JJNY : “ทนายอั๋น”แจ้งเอาผิดเลขาฯ กกต.│ผู้สมัครอิสระปิดห้องสัมมนาลับ│หวั่นตลาดรถยนต์ไทยกระทบหนัก│จับตาฮ่องกง โค้งสุดท้าย

“ทนายอั๋น” แจ้งเอาผิด เลขาฯ กกต. และคณะ ม.157
https://www.innnews.co.th/news/criminal/news_737393/
 
 
“ทนายอั๋น” แจ้งเอาผิด เลขาฯ กกต. และคณะ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ประเด็นยุบพรรคก้าวไกล

วันนี้(25 มิ.ย. 67) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ เดินทางมายังศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้งและเลขาธิการ กกต. ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 92 และ 93 ประเด็นยุบพักก้าวไกล
 
ทนายอั๋น กล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งวินิจฉัยประเด็นการกระทําของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับนโยบายมาตรา 112 นั้น อาจเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย จากนั้นมีกลุ่มนักร้องเรียนหยิบประเด็นดังกล่าวไปใช้ในการเสนอยุบพรรคก้าวไกล ซึ่ง กกต. นําเรื่องดังกล่าวส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการวินิจฉัยชี้ขาดหรือการสืบสวนไต่สวนตามระเบียบที่ กกต. กําหนด พ.ศ.2561 จึงถือว่าเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือ
 
โดยทุจริตและที่หนักไปกว่านั้นเมื่อพิจารณาคําร้องโดยละเอียดจะพบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้พูดถึง พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา92 ววรรค 2 แต่ปรากฏว่าคําร้องของ กกต. ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีการเพิ่มว่าพรรคก้าวไกลอาจมีความผิดตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาตรา 92 ววรรค 2 ซึ่งเป็นการตั้งข้อกล่าวหาใหม่ให้กับพรรคก้าวไกล นั่นหมายความว่าคุณจะต้องให้โอกาสในการไต่สวนและรวบรวมพยานหลักฐานใหม่
 
โดยวันนี้เป็นการแจ้งความดําเนินคดีกับเลขาธิการ กกต. และคณะ กกต. ซึ่งตนเชื่อว่าข้อเท็จจริงที่ตนนํามามอบให้กับตํารวจนั้นจะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน ทั้งนี้ ทนายอั๋น กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยร้องขอตรวจสอบทรัพย์สินของ เลขาธิการ กกต. ว่าได้มาอย่างไร โดยเฉพาะรถยนต์ที่บอกว่าไม่ได้ซื้อรถยนต์ตั้งแต่ปี 2558 – 2565 ซึ่งเลขาฯ กกต. ระบุว่า ใช้รถหลวง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ตนจะเดินทางไป ปปช. เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องนี้


 
ผู้สมัครอิสระปิดห้องสัมมนาลับ ก่อนเลือก สว.ระดับประเทศ
https://tna.mcot.net/politics-1383221

เมืองทอง 24 มิ.ย.- 300 ผู้สมัคร สว. ปิดห้องสัมมนาลับ ก่อนเลือกระดับประเทศพรุ่งนี้ ปัดฮั้ว แค่แนะนำตัว หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ทำความรู้จัก หวังสู้บ้านใหญ่
 
เครือข่ายภาคประชาชน จัดงานสัมมนาสว.ประชาชน ที่ห้องจูปิเตอร์เมืองทองธานี โดยผู้ที่เข้าร่วม จะได้รับเชิญเป็นการเฉพาะ 300 คนเท่านั้น เมื่อมาถึงจะมีการลงทะเบียนและแจก สายรัดข้อมือสีเขียว เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการเข้าสู่ห้องสัมมนา นอกจากนี้ยังยึดอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพภายในห้อง
 
