คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เหตุการณ์ที่ Apple Central World วันที่ 21/5/67 ผมซ่อนข้อความเอาไว้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เล่าย่อๆ คือ
1. คุณจิน โทรมาแจ้งว่าช่วยไม่ได้ เครื่องไม่เข้า Policy การให้ Exception เพราะ Apple Repair Center ไม่พบปัญหา ให้รับเครื่องเดิมกลับไปใช้โดยไม่มีการซ่อม
ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งกลางทาง เลย
2. โทรเข้า Apple Support อีกรอบ รอบนี้โชคดีเจอพี่ขวัญ แกเข้าใจปัญหาเรา มีการขอ VMI Report จากหน้าร้าน
3. ต้องชื่นชมอย่างนึงนะคือพนักงานตัวเล็กๆในร้าน ไม่ว่าจะ คุณตูน คุณ Yo-Yo หรือส่วนงานหลังบ้านพยายามหาทางช่วยเต็มที่ แต่พอหัวหน้าของเค้ามา ความบรรลัยจึงบังเกิด
4. มีจุดที่ผมสับสนกับพี่ขวัญนิดนึง (ความหมายเหมือนกัน)
ตอนผมพูดว่า “Final Answer จากทีมวิศวกรส่วนกลางบอกว่า Confirm Hardware Issue"
พี่ขวัญบอกวิศวกรส่วนกลางไม่ได้ Confirm Hardware Issue เค้าบอกแค่ว่า
”สิ้นสุดแนวทางแก้ไขปัญหาของลูกค้าในฝั่ง Software และ Technical Support แล้วให้ลูกค้าไปติดต่อศูนย์บริการเพื่อดำเนินการซ่อม“ ส่วนที่บอกว่า Confirm Hardware Issue คุณจินเข้าใจผิดไปเอง
(ผมนี่นั่งแปลไทยเป็นไทยอยู่ซักพักนึงเลย คือมันความหมายเดียวกันครับพี่ขวัญ 555)
5. พนักงานตัวเล็กๆ ในร้าน พยายามหาทางช่วยแต่พอหัวหน้าของเค้าชื่อ J (นามสมมติ) มาถึง ความบรรลัยก็บังเกิดตรงนั้น
ตอนแรกก็เสนอแล้วว่าต้องส่งซ่อมให้ลูกค้า แล้วเค้าก็ขอหลักฐานจากพี่ขวัญที่ทางทีมวิศวกรตอบมา เค้าต้องการให้พี่ขวัญแคปรูปส่งให้ แต่โดยกฎระเบียบของบริษัททำแบบนั้นไม่ได้ แล้วเค้าก็ไปคุยกับพี่ขวัญอยู่ซักพักนึง ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะส่งซ่อมให้ จะไปคุยกับ QSL ให้ บลาๆๆๆ จากนั้นพี่ขวัญก็วางสายไป
6. หลังจากพี่ขวัญวางสายนางบิดพริ้ว บอกว่าลูกค้าต้องตัดสินใจเอาเองนะคะ ว่าจะส่งซ่อมไหม เพราะส่งไปก็คงได้คำตอบเดิม อ้าวไหงบอกว่าจะไปคุยให้ไง นางบอกไม่มีวิธีติดต่อ QSL แล้วนางก็โยนนี่คือปัญหาซอฟต์แวร์
