เรื่องสั้น 👱🏻‍♀️มิกิกับวาตะ👨

มิกิ นักออกแบบสาวสวย
เดินอย่างสบายอารมณ์อยู่ริมถนน
ในย่านชุมชน ของตัวจังหวัดที่เธออาศัยอยู่
ที่นี่...ถึงแม้จะไม่ใช่กรุงเทพ
แต่มีความสะดวกสบายไม่แพ้กันเลย

ของกินของใช้ ร้านดังๆ ครบครัน
หรือถ้าไม่มี ... สั่งออนไลน์ก็ได้
สำหรับมิกิถนัดอยู่แล้ว เรื่อง ช้อปปิ้งออนไลน์

แต่...ถ้าเบื่อความวุ่นวายในเมือง
ต้องการนั่งรถออกไปนอกเมือง
ก็มีรถสาธารณะหลายสาย
สะดวกพอควร

แป๊บเดียวก็จะได้สัมผัส....สายลมแสงแดด
และความเงียบสงบของธรรมชาติ
ตอนนี้อากาศเริ่มเย็น
มิกิชอบที่สุด
การได้ออกมาสัมผัสสายหมอกยามเช้า
สดชื่นที่สุด
เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

ขนาดอยู่ในตัวเมืองอากาศ ยังดีขนาดนี้
เฮ้อ..สมองโล่งดีจัง

“สวัสดีค่ะ สายลมยามเช้า ขอบคุณนะคะ พาความสุขมาให้แต่เช้าเลย มิกิจะสูดเข้าไปให้เต็มปอด ตุนไว้ถึงเย็นเลย”
มิกิพูดกับสายลม

“เช้าๆ แบบนี้ คงยังไม่มีอะไรให้ ช้อปปิ้งหรอก อย่าใจร้อน ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า แล้วค่อยกลับบ้านไปทำงาน"
มิกิพูดกับตัวเอง

สายตาเหลือบไปเห็นร้านกาแฟร้านหนึ่ง
เดินผ่านไปผ่านมาหลายครั้งแล้ว
ไม่เคยเข้าไปสักที
ก็สมควรอยู่หรอก
ตกแต่งหน้าร้านไม่ดึงดูดใจเอาเสียเลย
จะอร่อยไหมหนอ?
ระหว่างยืนลังเลอยู่ที่หน้าร้าน

 "อ้าว! เจ้ จะเข้าก็เข้าไป หรือถ้าไม่เข้าก็ไปยืนเก๊ก ที่อื่น ขวางทางคนเข้าออก"

มิกิหันขวับไปตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง
อีตาปากเสียนี่ใครกันนะ
พูดจาสุนัขไม่รับประทานเลย
ขอดูหน้าชัดๆ หน่อย

เอ้า หน้าตาก็ใช้ได้
ใส่เครื่องแบบ Rider
สงสัยจะรีบ เอาของไปส่งลูกค้าละมั้ง

อืม... ยกโทษให้ก็ได้
แต่ไม่เห็นต้องปากเสียเลย บอกกันดีๆก็ได้
มิกิ หลบทางให้ตานั่นเข้าไป
พร้อมกระแทกเสียงใส่ และค้อนอีกวงโต
"ขอโทษค่ะ"

"ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ"
?????
เอ๊ะ ยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก
หมดกัน บรรยากาศดีๆ ยามเช้าของฉัน
เสียอารมณ์จริงๆ

มิกิเดินเข้าไปในร้าน สั่งกาแฟ ชำระเงิน
และรอ...
ระหว่างรอ มิกิมองรอบๆ ร้าน
ตกแต่งได้แย่จริงๆ  
ไม่น่าดึงดูดใจเอาเสียเลย
เจ้าของต้องเป็นคนที่รสนิยมแย่มากๆ 
แบบนี้อยู่รอดมาได้ยังไงตั้งนาน?