นางจีรนุช เปรมชัยพร ผู้ประสานงานเครือข่าย รณรงค์รัฐธรรมนูญ อดีตผู้สมัครสว สว. กล่าวว่าได้เชิญผู้สมัครสว. ที่เข้ารอบระดับประเทศ 300 คนเข้าร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยน พร้อมมองว่าสว.ชุดใหม่เป็นปัจจัยและกลไกสำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ที่จะนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย และผู้สมัครหลายคนต้องการฟื้นฟูประชาธิปไตย ขณะเดียวกันมีเหตุผลหลักคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นการพบปะเจอหน้ากัน ระหว่างผู้ที่มีอุดมการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียงการแนะนำตัว ทำความรู้จักกัน หาเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกันให้เจอ ไม่ใช่การฮั้วกัน เนื่องจากการเลือกสว.ระดับประเทศ หลายคนอาจจะไม่รู้จักกัน โดยเฉพาะการเลือกข้ามกลุ่มอาชีพ
 
นางจีรนุช กล่าวว่า แม้จะมีกระแสข่าวว่ามีคนของกลุ่มบ้านใหญ่ หรือกลุ่มจัดตั้ง แต่ก็มีคนอิสระ สมัครเข้ามา ซึ่งมาโดยความบริสุทธิ์ และผ่านเข้ารอบ มาตามคุณสมบัติ ดังนั้นวันนี้มาเจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกัน แนะนำตัว ตามกติกา ซึ่งจะทำให้ผู้สมัครไม่เคว้ง และสู้บ้านใหญ่ได้ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดรูปแบบในการสัมมนา แต่ยืนยันว่าไม่ผิดกฎหมาย สามารถจัดได้ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ต่างคนต่างมา ไม่ใช่การฮั้ว ที่มีการให้อามิสสินจ้าง หรือจูงใจให้ตำแหน่ง ซึ่งมีความผิด แต่การล็อบบี้เป็นเรื่องที่ไม่ผิด.-319 -สำนักข่าวไทย


 
กลุ่มรถยนต์หวั่นตลาดรถยนต์ไทยกระทบหนักทั้งปัญหา ศก.-อีวี ตัดราคา
https://tna.mcot.net/business-1383260

กรุงเทพฯ 25 มิ.ย. – กลุ่มรถยนต์ ส.อ.ท.หวั่นตลาดรถยนต์ไทย กระทบหนักทั้งปัญหาเศรษฐกิจไทย-ปัญหาอีวีจีนลดราคาแรง การส่งออกก็ลดลงจากความนิยมอีวี หวังรัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งใช้จ่ายงบฯ สร้างกำลังซื้อ
 
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศเดือน พ.ค.67 มีจำนวน 49,871 คัน เพิ่มขึ้น 6.70% จากเดือน เม.ย.67 แต่ลดลง 23.38% จากเดือน พ.ค.66 เป็นเพราะสถาบันการเงินเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง รวมทั้งเศรษฐกิจในประเทศขยายตัวในอัตราต่ำ ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงติดต่อกันมากกว่า 10 เดือน โรงงานหลายแห่งลดเวลาทำงานลงและมีการเลิกจ้างพนักงานหลายหมื่นคน ทำให้ขาดรายได้ ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้จากการใช้จ่ายงบฯ ภาครัฐปี 2567 และปี 2568 แต่เศรษฐกิจจะขยายตัวถึง 3% หรือไม่ ยังน่ากังวล
 
หากยอดผลิตรถยนต์และขายรถยนต์ และขายอสังหาริมทรัพย์ยังติดลบ น่ากังวล เพราะทั้งสองอุตสาหกรรมมีอุตฯ ต่อเนื่องและแรงงานมาก จะส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศมากช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดขายรวม 260,365 คัน ลดลง 23.80% จำนวนรถส่งออกลดลง 2.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สถานการณ์ตอนนี้ น้อง ๆ ต้มยำกุ้งเมื่อปี 39 คิดว่าต้องปรับเป้ายอดขายรถยนต์แน่ๆ โดยเฉพาะยอดขายในประเทศ มูลค่าส่งออกปีนี้ยังไม่รู้ว่าจะถึง 1 ล้านล้านบาทหรือไม่” นายสุรพงษ์ กล่าว
 
สำหรับยอดผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค.67 มีจำนวน 126,161 คัน ลดลง 16.19% จากเดือน พ.ค.66 การผลิตรถกระบะขายในประเทศลดลง 54.66% และผลิตรถยนต์นั่งขายในประเทศลดลง 14.35% แต่เพิ่มขึ้น 20.54% จากเดือน เม.ย.67 ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มีจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ทั้งสิ้น 644,951 คัน ลดลง 16.88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
 
สำหรับยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน พ.ค.67 อยู่ที่ 89,284 คัน เพิ่มขึ้น 3.39% จากเดือน พ.ค.66 โดยมีมูลค่าส่งออก 83,754.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.93% จากเดือน พ.ค.66 และการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.67) อยู่ที่ 429,969 คัน ลดลง 2.28% โดยมีมูลค่าการส่งออกรถยนต์รวม 401,637.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
 
ด้านยอดจดทะเบียนยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (BEV)ในเดือน พ.ค. มีจำนวน 8,166 คัน เพิ่มขึ้น 14.50% จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 43,921 คัน เพิ่มขึ้น 31.64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 175,316 คัน เพิ่มขึ้น 168.34% จากปีก่อน ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (HEV) มีจำนวน 10,789 คัน เพิ่มขึ้น 34.64% จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 59,317 คัน เพิ่มขึ้น 53.48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 402,414 คัน เพิ่มขึ้น 35.06% จากปีก่อน ยอดจดทะเบียนใหม่ของยานยนต์ประเภทไฟฟ้า (PHEV) มีจำนวน 704 คัน ลดลง 31.32 จากเดือน พ.ค.66 และช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้มียอดจดทะเบียนสะสมรวม 4,053 คัน ลดลง 22.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับถึงวันที่ 31 พ.ค.67 มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 57,879 คัน เพิ่มขึ้น 21.89% จากปีก่อน
 
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยอดขายรถไฟฟ้าส่วนใหญ่เป็นรถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ส่วนที่ผลิตในประเทศคงทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากโรงงานอีวีในไทยสายมารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาได้เพิ่มขึ้น จะทำให้ยอดการจอดทะเบียนถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย แต่ช่วงนี้ยอมรับกังวลที่ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นมากถึง 160,000 บาท จะส่งผลต่อภาพรวม ทำให้ผู้บริโภคชะลอการซื้อ เพราะหวังว่าค่ายรถยนต์จะมีการลดราคาลงมาอีก และก่อให้เกิดการแข่งกันลดราคาของค่ายรถยนต์ด้วยกันเอง ในขณะที่การปิดประกาศปิดโรงงานผลิตรถยนต์ของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นบางรายนั้นนับว่า เป็นการหยุดการผลิตในบางรุ่น เพื่อรับกับการเปลี่ยนแปลง ที่ไม่คุ้มค่ากับผลิตในประเทศไทยเพราะมีจำนวนน้อย ส่วนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง อยู่ในช่วงของการปรับตัวอาจหันไปผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อรองรับการเข้ามาผลิตในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
 
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าววานนี้ว่า รัฐบาลกำลังผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรถสันดาป วันนี้ต้องสนับสนุนเครื่องยนต์สันดาปในช่วง 2-3 ปี และถ้าจะให้การใช้รถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นจะต้องชวนผู้ผลิตเข้ามาลงทุน แต่หากเข้ามาในขณะที่ economy of scale ยังไม่ถึง แน่นอนจะต้องสนับสนุนเรื่องภาษี วันนี้ต้นทุนการผลิตถูกลงมาก โดยเฉพาะต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ถูกลงกว่าครึ่ง นั่นแปลว่าโอกาสที่จะช่วยสนับสนุนการนำเข้าก็คงจะไม่นาน. -511-สำนักข่าวไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่