7. นางอ้างเรื่อง RT Software มาอีกแล้ว ซึ่งผมก็ง้างกลับว่าทางวิศวกรส่วนกลางได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีซอฟต์แวร์อะไรตัวนี้ จากนั้นนางจึงอ้างว่าทางศูนย์ซ่อมได้ตรวจเช็คเครื่องลูกค้าโดยละเอียดแล้วเราไม่เจอปัญหา ผมเลยถามว่าตรวจเช็คยังไง นางบอกเมื่อมันเกิดปัญหาเราก็มีการสร้างเครื่องมือมาเพื่อตรวจสอบค่ะ (พอดีตอนนั้นผมเห็นหน้า AST2 ของ พนง. มันมีการรันแค่พวก MRI, Face ID ทั่วๆไป ไม่เห็นการรันเรื่องจอที่อ้างมาเลย เพราะมันไม่มีเครื่องมือแบบนั้น ปัญหาเรื่องจอแสดงผล หรือคุณภาพกล้อง เป็นลักษณะของ Functional Test ไม่มีเครื่องมือมารัน คือ นางมั่ว)
8. ผมก็เลยอธิบายอธิบายนางว่ามันไม่มีซอฟต์แวร์อะไรที่จะมาแก้ปัญหาได้ การจะแก้เรื่องจอเขียวจอขาวได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนจอ คือการทำบายพาสจอ ซึ่งถือเป็นการดัดแปลง
นางเถียงผมว่า ถ้ามีการดัดแปลงมันจะขึ้นเตือนในตั้งค่าเลยค่ะ
ผมเลยง้างนางว่านี่เป็นพนักงาน Apple ประสาอะไร เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ต้องให้ลูกค้าแบบผมสอน ที่มันจะขึ้นแจ้งเตือนว่าอะไหล่ไม่รู้จัก คือกรณีที่มีการเปลี่ยนจอแล้วไม่ได้รัน System Configeration ปิดงาน, หรือถ้าเป็นร้านนอกก็คือไม่ย้ายขั้วมา ทำให้ซีเรียลตรงขั้วไม่ตรงกับในระบบ หรืออีกทีคือ สายแพร์มันเสีย แต่การทำบายพาสจอเค้าไม่ได้ทำตรงนั้น นางเหวอไปแล้วไปตาม Manager มา นางคนนี้ว่าแย่แล้วพอ Manager มา ความบรรลัยอีกระลอกก็บังเกิดขึ้น
9. Manager ชื่อ K (นามสมมติ) มาหาเรา แล้วให้เราเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เค้าทำเหมือนฟังแต่ตัดบท ไปคุยกับทีมแล้วกลับมาบอกว่า
“ตอนนี้เครื่องลูกค้าทำอะไรไม่ได้ ระบบไม่ยอมให้เราดำเนินการใดๆ ทางที่ทำได้คือลูกค้าต้องรับเครื่องกลับไป ถ้าลูกค้าไม่พอใจเครื่องนี้ให้เอาไปขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ จะขายกับเราโดยการ Trade-in ก็ได้ เรารับที่ราคา 16k หรือจะไปขายที่อื่นก็ได้”
10. ผมเลยโวย ว่าจะบ้าหรอเครื่องมีประกัน AppleCare+ เหลือตั้งเป็นปี ให้ไปขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ใช้อะไรคิด แบบนี้มันดูปัดความรับผิดชอบไหม
ผมถามทั้ง J และ K ว่า ถ้าผมเอาไปขายแล้วซื้อใหม่ นั่นก็คือ ผมเอาความซวยไปโยนให้คนอื่นใช่ไหม เหมือนผมไปย้อมแมว โกงขายเค้า ปัดไปให้พ้นตัวว่างั้น...