     "กาแฟได้แล้วค่ะ"
“ขอบคุณค่ะ”
พนักงานยื่นกาแฟให้พร้อมคำขอบคุณ
แต่พนักงานก็บริการดี 
เจ้าของอาจอบรมมาเป็นอย่างดี 

มิกิเดินออกมานอกร้าน
กำลังจะไปขึ้นรถโดยสารเพื่อกลับบ้าน

มิกิยกเจ้าแก้วน้ำสีน้ำตาลนั่น
จรดริมฝีปาก
ดื่มไปอึกหนึ่ง
โอ้โห หอมอร่อยจัง ใช้กาแฟอะไรเนี่ย
ติดใจแล้วสิ
มิน่าละ ตกแต่งร้านห่วยขนาดนั้น
กาแฟอร่อยนี่เอง ถึงได้อยู่ได้

"เจ้ๆ ต้องการรถมอเตอร์ไซค์ ไปส่งไหม"
เอ๊ะ! เสียงตาปากเสียอีกหรือเปล่า?
มิกิหันไปดู  
ตาปากเสียจริงๆด้วย
เลยตอบไปว่า
"ไม่ล่ะ ฉันขึ้นรถโดยสารดีกว่า คุณจะรีบไปส่งของไม่ใช่หรือ เมื่อกี้เห็นรีบอยู่"

"เปล่า เมื่อกี้เข้าไปเอาของในร้านเฉยๆ เดินออกมา เห็นเจ้ยืนรอรถอยู่ เลยถามดูเผื่อได้ลูกค้า ผมส่งทั้งคน ส่งทั้งของ"

รถโดยสารมาพอดี มิกิจึงรีบขึ้นรถกลับบ้าน
ขี้เกียจคุยกับคนปากเสีย
กลับมานั่งปั่นงานที่บ้านต่อ ลูกค้าเร่งยิกๆ
"เพื่อเงิน cf ของ" นึกเอาไว้มิกิ
จะได้มีแรงทำงาน

มิกิเป็นนักออกแบบอิสระ
รับงานไปเรื่อยๆ ใครจ้างออกแบบอะไรก็รับทั้งนั้น
ขอแค่ไม่ต้องเข้า office เป็นพอ

"ทำงานตลอดเช้าเลยเรา พักบ้างดีกว่า...วันนี้ร้านขายจานสวยๆ ร้านนั้นมี live นี่ เปิดดูรอ cf ดีกว่า เผื่อทันของสวยๆราคาดี"

และนี่คือการพักของมิกิ คือ นั่งดู live ขายของ

ถ้าวันไหน cf ได้ของสวยๆ ราคาถูกล่ะก็
อารมณ์ดีไปทั้งวัน
แต่ทว่า...ไม่รู้ จะพักมากไปหรือเปล่า
โรงจอดรถที่บ้านของมิกิ
เต็มไปด้วยกล่องพัสดุที่ยังไม่ได้แกะ

ก็บรรดา "ของมันต้องมี"
ที่มิกิ cf มา
ที่ยังไม่แกะ เพราะถ้าแกะออกมา
จะไม่มีที่วาง???

แค่นี้บ้านหลังน้อยของมิกิก็มีของเต็มไปหมดแล้ว
แทบจะไม่มีทางเดิน
ขอฝากไว้ที่โรงรถไปก่อน!!
ไม่เป็นไรมิกิไม่มีรถ
และขับรถไม่เป็น
ใช้บริการรถสาธารณะก็สะดวกดี
ให้เป็นที่อยู่ของน้องๆกล่องพัสดุ ไปก่อน

…….

“วันนี้อากาศ ดีจัง”
วาตะ พึมพำกับตัวเอง ขณะขี่มอเตอร์ไซค์ คันเก่า
มุ่งหน้าไปที่บ้านของลุงเจษ
ลุงเจษ ไม่ใช่ลุงของเขา
และไม่ใช่ญาติพี่น้องกันสักนิด

เมื่อหลายเดือนก่อน

วาตะเจอลุงเจษ
ในขณะที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์กินลมชมวิว
ลุงเจษ ใส่ชุด Rider ส่งของ
ก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างรถมอเตอร์ไซค์คันเก่า
เขาเลยจอดถาม เผื่อจะช่วยอะไรได้

“รถเป็นอะไรครับลุง”
“ยางแบนครับ สงสัยไปเหยียบตะปูที่ไหนมา”
“มาครับผมช่วย”

