พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ๒. ราธสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑
๑. มารสูตร
ว่าด้วยขันธมาร
[๓๖๖] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอแล จึงเรียกว่า มาร?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรราธะ เมื่อรูปมีอยู่ มาร (ความตาย) จึงมี
ผู้ทำให้ตายจึงมี
ผู้ตายจึงมี
เพราะฉะนั้นแหละ ราธะ
เธอจงพิจารณาเห็นรูปว่า เป็นมารเป็นผู้ทำให้ตาย
เป็นผู้ตาย
เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร
เป็นความทุกข์ เป็นตัวทุกข์
บุคคลเหล่าใดพิจารณาเห็นรูปนั้นอย่างนี้
บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นชอบ.
เมื่อเวทนามีอยู่ ฯลฯ เมื่อสัญญามีอยู่ ฯลฯ เมื่อสังขารมีอยู่ ฯลฯ เมื่อวิญญาณมีอยู่ มารจึงมี
ผู้ทำให้ตายจึงมี
ผู้ตายจึงมี
เพราะฉะนั้นแหละ ราธะ
เธอจงพิจารณาเห็นวิญญาณว่า เป็นมาร เป็นผู้ทำให้ตาย
เป็นผู้ตาย
เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร
เป็นความทุกข์ เป็นตัวทุกข์
บุคคลเหล่าใดพิจารณาเห็นวิญญาณนั้นอย่างนี้
บุคคลเหล่านั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นชอบ.
รา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ความเห็นชอบมีประโยชน์อย่างไร พระเจ้าข้า?
พ. ดูกรราธะ ความเห็นชอบมีประโยชน์ให้เบื่อหน่าย.
รา. ความเบื่อหน่ายมีประโยชน์อย่างไร พระเจ้าข้า?
พ. ดูกรราธะ ความเบื่อหน่ายมีประโยชน์ให้คลายกำหนัด.
รา. ก็ความคลายกำหนัดเล่ามีประโยชน์อย่างไร พระเจ้าข้า?
พ. ดูกรราธะ ความคลายกำหนัดมีประโยชน์ให้หลุดพ้น.
รา. ความหลุดพ้นเล่า มีประโยชน์อย่างไร พระเจ้าข้า?
พ. ดูกรราธะ ความหลุดพ้นมีประโยชน์เพื่อนิพพาน.
รา. นิพพานเล่ามีประโยชน์อย่างไร พระเจ้าข้า?
พ. ดูกรราธะ เธอถามเลยปัญหาไปเสียแล้ว เธอไม่อาจเพื่อถือเอาที่สุดของปัญหาได้.
ดูกรราธะ อันพรหมจรรย์เป็นคุณชาติหยั่งลงสู่นิพพาน มีนิพพานเป็นที่สุด อันกุลบุตรย่อมอยู่ ประพฤติแล.
จบ สูตรที่ ๑.
"ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไรหนอ แล จึงเรียกว่า มาร?"
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ๒. ราธสังยุต ปฐมวรรคที่ ๑