นาง J บอกว่า “ก็เป็นสิทธิ์ที่ลูกค้าจะคิดนะคะ แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำให้ลูกค้าได้ค่ะ”
ไอ้ K พูดว่า ประกันเหลือเป็นปี พังก็กลับมาซ่อมไงครับ
ปล.ตอนผมโวย รปภ ทำท่าเตรียมพร้อมรวบ ถ้ารวบโดยไม่มีเหตุผล ผมเอาเรื่องตายแน่
ผมก็เลยบอกว่า อ้าวไหนบอกว่าทำไรไม่ได้ไง หรือมันทำไม่ได้คือถ้าส่งในนามผม ถ้าเอาลูกค้าคนอื่นมาเค้าคงไม่มีพลังมาต่อรอง มาดีเบตแบบผมใช่มั้ย
ผมขอคุยกับผู้จัดการคนอื่น เค้าไม่ยอม เค้าบอกมีเค้าคนเดียว เขาคือผู้จัดการที่นี่
ผมเลยบอกตั้งเจ็ดคนไม่ใช่หรอ เค้าถามว่าผมรู้ได้ยังไง ผมก็บอกเอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน คุณไปตามมาเถอะเพราะดูแล้วผมคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง
11. ไอ้ K บอกว่า เครื่องลูกค้าถูกส่งกลับมาถึงร้านเมื่อวาน เราได้ทดสอบชาร์จแบตเตอรี่ทั้งคืน และอัดวิดีโอไว้ด้วย เราไม่พบอาการเสียที่ลูกค้าแจ้งมา
ผมเลยถามว่าอัดวิดีโอทั้งคืนนี่แสดงว่าเมมเยอะนะครับ งั้นผมขอดูหน่อย เค้าบอกดูไม่ได้เป็น Internal คือมันจะเป็นความลับอะไรล่ะก็แค่วิดีโอที่ถ่ายว่าชาร์จแบต ถ้ามีจริงก็ไม่ได้น่ากลัวที่ต้องเอามาให้ดู
ผมเลยบอกว่า อ่างั้นผมลองเปิดเครื่องดู ผมเปิดเครื่องมามีแบต 42% นี่คือชาร์จทั้งคืน ”คุณโกหกผม“ นี่ของขึ้นสุดๆแล้ว
ตอนนั้น J กับ K ไปไหนไม่รู้ แล้วเผอิญผมเห็นพนักงานห้องสต๊อกขึ้นมาพอดี ผมเลยถือโอกาสถามเลย ยังเตี๊ยมกันไม่ทัน
พนง. ห้องสต็อกชื่อ N (นามสมมติ) ขึ้นมาพอดี ผมเลยดักถามเลยว่าเมื่อคืนชาร์จเครื่องผมหรอ เค้าทำหน้าตกใจแล้วบอกว่าไม่ใช่นะลูกค้า ถ้าเครื่องส่งกลับจาก Depot เราจะเก็บไว้ในกล่อง และเอาไว้ในห้องสต๊อกไม่เปิดเครื่องก่อน เราจะรอมาเปิดต่อหน้าลูกค้านะคะ
อ้าวชัดเจนไอ้ K โกหก
12. ผมได้โทรเข้า Apple Support เจอเจ้าหน้าที่Senior2 คน
เจ้าหน้าที่คนแรกชื่อ M (นามสมมติ) เค้ายืนยันว่าเราต้องยืนตามหน้าร้าน หน้าร้านไม่เจอปัญหา หน้าร้านไม่ทดลองชาร์จทั้งคืนแล้วไม่เจอปัญหา ผมเลยรายงานเขาเรื่องแบตเตอรี่ว่าทำไมมันขึ้นมาแค่นั้น เค้าเลยขอคุยกับ K แต่ดูเหมือน K แอบกดตัดสาย แล้วมาบอกว่าสายหลุด
เจ้าหน้าที่คนที่ 2 ชื่อ B (นามสมมติ) เขาขอไปคุยกับ K สักพัก รอบนี้ไม่ได้อ้างเรื่องชาร์จแบตทั้งคืน เพราะผมจับเท็จได้ก็พูดดังประจานในร้านเลย
B พูดแบบเยือกเย็นบอกว่า หน้าร้านเค้าได้เสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ที่เราสามารถทำได้ในวันนี้ สิ่งนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณลูกค้าแล้วครับ ถ้าลูกค้าไม่ดำเนินการตามที่เราเสนอมาเราจะไม่สามารถช่วยเหลือคุณลูกค้าต่อในเคสนี้ได้อีกเลยนะครับ