วาตะจัดการถอดยางรถของลุงเจษ
เอาไปปะที่ร้านปะยางใกล้ๆ
และเอามาใส่คืนให้เรียบร้อย

ตั้งแต่นั้นมาเขากับลุงเจษก็สนิทสนมคุ้นเคยกันมาเรื่อยๆ
วาตะแวะมาเยี่ยมลุงเจษทุกวัน
นับถือแกเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
ลุงเจษไม่มีลูกหลานหรือญาติพี่น้อง
แกอยู่ตัวคนเดียว
หาเลี้ยงชีพด้วยการเป็น Rider ส่งของ
แต่บางวันไม่สบาย
วาตะก็อาสาไปช่วยส่งของให้แทน

ปกติเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์เล่นอยู่แล้ว
ก็ส่งของไปด้วย ไม่หนักหนาอะไร
อย่างวันนี้ ส่งของเสร็จ
กำลังจะเอารถไปคืนลุงเจษที่บ้าน
และเปลี่ยนเอารถมอเตอร์ไซค์
คันเก่งของเขาที่จอดไว้บ้านลุงเจษกลับมา

จริงๆ แล้วอาชีพของเขาคือ....เขาเปิดร้านกาแฟ
นั่นคืออาชีพหลัก
แต่บางทีอยู่ร้านนานๆ ก็เบื่อ
จึงหาเรื่องออกมาเที่ยวเล่นบ้าง
ที่ร้านก็เปิดมานาน จนอยู่ตัว
ให้เด็กๆ ลูกน้องที่ร้าน ทำงานกันไป
ไว้ใจได้ทุกคน... อยู่กันมานานแล้ว

"อาการ เป็นไงบ้างครับลุงเจษ”
วาตะส่งเสียงถามทันทีที่รถหยุดลงตรงหน้าบ้าน
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ  ขอบใจมากๆนะวาตะ  ที่มาช่วยลุงส่งของบ่อยๆ"

"ไม่เป็นไรครับ สนุกดี"

“แล้วนั่นกล่องอะไรครับ?”  วาตะถาม
พร้อมส่งสายตาไปที่กล่องพัสดุในมือลุงเจษ

“อ้อ พัสดุของหนูมิกิน่ะ มันหลงอยู่กล่องนึง ลุงว่าจะเอาไปส่ง บ้านนี้ลุงส่งของประจำ ถ้าเจ้าตัวไม่อยู่ ก็วางไว้ในรั้ว แกเอาโต๊ะมาวางรอไว้แล้ว"

"เดี๋ยวผมเอาไปส่งให้ดีกว่า ลุงจะได้ไม่ต้องออกไป ยังไงผมก็ต้องขี่รถผมกลับอยู่แล้ว ลุงพักผ่อนเถอะครับ"

"งั้นเหรอ ขอบใจมากๆ นะ พ่อหนุ่ม"

"พรุ่งนี้ผมซักชุดมาคืนนะครับ"
วาตะตะโกนบอก ขณะขี่รถของเขาออกมา

……..

"~~~~~~ ~~~~~~"
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้น

"ค่า….ค่า ตื่นแล้ว รับแล้วค่าาาา"
มิกิงัวเงีย คว้าโทรศัพท์มือถือมารับ

"คุณ มิกิใช่ไหมครับ ผมมาส่งพัสดุ ตอนนี้อยู่หน้าบ้าน กริ่งบ้านคุณเสีย ผมกดแล้วไม่ดัง ลุงเจษ บอกจะมีโต๊ะวางไว้ในรั้ว ผมมองหาไม่เจอ คุณอยู่บ้านหรือเปล่า"

อ้าว กี่โมงแล้วเนี่ย?
เราเผลอหลับไป ตอนดู live
อด cf ของเลย เสียดายจัง

"อยู่ค่ะ เดี๋ยวออกไปรับ พอดีอยู่บ้าน
เลยไม่ได้วางโต๊ะไว้"
มิกิเดินออกไปทั้งๆ ที่ ยังงัวเงีย
หัวยุ่งเหยิงอยู่แบบนั้น
ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตา ด้วยซ้ำ

