เริ่มแรกเราเรียนที่รรเอกชนมาตั้งแต่อนุบาล1ถึงม3ระยะเวลา12ปีที่อยู่กับที่เดิมไม่ไปไหน ตอนนุบาลเราเป็นเด็กกิจกรรมจนถึงป6เราสนุกมากๆเดินไปเรียนพิเศษกับเพื่อนทุกเย็น กินข้าวดูหนัง เล่นเกมท้ายเทอมก็ไม่ค่อยได้เล่นกันเพราะทุกคนต้องเตรียมสอบเข้า จนจบป6ทุกอย่างเปลี่ยน
เพื่อนๆทุกคนแยกย้ายเหลือเราอยู่รรเก่าคนเดียวแม่เราถามว่าจะย้ายไปกับเพื่อนมั้ย ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดเรียนออนไลน์เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่เราคิดผิด...ช่วงออนไลน์เราแทบจะไม่เข้าเรียนส่วนใหญ่เข้าแล้วก็เปิดค้างไว้ปิดเสียง บางทีก็แม่เรียนให้(แม่ค่อนข้างสปอย เพราะอยู่กับแม่แค่สองคน+ลูกคนเดียว) ตอนนั้นก็หวิวๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้คุยกับเพื่อนซักคน เพราะไม่รู้จะคุยอะไร เราแทบไม่ได้คุยกับใครเลยตอนนั้นหมกอยู่แต่ในห้อง เล่นเกมก็ไม่ได้คุยกับใคร เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะแย่ขนาดนั้น เราแทบจะไม่อยากคุยกับใครเลยในช่วงหนึ่งปีออนไลน์(ม1)รู้สึกว่าตอนนั้นอ่อนไหวมากเกี่ยวกับเรื่องพ่อ เพราะเราไม่รู้เหตุผลว่าเค้าเลิกกันเพราะอะไร(ตอนนี้ก็ยังไม่รู้)ตอนนั้นคิดว่าแค่อยากมีพ่อแต่แม่ก็ดูแดเราดีมากๆ ทำไมเราถึงรู้สึกขาด ตอนนั้นมันปั่นป่วนไปหมดไม่รู้จะปรึกษาใคร เพื่อนก็ไม่มี
แม่ก็ทำงาน ไม่รู้จะคุยกับแม่ยังไง ก็เลยกินยาจนเข้าโรงพยาบาล ช่วงนั้นแม่ทำหลายงานจนต้องออกจากงานนึงมา ดูแลเรา ตอนนั้นเราก็ใกล้ขึ้นม2วันแริที่
เปิดเทอมม2รู้สึกหวิว เพราะไม่มีเพื่อนที่สนิดซักคน เราแทบไม่ได้คุยกับใคร จนเริ่มคุยกับเพื่อนฝนรรแล้วก็จับกลุ่ม ตอนนั้นเราก็แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เรารู้สึกเหมือนเวลาหนึ่งปีที่เราไม่ได้ เรียนหรือแทบไม่ได้พูดไม่ได้พบเจอผู้คน มันทำให้ทักษะการเข้าสังคมของเรามันลดลงมากๆ เราไม่พูดคล่องเหมือนเมื่อก่อน จะพูดอะไรก็ต้องคิด บางทีก็ไม่กล้าพูด เราเป็นคนที่เงียบไปเลย จนม3
เราก็เป็นแบบเดิมแต่ม3เป็นชั้นสุดท้ายของรรที่เราอยู่ เราเป็นพี่ใหญ่ในตอนนั้นแต่เราแทบไม่ได้คิดจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเค้าหรืออะไรเลย ในช่วงเทอมสุดท้ายเราต้องทำใบงานงานกลุ่มเยอะ แต่ก็หยุดรรบ่อยๆเพราะหมดแพชชั่นในการเรียนขี้เกียจไม่รู้จะเรียนไปทำไม เราหยุดอย่าน้อย1วันต่ออาทิตย์ แล้วก็มีกีฬาสี เราเราช่วยสีเพราะอย่างที่บอก"เป็นพี่โต"คิดว่าตอนนั้นก็สนุกดีนะได้เป็นสตาฟ คุยกับน้องๆซ้อมกับจนดึก ประชุดวางแผนกับเพื่อนๆสนุกดี จนจบม3เหมือนชีวิตเปลี่ยนอีกครั้งเลย...