เราขึ้นเสียง ”คือขายทิ้งบ้าน You คือวิธีแก้ปัญหาแล้วหรอ ขายทิ้งแล้วซื้อใหม่มันก็เท่ากับปัญหาจบไปแล้วไหม มันมีอะไรให้ต้องตามต่อ แล้วตามกฎหมายการรับประกันเนี่ยเค้ามีหรอครับว่าให้ขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ ต้องเอาทนายมาคุยด้วยกันไหม“ เสร็จแล้วก็ตัดสายไป
แล้วผมโทรเข้า Apple Support รอบที่ 3 เจอคุณ M อีกครั้ง เค้าอยากคุยกับ K แต่เผอิญตอนนั้นผมเจอผู้จัดการอีกคนนึงขึ้นมาพอดี เค้าชื่อ JP เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ
ผมรู้สึกว่าการคุยกับ K วันนี้คงไม่จบ เพราะนี่ก็จะบ่ายสี่แล้ว มาตั้งแต่ 10 โมง ผมเพิ่งกินอเมริกาโน่ไปแก้วเดียวยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ต่อให้ผมอยู่จนปิดร้านก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจขอคุยกับ JP ซึ่งเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษ แล้วคุณ M ก็วางสายไป
13. คุณ JP มีการขอให้เล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น สัมผัสที่รู้สึกได้คือเค้าเข้าใจปัญหาเราจริง เค้าพยายามรับฟังเพื่อที่จะเข้าใจปัญหา ไม่ใช่ฟังแบบขอไปทีเหมือนไอ้ K
จากนั้นเค้าก็ไปคุยกับทีมสักพักนึง แล้วกลับมาให้ข้อเสนอคือวันนี้เค้าจะเปลี่ยนหน้าจอกับ Rear System ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในการรับประกัน เค้าจะพยายามเซ็ตระบบให้ทำในร้านได้ แต่ผลสุดท้ายระบบก็ยังคงยืนยันให้ต้องส่งไป QSL
14. คุณ JP ขอโทษที่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ในร้าน ยังคงต้องส่งเครื่องไปศูนย์ซ่อมอยู่ดี ขอโทษที่ไม่สามารถทำได้ตามที่สัญญาเอาไว้ แล้วก็ขอว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เค้าขอโทษแทนพนักงานสองคนนั้น เค้าไม่อยากให้เกิดเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้น แต่ผมคงทำให้ไม่ได้เพราะวันนั้นผมเสียเวลาทั้งวันข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน เพราะต้องมานั่งเถียงกับพนักงานประสาทไม่ปกติ
15. คุณ JP ติดงานเลยส่งต่อเคสให้คุณกอล์ฟ (Lead Genius) มาดูแลเรื่องการสร้างงานซ่อมต่อ คุณกอล์ฟก็เป็นพนักงานที่น่ารักมากครับ คุยกันถูกคอ สนิทกันดี ดูมีความอยากช่วย เสร็จแล้วผมก็ตกลงส่งเคลมเป็นครั้งที่สี่ วันนั้นคือการเข้าไปเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งที่ห้าสำหรับปัญหานี้ เสร็จแล้วก็ทำเรื่องเบิกเครื่องยืม แล้วก็กลับบ้านครับ
แต่ผลสุดท้ายแล้ววันที่ 25/5/67 ทาง QSL เค้าก็ยังไม่ยอม เค้าก็ยังตีกลับเครื่องแบบเดิม
คุณกอล์ฟก็เลยโทรมาขอโทษที่ไม่สามารถช่วยได้เลยเพราะโดยอำนาจ QSL จะมีสูงกว่า Apple Store
คุณ Golf แนะนำให้โทรเข้า Apple Support เพื่อขอ CS Code เพราะตอนนี้หน้าร้านทำเต็มที่แล้วทางนั้นเค้าก็ไม่ยอมอะไรเลย
