เรื่องสั้น ชุด "ฝัน STory" ตอน รับน้องนองเลือด (โดย จ๊ะ เสือไบ)


      คืนก่อนวันหวยออกกลางเดือนมีนาคม กล่าวง่ายๆ ก็คือ คืนวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ นั่นเอง ข้าพเจ้าผู้เหนื่อยหน่ายจากการเป็นเจ้าพนักงานคีย์ข้อมูลของร้านตรวจสภาพรถแห่ง๑ ไม่ใกล้ไม่ไกลจากสถานีโทรทัศน์ช่อง๗
      ข้าพเจ้าได้ผล็อยหลับไปราว๒ทุ่มเศษ ดูจักเป็นเพลาที่คนในยุคสมัยนี้ไม่ใคร่นอนกันเท่าใดนัก เพราะทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับการมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือกันอยู่ สี่ซ้าห้าทุ่มกันล่ะมั้งจึงจักถึงเพลาที่พวกคุณๆ ท่านๆ ทั้งหลายได้ “นอนหลับ” กัน สังเกตดีๆ ว่าข้าพเจ้าจงใจใช้คำว่า “นอนหลับ” ไม่ใช่ “หลับนอน” ! เพราะคำหลังนั้นมันส่อเป็น” เรื่องบนเตียง” มากเกินไป
      ข้าพเจ้าเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน ฝันว่าตนแอดมิดชันเข้ามหาวิทยาลัยได้ โดยข้าพเจ้าสอบเข้าสาขานาฏศิลป์ ณ มหาวิทยาลัยที่อยู่ในเขตปริมณฑล สถานศึกษาแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องการมีนักศึกษา “หัวรุนแรง” ศึกษาเล่าเรียนกันอยู่หลายๆ รุ่น เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาออกมาเรียกร้อง “ประชาธิปไตย” มากที่สุดของประเทศก็ว่าได้ ซึ่งจักว่าไปแล้วคำว่า “ประชาธิปไตย” นั้น มันเป็น “นามธรรม” จับต้องไม่ได้แต่ละบุคคลก็นิยาม “ความเป็นประชาธิปไตย” ต่างกัน เป็นต้นว่าประชาธิปไตยคือการปกครองแบบของอเมริกาบ้าง; ประชาธิปไตยคือประชาชนมีสิทธิ์จักทำสิ่งใดก็ได้บ้าง; ประชาธิปไตยคือการที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนเข้าสภาบ้าง; ประชาธิปไตยคือการที่ทุกคนเท่าเทียมกันบ้าง. จักเห็นได้ว่ามันมีหลายมุมมองเหลือเกิน
      สำหรับในศกนี้ การรับน้องใหม่ของมหาวิทยาลัย ทางสโมสรนักศึกษาอันอุดมไปด้วยพวก “หัวรุนแรง” แลรับรู้ความหมายของคำว่า” ประชาธิปไตย” แบบผิดๆ กล่าวคือพวกเขาคิดว่าการที่พวกเขาจักสามารถทำตามใจตัว Guได้ นั่นแลคือประชาธิปไตยสไตล์กลุ่มคนเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขารู้สึกถึง “ความอยุติธรรม” ที่อดีตอธิการบดีท่านหนึ่งนาม “ด๊อกเตอร์ปอ” ของพวกเขาไม่ได้รับเลือกให้เป็นอธิการบดีสมัยที่ ๒
      ด๊อกเตอร์ปอเป็นที่รักใคร่ของนักศึกษาทั้งในแลนอกสโมสรนักศึกษา เขายังเป็นท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุนกลุ่มม็อบนักศึกษา หรืออดีตนักศึกษา ที่รวมกลุ่มต่อต้านรัฐบาล แลยิ่งไปกว่านั้น คือต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ระบอบประธานาธิบดี!
      การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อมีการเลือกตั้งอธิการบดีคนใหม่ แลผู้ที่ได้เป็นอธิการบดีคนใหม่นั้น คือ “อาจารย์ศอ” อาจารย์คนนี้นี่เองที่เป็นคนจัดระเบียบมหาวิทยาลัยให้แปรเปลี่ยนไปจากเดิม จากมหาวิทยาลัยหัวรุนแรง กลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ทำประโยชน์เพื่อสังคม มีกิจกรรมจิตอาสา กิจกรรมพัฒนาต่างทั้งในแลนอกมหาวิทยาลัย โดยไร้ซึ่งการทำกิจกรรมเรียกร้องต่างๆ โดยอ้างคำว่า “ประชาธิปไตย” หรือกิจกรรมใดๆ ที่สื่อถึงการล้มล้างการปกครอง!