เราอยากเรียนที่(ขอแทนชื่อว่ารรลิ้นจี่ละกัน) เราก็ขึ้นมากรุงเทพ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่พักเพราะย่าซื้อบ้านให้เพราะรู้ว่าหลายจะมาเรียน เราก็ไปสมัครรรลิ้นจี่ไว้(ตอนสมัครไม่ค่อยดี) แต่เพื่อนที่มาด้วยอยากได้รรรัฐระดับท้อปๆ เราก็เลยไปสอบเป็นเพื่อนเราไม่ได้จะเข้าจริงจังแค่ทำวัดเฉยๆว่าเราอนู่ประมาณไหนถ้าเพื่อนได้เข้าก็ดีใจ(เรารู้ว่าเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น)เราไม่ได้จะเข้าวิต-คณิตด้วย
และใช่เราไม่ผ่าน แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะคิดไว้อยู่แล้ว วันที่สมัครเค้าพูดกับเราประมาณว่า "ถ้าไม่ได้เรียนมาอาจจะไม่ได้ต้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็พูดประมาณว่าทำไมได้หรอก "ด้วยความที่นี่เป็นคนบ่อน้ำตาตื้น ก็ร้องใส่ไปเลยสิคะ(ก็ไม่ได้อยากจะร้องนะแต่น้ำตามันไหลเอง)ก็เลยเดินออกมา แล้วก็กลับบ้านโดยไม่ได้เอาใบสมัคมา(ลืมบอกว่าเราสมัครภาคEPนะ)กลับมาดูดวงกับหมอดูที่เคลมว่าตัวเองแม่นนักแม่นหนา "หนูทำได้แน่นอนลู๊ก!! ยังไงหนูก็สอบติด"
พอถึงวันสอบจริงทุกอย่างออกมาดีสอบก็คิดว่าอาจจะได้ไม่แน่นอน สัมภาษณ์ก็โอเคไม่ได้แย่ ก่อนออกครูเค้าแซวกันเล่นๆว่า"แบบนี้รับแล้วอ่ะดิ" กลับมาบ้านรู้สึกสบายใจมากๆ ชิลๆ ไปใต้หวันฉ่ำ ถามแม่ว่าเมื่อไหนผลสอบจะออกแม่บอกว่า เค้ายังไม่ได้บอกผล ติดต่อครูไม่ได้(ณ ตอนนั้นกุสบายสบายใจมาก ชิลๆ ยังไงก็มีที่เรียน)พอลงจากสนามบินเท่านั้นแหล่ะ แม่บอกว่า สอบไม่ผ่านแต่อุปไว้ไม่ได้บอกเพราะกลับเที่ยวไม่สนุก ตอนนั้นนอยมากไม่อยากเรียนแล้วเพราะไม่ได้รรที่อยากเข้า เค้าเสนอฝั่งไทย ไม่เอา เค้าเสนอsepไม่เอา นอยสุดอะไรสุด แล้วก็ได้มารู้อีที ว่าจะบ้า เค้าให้ทำ3ชม กุทำไป5ชม💀 ไม่มีใครบอกเวลา
ไม่ใครว่าอะไร ตอนเดินไปถามเรื่องข้อสอบ เค้าก็บอกว่าให้ทำภายใน3ชมกำหนดเวลาเอาเอง(กุกะนึกว่ายังไม่หมดเวลา🥹🥹)หมอดูที่เคลมแรกก็บอกว่า (หนูงมงายลูก เป็นแค่การทำนายมีผิดมีถูกบ้าง)อ้าว!!หมอ (ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า)
แต่ตอนนั้นนอยมาๆไม่อยากทำอะไรไม่อยากเรียนต่อแล้วจริงๆ ไม่อยากคุยกับใครเลยนอยอ่ะ จนเดือนนั้นเพื่อนเปิดเทอมกันหมดแล้ว
แต่งงมากกกกุยังไม่มีรรที!!!