ผมเลยโทรเข้า Apple Support พนักงานภาษาไทยงี่เง่า ผมเลยตัดสินใจโทรคุยแบบภาษาอังกฤษแทนสายสุ่มไปติดเจ้าหน้าที่ Senior คนนึงที่สิงคโปร์ชื่อคุณ Ashley
การสนทนากับคุณ Ashley และบทสรุปผมจะเล่าต่อใน Comment ที่ 2 นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เล่าย่อๆ คือ
1. คุณจิน โทรมาแจ้งว่าช่วยไม่ได้ เครื่องไม่เข้า Policy การให้ Exception เพราะ Apple Repair Center ไม่พบปัญหา ให้รับเครื่องเดิมกลับไปใช้โดยไม่มีการซ่อม
ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งกลางทาง เลย
2. โทรเข้า Apple Support อีกรอบ รอบนี้โชคดีเจอพี่ขวัญ แกเข้าใจปัญหาเรา มีการขอ VMI Report จากหน้าร้าน
3. ต้องชื่นชมอย่างนึงนะคือพนักงานตัวเล็กๆในร้าน ไม่ว่าจะ คุณตูน คุณ Yo-Yo หรือส่วนงานหลังบ้านพยายามหาทางช่วยเต็มที่ แต่พอหัวหน้าของเค้ามา ความบรรลัยจึงบังเกิด
4. มีจุดที่ผมสับสนกับพี่ขวัญนิดนึง (ความหมายเหมือนกัน)
ตอนผมพูดว่า “Final Answer จากทีมวิศวกรส่วนกลางบอกว่า Confirm Hardware Issue"
พี่ขวัญบอกวิศวกรส่วนกลางไม่ได้ Confirm Hardware Issue เค้าบอกแค่ว่า
”สิ้นสุดแนวทางแก้ไขปัญหาของลูกค้าในฝั่ง Software และ Technical Support แล้วให้ลูกค้าไปติดต่อศูนย์บริการเพื่อดำเนินการซ่อม“ ส่วนที่บอกว่า Confirm Hardware Issue คุณจินเข้าใจผิดไปเอง
(ผมนี่นั่งแปลไทยเป็นไทยอยู่ซักพักนึงเลย คือมันความหมายเดียวกันครับพี่ขวัญ 555)
5. พนักงานตัวเล็กๆ ในร้าน พยายามหาทางช่วยแต่พอหัวหน้าของเค้าชื่อ J (นามสมมติ) มาถึง ความบรรลัยก็บังเกิดตรงนั้น
ตอนแรกก็เสนอแล้วว่าต้องส่งซ่อมให้ลูกค้า แล้วเค้าก็ขอหลักฐานจากพี่ขวัญที่ทางทีมวิศวกรตอบมา เค้าต้องการให้พี่ขวัญแคปรูปส่งให้ แต่โดยกฎระเบียบของบริษัททำแบบนั้นไม่ได้ แล้วเค้าก็ไปคุยกับพี่ขวัญอยู่ซักพักนึง ตกลงกันเรียบร้อยว่าจะส่งซ่อมให้ จะไปคุยกับ QSL ให้ บลาๆๆๆ จากนั้นพี่ขวัญก็วางสายไป
6. หลังจากพี่ขวัญวางสายนางบิดพริ้ว บอกว่าลูกค้าต้องตัดสินใจเอาเองนะคะ ว่าจะส่งซ่อมไหม เพราะส่งไปก็คงได้คำตอบเดิม อ้าวไหงบอกว่าจะไปคุยให้ไง นางบอกไม่มีวิธีติดต่อ QSL แล้วนางก็โยนนี่คือปัญหาซอฟต์แวร์
7. นางอ้างเรื่อง RT Software มาอีกแล้ว ซึ่งผมก็ง้างกลับว่าทางวิศวกรส่วนกลางได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีซอฟต์แวร์อะไรตัวนี้ จากนั้นนางจึงอ้างว่าทางศูนย์ซ่อมได้ตรวจเช็คเครื่องลูกค้าโดยละเอียดแล้วเราไม่เจอปัญหา ผมเลยถามว่าตรวจเช็คยังไง นางบอกเมื่อมันเกิดปัญหาเราก็มีการสร้างเครื่องมือมาเพื่อตรวจสอบค่ะ (พอดีตอนนั้นผมเห็นหน้า AST2 ของ พนง. มันมีการรันแค่พวก MRI, Face ID ทั่วๆไป ไม่เห็นการรันเรื่องจอที่อ้างมาเลย เพราะมันไม่มีเครื่องมือแบบนั้น ปัญหาเรื่องจอแสดงผล หรือคุณภาพกล้อง เป็นลักษณะของ Functional Test ไม่มีเครื่องมือมารัน คือ นางมั่ว)