เห็นหน้าคนส่ง อ้าว! ตาปากเสียนี่
เมื่อเช้ายังขี่มอเตอร์ไซค์เก่าๆ ตอนนี้รถใหม่เชียว
ไปเอาของใครมาล่ะนั่น

"ลุงเจษ ไปไหนคะ ไม่ได้มาส่งของ"

 "แกไม่สบาย ผมเลยมาส่งแทน"
วาตะพูด พร้อมกับยื่น กล่องพัสดุให้

"คุณหวีผมก่อนออกมารับของก็ได้นะ"
มิกิ ถือพัสดุค้างอยู่อย่างนั้น
มองตามมอเตอร์ไซค์ซึ่งขี่ออกไปอย่างรวดเร็ว

นี่....จะไม่รอ..ไม่รอคำด่าของมิกิเลยหรือ

………

หลังจากนั้น
ทุกๆ ครั้งที่มีพัสดุที่จะส่งถึงบ้านของมิกิ
วาตะแอบกระซิบลุงเจษไว้ว่า
เขาอาสาจะไปส่งบ้านนี้ให้เอง
ลุงเจษ ได้แต่มองยิ้มๆ อย่างรู้ทัน

ซึ่ง…. มีพัสดุมาส่งบ้านมิกิทุกวัน
ก็สาวนักช้อปน่ะ
พ่อหนุ่มไรเดอร์ของเรา
ก็เลยได้สานต่อความสัมพันธ์อันดี (หรือเปล่านะ) ต่อมาจนกระทั่ง………

"แต่งงานกับผมนะครับ" วาตะคุกเข่าลง
พร้อมกับยื่นแหวนเพชร วงน้อย แสนน่ารัก
มาตรงหน้ามิกิ
"ค่ะ" มิกิยิ้มอายๆ
พร้อมกับรับแหวนมาสวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย

“แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งค่ะ”

“หลายอย่างก็ได้ครับ ว่ามาเลย”

“ก่อนแต่งงาน วาตะ ต้องให้มิกิปรับปรุงการตกแต่งร้านกาแฟนะคะ"

………………….

วาตะ : "สงสัยกันใช่ไหมครับว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ผมจะบอกให้ฟัง
จริงๆ แล้วผมถูกชะตา มิกิ ตั้งแต่วันที่ เจอกันหน้าร้านกาแฟแล้วครับ เห็นน่ารักดี เลยแซวเล่นๆ
แล้วพอบังเอิญได้มาส่งของที่บ้าน เจอเป็นซอมบี้เพิ่งตื่น หัวยุ่ง มัวขี้ตา ออกมารับของ ยิ่งดูน่ารัก
จากนั้น ก็เดินหน้าจีบเลยครับ มีของมาส่งที่บ้านทุกวัน ได้เจอหน้าทุกวัน สบายเลย
เอากาแฟอร่อยๆ ที่ร้านมาฝาก
เท่านี้ก็ตกหลุมรักผมแล้ว"

มิกิ : "เอ่อ... พ่อคนหลงตัวเอง
ส่วนทางมิกิ เจอตอนแรก เกลียดเลยค่ะ
คนอะไรปากเสียสุดๆ แต่พอเขาเอาพัสดุมาส่งทุกวัน เริ่มคุ้นเคย ได้รู้เรื่องความน่ารักของเขา
ช่วยลุงเจษ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ได้เงินตอบแทน บางทีเสียเงินด้วยซ้ำ ไปแอบเติมน้ำมันให้ลุงแกบ่อยๆ
แล้วก็ยังเป็นขวัญใจป้าๆ แถวบ้านมิกิด้วย ไม่รู้ไปหว่านเสนห์ อะไรไว้
แต่ว่า จริงๆ แล้ว วาตะเป็นคนใจดีค่ะชอบไปช่วยซ่อมอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้บ้านที่เขาไปส่งของน่ะค่ะ บ้านไหนกริ่งไม่ดัง พี่แกซ่อมให้หมด
และที่สำคัญที่สุด ที่มิกิตอบตกลง เป็นเพราะ กาแฟค่ะ
ต่อไปนี้มิกิได้กินกาแฟอร่อยๆ ฟรีตลอดชีวิตเลย"


#อุ่น💕ใจ ReadAWrite
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่