ผมชอบฟังเรื่องเล่าวันเก่าของคุณย่า วันนี้จะยกตัวอย่างหนึ่งเรื่องที่ดูลึกลับที่ท่านเคยเล่าให้อ่านครับ
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ย่ายังเด็กท่านมีพี่สาวและน้องสาวอยู่
ท่านเล่าว่าช่วงนั้นเป็นช่วงปฏิวัติเขมรจากระบอกเก่าสู่เขมรแดงท่านอาศัยอยู่ชนบทในเขมรกับแม่และพี่สาวน้องสาว ช่วงนั้นก็จะมีเหตุการสู้รบอยู่เป็นเนืองๆ ท่านเล่าว่ามีคืนนึงท่านกับพี่สาวพากันไปซักผ้าที่แม่น้ำใกล้หมู่บ้านของท่าน ตอนนั้นก็ใกล้จะหัวค่ำแล้ว แถวนั้นก็มีผู้หญิงผู้รุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านมาซักผ้าอาบน้ำเล่นน้ำกันเยอะพอสมควร ท่านนั่งซักผ้าอยู่ห่างจากคนอื่นไม่มากแค่พอมองเห็นกัน เพื่อจะได้ซักในน้ำที่ไม่ขุ่นแล้วพอซักเสร็จ จู่ๆพี่สาวท่านก็ชวนลงไปเล่นน้ำด้วยกัน ท่านไม่กล้าลงน้ำเพราะกลัวตอนนั้นมันใกล้จะมืดแล้วคนอื่นๆก็เริ่มกลับกันจะหมดแล้ว ท่านก็เลยนั่งเฝ่าพี่สาวที่ลงไปเล่นน้ำคนเดียว พอพี่สาวกำลังจะขึ้นจากน้ำ ก้าวเท้าขึ้นมาหนึ่งข้าง ย่าท่านบอกว่าตกใจมากเพราะเท้านั้นมันซีดเผือดมีรอยซ้ำเป็จจุดๆ ย่าท่านจึงรีบถามพี่สาวแต่สิ่งที่พี่สาวตอบกลับคือทำตัวเงียบและไม่แสดงอาการอะไรเลยก่อนจะเดินมาใส่เสื้อผ้าแบบเงียบๆ ย่าท่านบอกท่านเริ่มกลัวจึงอยู่เงียบแล้วเอาผ้าที่ซักใส่ตะกร้าสาน แล้วเดินกลับบ้าน ย่าท่านเดินนำมาก่อนส่วนพี่สาวท่านเดินตามหลังมาติดๆ แต่พอท่านเดินถึงบ้านแม่ท่านถามท่านว่าพี่สาวไปไหน ย่าท่านก็ตกใจแล้วรีบหันกลับไป สิ่งที่เห็นคือว่างปล่าวท่านตกใจมากแล้วรีบเล่า ทุกอย่างให้แม่ท่านฟังคืนนั้นแม่ของย่าท่านหาคนมาช่วยตามหาพี่สาวแต่หายัวไงก็ไม่เจอ ในยุคนั้นสิ่งให้ความสว่างเดียวในชนบทคือตะเกียงกับคบเพลิง คืนนั้นพี่แม่ของย่าท่านกระวนกระวายจนนอนไม่หลับ แต่ก็ต้องกลับเข้าบ้านเพราะกลางคืนมันอัตราย ความเชื่อของคนแถวนั้นเขาว่ากันว่า ของเขมรจะแรงตอนพระอาทิตตกดินทุกคนควรอยู่ในบ้าน แม่ของย่านอนร้องให้ในบ้านข้างๆย่ากับน้องสาว แต่จู่ๆ ก็มีเสียงพี่สาวดังขึ้นเบาๆที่นอกบ้าน แม่ของย่าได้ยินแต่ท่านไม่ให้ใครขานรับ แม่ของย่าท่านเอามามาปิดปากย่ากับน้องสาวย่าไว้แน่น เสียงพี่สาวดังใกล้เข้ามาใกล้วเข้ามา