8. ผมก็เลยอธิบายอธิบายนางว่ามันไม่มีซอฟต์แวร์อะไรที่จะมาแก้ปัญหาได้ การจะแก้เรื่องจอเขียวจอขาวได้โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนจอ คือการทำบายพาสจอ ซึ่งถือเป็นการดัดแปลง
นางเถียงผมว่า ถ้ามีการดัดแปลงมันจะขึ้นเตือนในตั้งค่าเลยค่ะ
ผมเลยง้างนางว่านี่เป็นพนักงาน Apple ประสาอะไร เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ต้องให้ลูกค้าแบบผมสอน ที่มันจะขึ้นแจ้งเตือนว่าอะไหล่ไม่รู้จัก คือกรณีที่มีการเปลี่ยนจอแล้วไม่ได้รัน System Configeration ปิดงาน, หรือถ้าเป็นร้านนอกก็คือไม่ย้ายขั้วมา ทำให้ซีเรียลตรงขั้วไม่ตรงกับในระบบ หรืออีกทีคือ สายแพร์มันเสีย แต่การทำบายพาสจอเค้าไม่ได้ทำตรงนั้น นางเหวอไปแล้วไปตาม Manager มา นางคนนี้ว่าแย่แล้วพอ Manager มา ความบรรลัยอีกระลอกก็บังเกิดขึ้น
9. Manager ชื่อ K (นามสมมติ) มาหาเรา แล้วให้เราเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เค้าทำเหมือนฟังแต่ตัดบท ไปคุยกับทีมแล้วกลับมาบอกว่า
“ตอนนี้เครื่องลูกค้าทำอะไรไม่ได้ ระบบไม่ยอมให้เราดำเนินการใดๆ ทางที่ทำได้คือลูกค้าต้องรับเครื่องกลับไป ถ้าลูกค้าไม่พอใจเครื่องนี้ให้เอาไปขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ จะขายกับเราโดยการ Trade-in ก็ได้ เรารับที่ราคา 16k หรือจะไปขายที่อื่นก็ได้”
10. ผมเลยโวย ว่าจะบ้าหรอเครื่องมีประกัน AppleCare+ เหลือตั้งเป็นปี ให้ไปขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ใช้อะไรคิด แบบนี้มันดูปัดความรับผิดชอบไหม
ผมถามทั้ง J และ K ว่า ถ้าผมเอาไปขายแล้วซื้อใหม่ นั่นก็คือ ผมเอาความซวยไปโยนให้คนอื่นใช่ไหม เหมือนผมไปย้อมแมว โกงขายเค้า ปัดไปให้พ้นตัวว่างั้น...
นาง J บอกว่า “ก็เป็นสิทธิ์ที่ลูกค้าจะคิดนะคะ แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำให้ลูกค้าได้ค่ะ”
ไอ้ K พูดว่า ประกันเหลือเป็นปี พังก็กลับมาซ่อมไงครับ
ปล.ตอนผมโวย รปภ ทำท่าเตรียมพร้อมรวบ ถ้ารวบโดยไม่มีเหตุผล ผมเอาเรื่องตายแน่
ผมก็เลยบอกว่า อ้าวไหนบอกว่าทำไรไม่ได้ไง หรือมันทำไม่ได้คือถ้าส่งในนามผม ถ้าเอาลูกค้าคนอื่นมาเค้าคงไม่มีพลังมาต่อรอง มาดีเบตแบบผมใช่มั้ย
ผมขอคุยกับผู้จัดการคนอื่น เค้าไม่ยอม เค้าบอกมีเค้าคนเดียว เขาคือผู้จัดการที่นี่
ผมเลยบอกตั้งเจ็ดคนไม่ใช่หรอ เค้าถามว่าผมรู้ได้ยังไง ผมก็บอกเอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกัน คุณไปตามมาเถอะเพราะดูแล้วผมคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง
11. ไอ้ K บอกว่า เครื่องลูกค้าถูกส่งกลับมาถึงร้านเมื่อวาน เราได้ทดสอบชาร์จแบตเตอรี่ทั้งคืน และอัดวิดีโอไว้ด้วย เราไม่พบอาการเสียที่ลูกค้าแจ้งมา
ผมเลยถามว่าอัดวิดีโอทั้งคืนนี่แสดงว่าเมมเยอะนะครับ งั้นผมขอดูหน่อย เค้าบอกดูไม่ได้เป็น Internal คือมันจะเป็นความลับอะไรล่ะก็แค่วิดีโอที่ถ่ายว่าชาร์จแบต ถ้ามีจริงก็ไม่ได้น่ากลัวที่ต้องเอามาให้ดู
ผมเลยบอกว่า อ่างั้นผมลองเปิดเครื่องดู ผมเปิดเครื่องมามีแบต 42% นี่คือชาร์จทั้งคืน ”คุณโกหกผม“ นี่ของขึ้นสุดๆแล้ว
ตอนนั้น J กับ K ไปไหนไม่รู้ แล้วเผอิญผมเห็นพนักงานห้องสต๊อกขึ้นมาพอดี ผมเลยถือโอกาสถามเลย ยังเตี๊ยมกันไม่ทัน
พนง. ห้องสต็อกชื่อ N (นามสมมติ) ขึ้นมาพอดี ผมเลยดักถามเลยว่าเมื่อคืนชาร์จเครื่องผมหรอ เค้าทำหน้าตกใจแล้วบอกว่าไม่ใช่นะลูกค้า ถ้าเครื่องส่งกลับจาก Depot เราจะเก็บไว้ในกล่อง และเอาไว้ในห้องสต๊อกไม่เปิดเครื่องก่อน เราจะรอมาเปิดต่อหน้าลูกค้านะคะ
อ้าวชัดเจนไอ้ K โกหก
12. ผมได้โทรเข้า Apple Support เจอเจ้าหน้าที่Senior2 คน
เจ้าหน้าที่คนแรกชื่อ M (นามสมมติ) เค้ายืนยันว่าเราต้องยืนตามหน้าร้าน หน้าร้านไม่เจอปัญหา หน้าร้านไม่ทดลองชาร์จทั้งคืนแล้วไม่เจอปัญหา ผมเลยรายงานเขาเรื่องแบตเตอรี่ว่าทำไมมันขึ้นมาแค่นั้น เค้าเลยขอคุยกับ K แต่ดูเหมือน K แอบกดตัดสาย แล้วมาบอกว่าสายหลุด
เจ้าหน้าที่คนที่ 2 ชื่อ B (นามสมมติ) เขาขอไปคุยกับ K สักพัก รอบนี้ไม่ได้อ้างเรื่องชาร์จแบตทั้งคืน เพราะผมจับเท็จได้ก็พูดดังประจานในร้านเลย
B พูดแบบเยือกเย็นบอกว่า หน้าร้านเค้าได้เสนอตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ที่เราสามารถทำได้ในวันนี้ สิ่งนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณลูกค้าแล้วครับ ถ้าลูกค้าไม่ดำเนินการตามที่เราเสนอมาเราจะไม่สามารถช่วยเหลือคุณลูกค้าต่อในเคสนี้ได้อีกเลยนะครับ
เราขึ้นเสียง ”คือขายทิ้งบ้าน You คือวิธีแก้ปัญหาแล้วหรอ ขายทิ้งแล้วซื้อใหม่มันก็เท่ากับปัญหาจบไปแล้วไหม มันมีอะไรให้ต้องตามต่อ แล้วตามกฎหมายการรับประกันเนี่ยเค้ามีหรอครับว่าให้ขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ ต้องเอาทนายมาคุยด้วยกันไหม“ เสร็จแล้วก็ตัดสายไป
แล้วผมโทรเข้า Apple Support รอบที่ 3 เจอคุณ M อีกครั้ง เค้าอยากคุยกับ K แต่เผอิญตอนนั้นผมเจอผู้จัดการอีกคนนึงขึ้นมาพอดี เค้าชื่อ JP เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ
ผมรู้สึกว่าการคุยกับ K วันนี้คงไม่จบ เพราะนี่ก็จะบ่ายสี่แล้ว มาตั้งแต่ 10 โมง ผมเพิ่งกินอเมริกาโน่ไปแก้วเดียวยังไม่ได้กินข้าวกลางวันเลย ต่อให้ผมอยู่จนปิดร้านก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจขอคุยกับ JP ซึ่งเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษ แล้วคุณ M ก็วางสายไป