ตอนนี้แทบไม่มีรรไหนรับแล้ว ด้วยความที่แม่อยากให้ลูกมีที่เรียนหามาจนได้ ได้มา2ช้อยให้เลือก
"รรที่อยู่ในเครือเดียวกับรรเดิม" "รรใหม่หลักสูตรไบลิงกั้ว"
แน่นอนว่าชั้นไม่อยากอยู่ที่ที่เปิดแล้วเครือเดียวกันก็ไม่อยากอยู่ อีกวันไปดูรรเดินดูเสร็จแล้วเข้าเลยเตรียมเอกสารไปพร้อม เพราะตอนนั้นนอนจากสองรรนั้นก็ไม่มีที่ไหนรับแล้ว กรอกใบสมัครเลยวันนั้นเลยก่อนเปิดเทอมสิบวันนิด ตอนนี้โล่งมากทุกดีขึ้นมากรรดีสังคมใหม่ๆดี✨
ย้ายโรงเรียนครั้งแรกตอนขึ้นม4
เพื่อนๆทุกคนแยกย้ายเหลือเราอยู่รรเก่าคนเดียวแม่เราถามว่าจะย้ายไปกับเพื่อนมั้ย ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดเรียนออนไลน์เราก็คิดว่าไม่เป็นไร แต่เราคิดผิด...ช่วงออนไลน์เราแทบจะไม่เข้าเรียนส่วนใหญ่เข้าแล้วก็เปิดค้างไว้ปิดเสียง บางทีก็แม่เรียนให้(แม่ค่อนข้างสปอย เพราะอยู่กับแม่แค่สองคน+ลูกคนเดียว) ตอนนั้นก็หวิวๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรไม่ได้คุยกับเพื่อนซักคน เพราะไม่รู้จะคุยอะไร เราแทบไม่ได้คุยกับใครเลยตอนนั้นหมกอยู่แต่ในห้อง เล่นเกมก็ไม่ได้คุยกับใคร เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะแย่ขนาดนั้น เราแทบจะไม่อยากคุยกับใครเลยในช่วงหนึ่งปีออนไลน์(ม1)รู้สึกว่าตอนนั้นอ่อนไหวมากเกี่ยวกับเรื่องพ่อ เพราะเราไม่รู้เหตุผลว่าเค้าเลิกกันเพราะอะไร(ตอนนี้ก็ยังไม่รู้)ตอนนั้นคิดว่าแค่อยากมีพ่อแต่แม่ก็ดูแดเราดีมากๆ ทำไมเราถึงรู้สึกขาด ตอนนั้นมันปั่นป่วนไปหมดไม่รู้จะปรึกษาใคร เพื่อนก็ไม่มี
แม่ก็ทำงาน ไม่รู้จะคุยกับแม่ยังไง ก็เลยกินยาจนเข้าโรงพยาบาล ช่วงนั้นแม่ทำหลายงานจนต้องออกจากงานนึงมา ดูแลเรา ตอนนั้นเราก็ใกล้ขึ้นม2วันแริที่
เปิดเทอมม2รู้สึกหวิว เพราะไม่มีเพื่อนที่สนิดซักคน เราแทบไม่ได้คุยกับใคร จนเริ่มคุยกับเพื่อนฝนรรแล้วก็จับกลุ่ม ตอนนั้นเราก็แค่ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เรารู้สึกเหมือนเวลาหนึ่งปีที่เราไม่ได้ เรียนหรือแทบไม่ได้พูดไม่ได้พบเจอผู้คน มันทำให้ทักษะการเข้าสังคมของเรามันลดลงมากๆ เราไม่พูดคล่องเหมือนเมื่อก่อน จะพูดอะไรก็ต้องคิด บางทีก็ไม่กล้าพูด เราเป็นคนที่เงียบไปเลย จนม3
เราก็เป็นแบบเดิมแต่ม3เป็นชั้นสุดท้ายของรรที่เราอยู่ เราเป็นพี่ใหญ่ในตอนนั้นแต่เราแทบไม่ได้คิดจะอ่านหนังสือเตรียมสอบเค้าหรืออะไรเลย ในช่วงเทอมสุดท้ายเราต้องทำใบงานงานกลุ่มเยอะ แต่ก็หยุดรรบ่อยๆเพราะหมดแพชชั่นในการเรียนขี้เกียจไม่รู้จะเรียนไปทำไม เราหยุดอย่าน้อย1วันต่ออาทิตย์ แล้วก็มีกีฬาสี เราเราช่วยสีเพราะอย่างที่บอก"เป็นพี่โต"คิดว่าตอนนั้นก็สนุกดีนะได้เป็นสตาฟ คุยกับน้องๆซ้อมกับจนดึก ประชุดวางแผนกับเพื่อนๆสนุกดี จนจบม3เหมือนชีวิตเปลี่ยนอีกครั้งเลย...
