ยาน Curiosity ของ NASA ถ่ายภาพขณะพายุสุริยะถล่มดาวอังคาร เมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา
จากภาพที่เห็นเป็นจุดเป็นริ้วๆนั้นไม่ใช่ภาพไม่คมชัด ไม่ใช่เกรนของฟิล์มแต่อย่างใด แต่เป็นอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์กำลังพุ่งชนพื้นผิวของดาวอังคาร ที่เป็นเช่นนี้เพราะดาวอังคารไม่มีสนามแม่เหล็กที่จะมาคอยเบียงเบนอนุภาคเหล่านี้ออกไป ซึ่งจะแตกต่างจากของโลกที่จะถูกสนามแม่เหล็กโลกเบี่ยงออกไป จึงเห็นเป็นแค่แสงออโรร่าบนท้องฟ้าบริเวณขั้วโลกเท่านั้น แต่สำหรับดาวอังคารจะเห็นออโรร่าทุกพื้นที่ รวมถึงบนดินด้วย โดยภาพแรกนั้นเป็นภาพที่ยานอยู่กลางแจ้ง ส่วนภาพที่ 2 เป็นภาพที่ยานเคลื่อนที่เข้ามาใกล้หน้าผา
NASA กล่าวว่าหากมีมนุษย์ยืนอยู่ข้างยานตอนนั้น พวกเขาจะได้รับรังสีเทียบเท่าการ X-ray ทรวงอก 30 ครั้ง (8,100 micrograys) ซึ่งเป็นการตรวจพบปริมาณรังสีที่เยอะที่สุดที่อุปกรณ์ RAD (Radiation Assessment Detector) ของยาน Curiosity ตรวจวัดได้ในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ยานลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคาร
นอกจากนี้ NASA กล่าวว่านักบินอวกาศที่จะเดินทางไปสำรวจดาวอังคารในอนาคตอาจสามารถหลบรังสีและอนุภาคพลังงานสูงเหล่านึ้ได้จากหน้าผา หรือท่อลาวา (ท่อที่เกิดจากลาวาไหลแทรกพื้นดินจนเกิดเป็นท่อ)
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งจากยาน MAVEN ที่โคจรผ่านบริเวณนั้นพอดี
ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในอนาคต
ข้อมูลจาก NASA/JPL-Caltech :
https://www.jpl.nasa.gov/news/nasa-watches-mars-light-up-during-epic-solar-storm?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR22mPWt6PiChkmyo8prtnW41WhyIPJw5ZEwvplCfPGIo2GUCCm5FejTLr0_aem_I2hb6xXrlaUEg31iOAoQ_Q
NASA เผยภาพพายุสุริยะถล่มดาวอังคาร
จากภาพที่เห็นเป็นจุดเป็นริ้วๆนั้นไม่ใช่ภาพไม่คมชัด ไม่ใช่เกรนของฟิล์มแต่อย่างใด แต่เป็นอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์กำลังพุ่งชนพื้นผิวของดาวอังคาร ที่เป็นเช่นนี้เพราะดาวอังคารไม่มีสนามแม่เหล็กที่จะมาคอยเบียงเบนอนุภาคเหล่านี้ออกไป ซึ่งจะแตกต่างจากของโลกที่จะถูกสนามแม่เหล็กโลกเบี่ยงออกไป จึงเห็นเป็นแค่แสงออโรร่าบนท้องฟ้าบริเวณขั้วโลกเท่านั้น แต่สำหรับดาวอังคารจะเห็นออโรร่าทุกพื้นที่ รวมถึงบนดินด้วย โดยภาพแรกนั้นเป็นภาพที่ยานอยู่กลางแจ้ง ส่วนภาพที่ 2 เป็นภาพที่ยานเคลื่อนที่เข้ามาใกล้หน้าผา
NASA กล่าวว่าหากมีมนุษย์ยืนอยู่ข้างยานตอนนั้น พวกเขาจะได้รับรังสีเทียบเท่าการ X-ray ทรวงอก 30 ครั้ง (8,100 micrograys) ซึ่งเป็นการตรวจพบปริมาณรังสีที่เยอะที่สุดที่อุปกรณ์ RAD (Radiation Assessment Detector) ของยาน Curiosity ตรวจวัดได้ในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ยานลงจอดบนพื้นผิวดาวอังคาร
นอกจากนี้ NASA กล่าวว่านักบินอวกาศที่จะเดินทางไปสำรวจดาวอังคารในอนาคตอาจสามารถหลบรังสีและอนุภาคพลังงานสูงเหล่านึ้ได้จากหน้าผา หรือท่อลาวา (ท่อที่เกิดจากลาวาไหลแทรกพื้นดินจนเกิดเป็นท่อ)
ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันอีกครั้งจากยาน MAVEN ที่โคจรผ่านบริเวณนั้นพอดี
ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์อย่างมากในการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในอนาคต
ข้อมูลจาก NASA/JPL-Caltech : https://www.jpl.nasa.gov/news/nasa-watches-mars-light-up-during-epic-solar-storm?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR22mPWt6PiChkmyo8prtnW41WhyIPJw5ZEwvplCfPGIo2GUCCm5FejTLr0_aem_I2hb6xXrlaUEg31iOAoQ_Q