      หากท่านผู้อ่านเคยรับชมภาพยนตร์เรื่อง “The purge” เนื้อหาของภาพยนตร์กล่าวถึงสหรัฐอเมริกาที่มีการอนุญาตให้มีกฎหมายฆ่าคนได้ใน ๑ วันต่อปีเท่านั้น กล่าวคือ สหรัฐอเมริกาจักมอบ ๑ ใน ๓๖๕ วันให้เป็นวันพิเศษ ที่ผู้คนจักสามารถสังหารบุคคลอื่นๆ ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย แลเรื่องราวในภาพยนตร์ The Purge กำลังจักเกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยแห่งนี้!!!
      ด๊อกเตอร์ปอต้องการให้อาจารย์ศอตกเป็นจำเลยสังคมแลหลุดออกจากตำแหน่ง ปอจึงวางแผนอย่างลับๆ ด้วยความแค้น กับบรรดานักศึกษาที่ทั้งหัวอ่อนและหัวรุนแรงในคราวเดียวกัน โดยด๊อกเตอร์ปอต้องการให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นสมรภูมิรบขนาดย่อม เป็นพื้นที่สงคราม เขาจึงทุ่มเททรัพย์สินทั้งหมดจากการเป็นอดีตอธิการบดี ผนวกกับทรัพย์สินของคณาจารย์ แลเงินในสโมสรนักศึกษา แม้กระทั่งเงินในมหาวิทยาลัยที่แอบยักยอกมาได้ก็มี ซึ่งเงินทั้งหมดนี้เก็บรวบรวมไว้เพื่อซื้อ “ปืนเถื่อน” อันใหญ่น้อยหลายประเภท ทั้งปืนกล ปืนM๑๖ ปืนอาก้า ปืนอาร์พีจี ปืนพกกระสุน๖นัด อย่างหลังสุดนี้จักมากหน่อย เพราะจักแจกให้นักศึกษาใช้ นอกจากนี้ยังมีระเบิดน้อยหน่า ระเบิดทำเองจากน้ำมันเบนซินแลขวดเครื่องดื่มชูกำลัง รวมถึงระเบิดปิงปองอีกด้วย
       เมื่อวันรับน้องมาถึง ข้าพเจ้าในคราบนักศึกษาปี๑ เอกนาฏศิลป์ แลเพื่อนๆ เอกเดียวกันก็เริ่มมาที่จุดนัดแนะของรุ่นพี่ พวกเราแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวสวมกางเกงวอร์มสีดำหรือสีกรมท่า ใส่รองเท้าผ้าใบ ถุงเท้าใส่หรือไม่ก็ได้
      จุดนัดพบที่นักศึกษาเฟรชชี่ปี๑มานั้น คือบริเวณหอประชุมอันโอ่อ่าของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งเรียกกันว่า “หอประชุมใหญ่” บริเวณข้างหอประชุมนี่เองที่มีรุ่นพี่รอรับน้องปี๑ อยู่แล้ว
      ข้าพเจ้าเห็นเพื่อนใหม่ของตนเองที่มีทั้งผู้หญิงแลกะเทย ไม่มีผู้ชายอกสามศอกมาเรียนในเอกนาฏศิลป์แห่งนี้ แม้แต่ตัวข้าพเจ้าเองก็ไม่จัดว่าเป็นผู้ชายเช่นกัน
      ข้าพเจ้าสนทนาพาทีกับเพื่อนใหม่เพียงชั่วครู่ บรรดารุ่นพี่ก็นำปืนพกกระสุน ๖นัดขนาดเล็กแจกให้พวกเราคนละกระบอก ทันใดนั้นเองเริ่มมีเสียงปืนดังรัวๆ ยิงมาจากชั้น ๒-๓ ของอาคารแห่งหนึ่ง ผู้คนเริ่มหนีตายกันจ้าละหวั่น มีเสียงระเบิด มีกลุ่มควันขนาดใหญ่คลุมพื้นที่ไปทั่วจนมองไม่เห็นอันใด มีเปลวไฟเผาไหม้อาคารเรียน ยานพาหนะ แลทรัพย์สินอื่นๆ ของมหาวิทยาลัย
      เสียงลั่นไกปืนแลเสียงตูมของระเบิด ดังสนั่นต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ผู้ที่ก่อความไม่สงบก็คือบรรดานักศึกษาจากสโมสรนักศึกษา รวมถึงบรรดารุ่นพี่ปี ๒ ที่ต้องการมารับน้องเพื่อสร้างความ “บันเทิง” แก่พวกตน
      มหาวิทยาลัยกลายเป็นพื้นที่สงคราม มีนักศึกษาบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าข้าพเจ้าถึงครามรณกรรมหรือไม่ เพราะอาการปวดหลังของข้าพเจ้านั้น ทำให้ข้าพเจ้าต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก มันเป็นเวลา ๒ นาฬิกาเศษในเช้าตรู่วันหวยออก เรื่องราวของสถานศึกษาแห่งนี้เป็นเยี่ยงไรนั้น ข้าพเจ้าก็สุดแท้แต่จักล่วงรู้ได้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

จ๊ะ เสือไบ
๑๗ มี.ค. ๒๕๖๗
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่