แม่ของย่าพูดด้วยเสียงเบาๆว่าให้ปิดตาไว้ได้ยินอะไรให้เงียบอย่าขานอย่าเปิดตาแล้วจู่เสียงนั้นก็มาหยุดที่ใต้ถุนบ้านดป็นเสียงพี่สาวแต่คำที่พูดคือคำว่า "เคลียน..." พูดอยู่ซ้ำๆ ["เคลียน"เป็นภาษาเขมรแปลว่าหิวหิว]แล้วจู่ๆเสียงนั้นก็เงียบไป สักพักแม่ของย่าค่อยๆปล่อยมือที่ปิดปากพวกท่านไว้ ย่าท่านคิดว่าไม่มีอะไรแล้วแต่จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นดีแต่วันดังอยู่ข้างๆมุ้งที่พวกท่านนอนอยู่แล้วจู่ๆแม่ของย่าก็ตัวเกรงแข็ง ย่าท่านรีบเอามือปิดปากน้องสาวและปิดตาตัวเองแน่น เสียงและตัวของแม่ของท่าน แข็งทื่อเกรงบิดตัวไปมาสักพักก็หยุดนิ่งไป ท่านไม่กล้าทำอะไรถึงจะนอนอยู่ใกล้กับแม่ของท่าน ท่านนอนกอดน้องสาวไว้แน่น แล้วเสียงของพี่สาวจากคำว่า "เคลียน..." ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเลาะเบาๆ แล้วก็เงียบไปท่านกอดกันกับน้องหลับตาจนหลับถึงเช้า พอเช้ามาสิ่งที่ท่านเห็นคือแม่ของท่านนอนตัวแข็งตายไปแล้ว ท่านช็อกและร้องให้เสียงดังกับน้องสาวชาวบ้านได้ยินก็วิ่งมาดู แล้วก็พาท่านกับน้องสาวออกจากบ้านหลังนั้น ด้วยความช็อกที่เสียแม่กับพี่สาวไปพร้อมกัน ชาวบ้านพากันสงสารจึงพาไปหา "โลคกรู(แปลว่าพระครู)" พระท่านมองมาที่ตัวของ ย่าและน้องสาว ท่านบอกกับชาวบ้านที่มาด้วยว่ามให้ย้ายออกจากหมู่บ้านทุกคน พระที่ได้ชื่อว่า โลคกรูคือพระที่มีคาถาอาคมเขมรเป็นอย่างดี แต่ชาวบ้านก็ไม่เชื่อ วันนั้นพ่อของย่าก็กลับมาที่หมู่บ้าน(พ่อของย่าท่านถูกเกณฑ์ไปรบ) พ่อของท่านกลับมาเพราะมีคำสั่งให้มาหาคนหนุ่มไปร่วมปฏิวัติเขมร พอกลับมาถึงบ้านสิ่งที่พ่อของย่าท่านเห็นคือบ้านที่กำลังถูกเผ่าชาวบ้านได้พาตัวพ่อของย่า มาหาพระครูและเจอกับย่าและน้องสาว
พ่อของย่านั่งอยู่หน้าพระครูด้วยความ งง แล้วหันมาถามย่าว่า "แม่ไปไหน พี่สาวไปไหน" ย่าท่านไม่ตอบเพราะกำลังช็อก พระครูพูดขึ้นว่า "เงือบเฮย(แปลว่าตายแล้ว)"
แล้วบอกพ่อของย่าให้พักอยู่ที่ ที่พักของพระครูกับลูกก่อน ส่วนชาวบ้านที่ได้ยินว่าให้ย้ายออกก็มีเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง คนที่เชื่อพากันรวมตัวหอบข้าวของมาพักกับพระครู ส่วนคนไม่เชื่อก็ใช้ชีวิตปกติ วันนั้นพ่อของย่าและย่าไม่คุยอะไรกันเลยจนผ่านไปหนึ่งคืนพระครูได้บอกให้ชาวบ้าน2-3คนตามท่านไปที่หมู่บ้านรวมถึงพ่อของย่าและย่ากับน้องสาวเดินไปด้วย