันทึกเสียงแล้วสาดเพลงกันไม่ยั้งทำเอาซาวน์เอ็นฯที่นั่งเบื่อๆถึงกับอึ้ง..
บทเพลงต่างๆที่ประกอบไว้ในหนังเรื่องนี้มันคือความลงตัวที่แสนประทับใจอย่างแท้จริง
และทุกอย่างมันก็นำพาไปสู่เหตุการณ์ในตอนจบที่มันสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
ผมมั่นใจว่าถ้าคุณชอบหนังเพลง หนังรักโรแมนติค.. คุณจะรักหนังเรื่องนี้ไม่ต่างไปจากผมแน่นอน
การที่เราได้พบกับใครสักคน ได้พูดคุย ทำความรู้จักกัน
ความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นแม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ความทรงจำนั้นมันคงอยู่ตลอดไปไม่มีวันลืมจริงๆ...
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===