เราอยากเรียนที่(ขอแทนชื่อว่ารรลิ้นจี่ละกัน) เราก็ขึ้นมากรุงเทพ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่พักเพราะย่าซื้อบ้านให้เพราะรู้ว่าหลายจะมาเรียน เราก็ไปสมัครรรลิ้นจี่ไว้(ตอนสมัครไม่ค่อยดี) แต่เพื่อนที่มาด้วยอยากได้รรรัฐระดับท้อปๆ เราก็เลยไปสอบเป็นเพื่อนเราไม่ได้จะเข้าจริงจังแค่ทำวัดเฉยๆว่าเราอนู่ประมาณไหนถ้าเพื่อนได้เข้าก็ดีใจ(เรารู้ว่าเราไม่ได้เก่งขนาดนั้น)เราไม่ได้จะเข้าวิต-คณิตด้วย
และใช่เราไม่ผ่าน แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะคิดไว้อยู่แล้ว วันที่สมัครเค้าพูดกับเราประมาณว่า "ถ้าไม่ได้เรียนมาอาจจะไม่ได้ต้องเรียนมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็พูดประมาณว่าทำไมได้หรอก "ด้วยความที่นี่เป็นคนบ่อน้ำตาตื้น ก็ร้องใส่ไปเลยสิคะ(ก็ไม่ได้อยากจะร้องนะแต่น้ำตามันไหลเอง)ก็เลยเดินออกมา แล้วก็กลับบ้านโดยไม่ได้เอาใบสมัคมา(ลืมบอกว่าเราสมัครภาคEPนะ)กลับมาดูดวงกับหมอดูที่เคลมว่าตัวเองแม่นนักแม่นหนา "หนูทำได้แน่นอนลู๊ก!! ยังไงหนูก็สอบติด"
พอถึงวันสอบจริงทุกอย่างออกมาดีสอบก็คิดว่าอาจจะได้ไม่แน่นอน สัมภาษณ์ก็โอเคไม่ได้แย่ ก่อนออกครูเค้าแซวกันเล่นๆว่า"แบบนี้รับแล้วอ่ะดิ" กลับมาบ้านรู้สึกสบายใจมากๆ ชิลๆ ไปใต้หวันฉ่ำ ถามแม่ว่าเมื่อไหนผลสอบจะออกแม่บอกว่า เค้ายังไม่ได้บอกผล ติดต่อครูไม่ได้(ณ ตอนนั้นกุสบายสบายใจมาก ชิลๆ ยังไงก็มีที่เรียน)พอลงจากสนามบินเท่านั้นแหล่ะ แม่บอกว่า สอบไม่ผ่านแต่อุปไว้ไม่ได้บอกเพราะกลับเที่ยวไม่สนุก ตอนนั้นนอยมากไม่อยากเรียนแล้วเพราะไม่ได้รรที่อยากเข้า เค้าเสนอฝั่งไทย ไม่เอา เค้าเสนอsepไม่เอา นอยสุดอะไรสุด แล้วก็ได้มารู้อีที ว่าจะบ้า เค้าให้ทำ3ชม กุทำไป5ชม💀 ไม่มีใครบอกเวลา
ไม่ใครว่าอะไร ตอนเดินไปถามเรื่องข้อสอบ เค้าก็บอกว่าให้ทำภายใน3ชมกำหนดเวลาเอาเอง(กุกะนึกว่ายังไม่หมดเวลา🥹🥹)หมอดูที่เคลมแรกก็บอกว่า (หนูงมงายลูก เป็นแค่การทำนายมีผิดมีถูกบ้าง)อ้าว!!หมอ (ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า)
แต่ตอนนั้นนอยมาๆไม่อยากทำอะไรไม่อยากเรียนต่อแล้วจริงๆ ไม่อยากคุยกับใครเลยนอยอ่ะ จนเดือนนั้นเพื่อนเปิดเทอมกันหมดแล้ว
แต่งงมากกกกุยังไม่มีรรที!!!
ตอนนี้แทบไม่มีรรไหนรับแล้ว ด้วยความที่แม่อยากให้ลูกมีที่เรียนหามาจนได้ ได้มา2ช้อยให้เลือก
"รรที่อยู่ในเครือเดียวกับรรเดิม" "รรใหม่หลักสูตรไบลิงกั้ว"
แน่นอนว่าชั้นไม่อยากอยู่ที่ที่เปิดแล้วเครือเดียวกันก็ไม่อยากอยู่ อีกวันไปดูรรเดินดูเสร็จแล้วเข้าเลยเตรียมเอกสารไปพร้อม เพราะตอนนั้นนอนจากสองรรนั้นก็ไม่มีที่ไหนรับแล้ว กรอกใบสมัครเลยวันนั้นเลยก่อนเปิดเทอมสิบวันนิด ตอนนี้โล่งมากทุกดีขึ้นมากรรดีสังคมใหม่ๆดี✨