สิ่งที่เห็นคือทั้งหมู่บ้านเงียบมากหมาสักตัวก็ไม่มี พระครูบอกให้ไปดูในบ้านทุกหลังสิ่งที่เห็นคือชาวบ้านที่ไม่ได้ย้ายออกจากบ้านแค่คืนเดียวเสียชีวิตลักษณะเดียวกันกับแม่ของย่า ชาวบ้านที่พากันไปดูต่างวิ่งกลับมาด้วยความตกใจรวมถึงพ่อของย่าด้วย แล้วพากันถามพระครู พระครูท่านบอกว่านี้เป็นวิชาเขมร ที่ไม่มีทางแก้แม้แต่ท่านก็แก้ไม่ได้ได้แต่ป้องกันเท่านั้น พระครูมองมาที่ย่าและถามว่าก่อนแม่ตาย ย่าเจออะไรมาก่อน ย่าจึงเล่าเหตุการณ์ของพี่สาวให้ฟัง พระครูจึงของให้พาไปที่แม่น้ำใกล้หมู่บ้านที่ย่าเห็นตอนพี่สาวขึ้นจากน้ำ พอไปถึงพระครูก็บอกให้ชาวบ้านหาดูในจุดที่ ย่ากับพี่สาวซักผ้า ขาวบ้านคนนึงตะโกนขึ้นว่า "เคินเฮ้ย(แปลว่าเจอแล้ว)" สิ่งที่เจอคือใต้หินที่ย่าและพี่สาวนั่งซักผ้า มีผ้าสีเหลืองดับห่อเส้นผมและกระดูกชินเล็กๆ ในผ้าห่อมีอักขระภาษาเขมรโบราณเต็มผ้า พระครูท่านถามย่าว่า"ได้นั่งทับหินก่อนนั้นไหม" ย่าท่านตอบไปว่าพี่สาวนั่งตรงนั่น พี่สาวย่าท่านเป็นประจำเดือนอยู่ด้วย พระครูพ
รีบบอกให้คนที่ถืออยู่ โยนลงพื้น ก่อนที่พระครูจะสวดอะไรบางอย่างก่อนจะเอารากไม้จากย้ามผ้าเก่าๆออกมาว่างไว้บนผ้าแล้วบอกให้พ่อของย่าพาชาวบ้านออกไปในตอนเช้าของอีกวัน ส่วนพระครูจะนั่ง บริกรรมอยู่ที่ตรงนี้จนกว่าจะถึงเช้าวันถัดไป พระครูได้บอกไว้บอกคืนนี้ให้ทุกคนอยู่รวมกันนะจุดที่ท่านบริกรรมอยู่ ห้ามออกนอกสายตาที่พระท่านทองเห็น ให้จุดไฟไว้รอบๆให้สว่างและอยู่รมกันตลอดทั้งคืนได้ยินเสียงอะไรให้เงียบห้ามขานรับห้ามคุยกันให้นอนพิงกันกอดกันให้ชิดกันที่สุดไม่ว่าเสียงอะไรหรือแม่แต่เสีงพระครูเรียกก็อย่าตอยบรับเด็ดขาดคืนนั้นตลอดั้งคืนมีเสียงชาวบ้านที่เสียไปแล้วในคืนก่อนหน้ากับเสียงแม่และพี่สาวของย่าดังอยู่ตลอดทั้งคืนมันเป็นเสียงที่พูดอยู่เพียงคำเดี่ยวว่า "เคลียน.." พูดอยู่ซํ้าๆวนไปมาจนใกล้เช้ามันมีเสียงๆนึง ที่ทุกคนต่างตกใจเพราะมันคือเสียงพระครูที่พูดขึ้นมาว่า "เคลียน.." ชาวบ้านและย่ากับพ่อของย่าก็รู้แล้วว่า พระครูได้จากไปแล้ว พอถึงเช้าวันถัดมามีคนตายไปเพิ่มอีกหลายคนรวมถึงพระครู พ่อของย่าได้พาคนที่เลือนไม่ถึงครึ่งหมู่บ้านไปกับท่าน ไปที่ค่ายเขมรแดง แล้วเรื่องราวที่ย่าท่านเล่าก็จบตรงนี้ ท่านบอกว่าหลังจากนี้ก็มีแต่ควานวุ่นวายกับสงครามกลางเมือง😁😁
เรื่องเล่าของคุณย่าในช่วงสงคราม
เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่ย่ายังเด็กท่านมีพี่สาวและน้องสาวอยู่
ท่านเล่าว่าช่วงนั้นเป็นช่วงปฏิวัติเขมรจากระบอกเก่าสู่เขมรแดงท่านอาศัยอยู่ชนบทในเขมรกับแม่และพี่สาวน้องสาว ช่วงนั้นก็จะมีเหตุการสู้รบอยู่เป็นเนืองๆ ท่านเล่าว่ามีคืนนึงท่านกับพี่สาวพากันไปซักผ้าที่แม่น้ำใกล้หมู่บ้านของท่าน ตอนนั้นก็ใกล้จะหัวค่ำแล้ว แถวนั้นก็มีผู้หญิงผู้รุ่นราวคราวเดียวกันกับท่านมาซักผ้าอาบน้ำเล่นน้ำกันเยอะพอสมควร ท่านนั่งซักผ้าอยู่ห่างจากคนอื่นไม่มากแค่พอมองเห็นกัน เพื่อจะได้ซักในน้ำที่ไม่ขุ่นแล้วพอซักเสร็จ จู่ๆพี่สาวท่านก็ชวนลงไปเล่นน้ำด้วยกัน ท่านไม่กล้าลงน้ำเพราะกลัวตอนนั้นมันใกล้จะมืดแล้วคนอื่นๆก็เริ่มกลับกันจะหมดแล้ว ท่านก็เลยนั่งเฝ่าพี่สาวที่ลงไปเล่นน้ำคนเดียว พอพี่สาวกำลังจะขึ้นจากน้ำ ก้าวเท้าขึ้นมาหนึ่งข้าง ย่าท่านบอกว่าตกใจมากเพราะเท้านั้นมันซีดเผือดมีรอยซ้ำเป็จจุดๆ ย่าท่านจึงรีบถามพี่สาวแต่สิ่งที่พี่สาวตอบกลับคือทำตัวเงียบและไม่แสดงอาการอะไรเลยก่อนจะเดินมาใส่เสื้อผ้าแบบเงียบๆ ย่าท่านบอกท่านเริ่มกลัวจึงอยู่เงียบแล้วเอาผ้าที่ซักใส่ตะกร้าสาน แล้วเดินกลับบ้าน ย่าท่านเดินนำมาก่อนส่วนพี่สาวท่านเดินตามหลังมาติดๆ แต่พอท่านเดินถึงบ้านแม่ท่านถามท่านว่าพี่สาวไปไหน ย่าท่านก็ตกใจแล้วรีบหันกลับไป สิ่งที่เห็นคือว่างปล่าวท่านตกใจมากแล้วรีบเล่า ทุกอย่างให้แม่ท่านฟังคืนนั้นแม่ของย่าท่านหาคนมาช่วยตามหาพี่สาวแต่หายัวไงก็ไม่เจอ ในยุคนั้นสิ่งให้ความสว่างเดียวในชนบทคือตะเกียงกับคบเพลิง คืนนั้นพี่แม่ของย่าท่านกระวนกระวายจนนอนไม่หลับ แต่ก็ต้องกลับเข้าบ้านเพราะกลางคืนมันอัตราย ความเชื่อของคนแถวนั้นเขาว่ากันว่า ของเขมรจะแรงตอนพระอาทิตตกดินทุกคนควรอยู่ในบ้าน แม่ของย่านอนร้องให้ในบ้านข้างๆย่ากับน้องสาว แต่จู่ๆ ก็มีเสียงพี่สาวดังขึ้นเบาๆที่นอกบ้าน แม่ของย่าได้ยินแต่ท่านไม่ให้ใครขานรับ แม่ของย่าท่านเอามามาปิดปากย่ากับน้องสาวย่าไว้แน่น เสียงพี่สาวดังใกล้เข้ามาใกล้วเข้ามา แม่ของย่าพูดด้วยเสียงเบาๆว่าให้ปิดตาไว้ได้ยินอะไรให้เงียบอย่าขานอย่าเปิดตาแล้วจู่เสียงนั้นก็มาหยุดที่ใต้ถุนบ้านดป็นเสียงพี่สาวแต่คำที่พูดคือคำว่า "เคลียน..." พูดอยู่ซ้ำๆ ["เคลียน"เป็นภาษาเขมรแปลว่าหิวหิว]แล้วจู่ๆเสียงนั้นก็เงียบไป สักพักแม่ของย่าค่อยๆปล่อยมือที่ปิดปากพวกท่านไว้ ย่าท่านคิดว่าไม่มีอะไรแล้วแต่จู่ๆเสียงก็ดังขึ้นดีแต่วันดังอยู่ข้างๆมุ้งที่พวกท่านนอนอยู่แล้วจู่ๆแม่ของย่าก็ตัวเกรงแข็ง ย่าท่านรีบเอามือปิดปากน้องสาวและปิดตาตัวเองแน่น เสียงและตัวของแม่ของท่าน แข็งทื่อเกรงบิดตัวไปมาสักพักก็หยุดนิ่งไป ท่านไม่กล้าทำอะไรถึงจะนอนอยู่ใกล้กับแม่ของท่าน ท่านนอนกอดน้องสาวไว้แน่น แล้วเสียงของพี่สาวจากคำว่า "เคลียน..." ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหัวเลาะเบาๆ แล้วก็เงียบไปท่านกอดกันกับน้องหลับตาจนหลับถึงเช้า พอเช้ามาสิ่งที่ท่านเห็นคือแม่ของท่านนอนตัวแข็งตายไปแล้ว ท่านช็อกและร้องให้เสียงดังกับน้องสาวชาวบ้านได้ยินก็วิ่งมาดู แล้วก็พาท่านกับน้องสาวออกจากบ้านหลังนั้น ด้วยความช็อกที่เสียแม่กับพี่สาวไปพร้อมกัน ชาวบ้านพากันสงสารจึงพาไปหา "โลคกรู(แปลว่าพระครู)" พระท่านมองมาที่ตัวของ ย่าและน้องสาว ท่านบอกกับชาวบ้านที่มาด้วยว่ามให้ย้ายออกจากหมู่บ้านทุกคน พระที่ได้ชื่อว่า โลคกรูคือพระที่มีคาถาอาคมเขมรเป็นอย่างดี แต่ชาวบ้านก็ไม่เชื่อ วันนั้นพ่อของย่าก็กลับมาที่หมู่บ้าน(พ่อของย่าท่านถูกเกณฑ์ไปรบ) พ่อของท่านกลับมาเพราะมีคำสั่งให้มาหาคนหนุ่มไปร่วมปฏิวัติเขมร พอกลับมาถึงบ้านสิ่งที่พ่อของย่าท่านเห็นคือบ้านที่กำลังถูกเผ่าชาวบ้านได้พาตัวพ่อของย่า มาหาพระครูและเจอกับย่าและน้องสาว
พ่อของย่านั่งอยู่หน้าพระครูด้วยความ งง แล้วหันมาถามย่าว่า "แม่ไปไหน พี่สาวไปไหน" ย่าท่านไม่ตอบเพราะกำลังช็อก พระครูพูดขึ้นว่า "เงือบเฮย(แปลว่าตายแล้ว)"
แล้วบอกพ่อของย่าให้พักอยู่ที่ ที่พักของพระครูกับลูกก่อน ส่วนชาวบ้านที่ได้ยินว่าให้ย้ายออกก็มีเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง คนที่เชื่อพากันรวมตัวหอบข้าวของมาพักกับพระครู ส่วนคนไม่เชื่อก็ใช้ชีวิตปกติ วันนั้นพ่อของย่าและย่าไม่คุยอะไรกันเลยจนผ่านไปหนึ่งคืนพระครูได้บอกให้ชาวบ้าน2-3คนตามท่านไปที่หมู่บ้านรวมถึงพ่อของย่าและย่ากับน้องสาวเดินไปด้วย สิ่งที่เห็นคือทั้งหมู่บ้านเงียบมากหมาสักตัวก็ไม่มี พระครูบอกให้ไปดูในบ้านทุกหลังสิ่งที่เห็นคือชาวบ้านที่ไม่ได้ย้ายออกจากบ้านแค่คืนเดียวเสียชีวิตลักษณะเดียวกันกับแม่ของย่า ชาวบ้านที่พากันไปดูต่างวิ่งกลับมาด้วยความตกใจรวมถึงพ่อของย่าด้วย แล้วพากันถามพระครู พระครูท่านบอกว่านี้เป็นวิชาเขมร ที่ไม่มีทางแก้แม้แต่ท่านก็แก้ไม่ได้ได้แต่ป้องกันเท่านั้น พระครูมองมาที่ย่าและถามว่าก่อนแม่ตาย ย่าเจออะไรมาก่อน ย่าจึงเล่าเหตุการณ์ของพี่สาวให้ฟัง พระครูจึงของให้พาไปที่แม่น้ำใกล้หมู่บ้านที่ย่าเห็นตอนพี่สาวขึ้นจากน้ำ พอไปถึงพระครูก็บอกให้ชาวบ้านหาดูในจุดที่ ย่ากับพี่สาวซักผ้า ขาวบ้านคนนึงตะโกนขึ้นว่า "เคินเฮ้ย(แปลว่าเจอแล้ว)" สิ่งที่เจอคือใต้หินที่ย่าและพี่สาวนั่งซักผ้า มีผ้าสีเหลืองดับห่อเส้นผมและกระดูกชินเล็กๆ ในผ้าห่อมีอักขระภาษาเขมรโบราณเต็มผ้า พระครูท่านถามย่าว่า"ได้นั่งทับหินก่อนนั้นไหม" ย่าท่านตอบไปว่าพี่สาวนั่งตรงนั่น พี่สาวย่าท่านเป็นประจำเดือนอยู่ด้วย พระครูพ
รีบบอกให้คนที่ถืออยู่ โยนลงพื้น ก่อนที่พระครูจะสวดอะไรบางอย่างก่อนจะเอารากไม้จากย้ามผ้าเก่าๆออกมาว่างไว้บนผ้าแล้วบอกให้พ่อของย่าพาชาวบ้านออกไปในตอนเช้าของอีกวัน ส่วนพระครูจะนั่ง บริกรรมอยู่ที่ตรงนี้จนกว่าจะถึงเช้าวันถัดไป พระครูได้บอกไว้บอกคืนนี้ให้ทุกคนอยู่รวมกันนะจุดที่ท่านบริกรรมอยู่ ห้ามออกนอกสายตาที่พระท่านทองเห็น ให้จุดไฟไว้รอบๆให้สว่างและอยู่รมกันตลอดทั้งคืนได้ยินเสียงอะไรให้เงียบห้ามขานรับห้ามคุยกันให้นอนพิงกันกอดกันให้ชิดกันที่สุดไม่ว่าเสียงอะไรหรือแม่แต่เสีงพระครูเรียกก็อย่าตอยบรับเด็ดขาดคืนนั้นตลอดั้งคืนมีเสียงชาวบ้านที่เสียไปแล้วในคืนก่อนหน้ากับเสียงแม่และพี่สาวของย่าดังอยู่ตลอดทั้งคืนมันเป็นเสียงที่พูดอยู่เพียงคำเดี่ยวว่า "เคลียน.." พูดอยู่ซํ้าๆวนไปมาจนใกล้เช้ามันมีเสียงๆนึง ที่ทุกคนต่างตกใจเพราะมันคือเสียงพระครูที่พูดขึ้นมาว่า "เคลียน.." ชาวบ้านและย่ากับพ่อของย่าก็รู้แล้วว่า พระครูได้จากไปแล้ว พอถึงเช้าวันถัดมามีคนตายไปเพิ่มอีกหลายคนรวมถึงพระครู พ่อของย่าได้พาคนที่เลือนไม่ถึงครึ่งหมู่บ้านไปกับท่าน ไปที่ค่ายเขมรแดง แล้วเรื่องราวที่ย่าท่านเล่าก็จบตรงนี้ ท่านบอกว่าหลังจากนี้ก็มีแต่ควานวุ่นวายกับสงครามกลางเมือง😁😁