13. คุณ JP มีการขอให้เล่าเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น สัมผัสที่รู้สึกได้คือเค้าเข้าใจปัญหาเราจริง เค้าพยายามรับฟังเพื่อที่จะเข้าใจปัญหา ไม่ใช่ฟังแบบขอไปทีเหมือนไอ้ K
จากนั้นเค้าก็ไปคุยกับทีมสักพักนึง แล้วกลับมาให้ข้อเสนอคือวันนี้เค้าจะเปลี่ยนหน้าจอกับ Rear System ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากว่าปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่ในการรับประกัน เค้าจะพยายามเซ็ตระบบให้ทำในร้านได้ แต่ผลสุดท้ายระบบก็ยังคงยืนยันให้ต้องส่งไป QSL
14. คุณ JP ขอโทษที่ไม่สามารถดำเนินการให้ได้ในร้าน ยังคงต้องส่งเครื่องไปศูนย์ซ่อมอยู่ดี ขอโทษที่ไม่สามารถทำได้ตามที่สัญญาเอาไว้ แล้วก็ขอว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้เค้าขอโทษแทนพนักงานสองคนนั้น เค้าไม่อยากให้เกิดเรื่องร้องเรียนเกิดขึ้น แต่ผมคงทำให้ไม่ได้เพราะวันนั้นผมเสียเวลาทั้งวันข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน เพราะต้องมานั่งเถียงกับพนักงานประสาทไม่ปกติ
15. คุณ JP ติดงานเลยส่งต่อเคสให้คุณกอล์ฟ (Lead Genius) มาดูแลเรื่องการสร้างงานซ่อมต่อ คุณกอล์ฟก็เป็นพนักงานที่น่ารักมากครับ คุยกันถูกคอ สนิทกันดี ดูมีความอยากช่วย เสร็จแล้วผมก็ตกลงส่งเคลมเป็นครั้งที่สี่ วันนั้นคือการเข้าไปเซ็นทรัลเวิลด์ครั้งที่ห้าสำหรับปัญหานี้ เสร็จแล้วก็ทำเรื่องเบิกเครื่องยืม แล้วก็กลับบ้านครับ
แต่ผลสุดท้ายแล้ววันที่ 25/5/67 ทาง QSL เค้าก็ยังไม่ยอม เค้าก็ยังตีกลับเครื่องแบบเดิม
คุณกอล์ฟก็เลยโทรมาขอโทษที่ไม่สามารถช่วยได้เลยเพราะโดยอำนาจ QSL จะมีสูงกว่า Apple Store
คุณ Golf แนะนำให้โทรเข้า Apple Support เพื่อขอ CS Code เพราะตอนนี้หน้าร้านทำเต็มที่แล้วทางนั้นเค้าก็ไม่ยอมอะไรเลย
ผมเลยโทรเข้า Apple Support พนักงานภาษาไทยงี่เง่า ผมเลยตัดสินใจโทรคุยแบบภาษาอังกฤษแทนสายสุ่มไปติดเจ้าหน้าที่ Senior คนนึงที่สิงคโปร์ชื่อคุณ Ashley
การสนทนากับคุณ Ashley และบทสรุปผมจะเล่าต่อใน Comment ที่ 2 นะครับ
▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
Apple Store
iPhone
iPhone 14 Pro Max
คุ้มครองผู้บริโภค
โทรศัพท์มือถือ
ประสบการณ์ iPhone 14 Pro Max จอเขียว + ประสบการณ์โดน Apple Store ไล่ให้ไปขายเครื่องทิ้งแล้วซื้อใหม่ทั้งๆที่มี AppleCare+
วันนี้เราจะมาเล่าประสบการณ์ iPhone 14 Pro Max มีอาการเสียเรื่องจอเขียว จอขาว ถึงแม้จะมี AC+ แต่เคลมยากเหนื่อยที่สุดในชีวิตเลยครับ
เนื้อหาในโพสต์เราจะเล่าแบบย่อที่สุด สรุปเรื่องราวให้สั้นที่สุดเท่าที่จะย่อได้ โดยยังคง Concept คือ เนื้อความครบถ้วนครับ บทความค่อนข้างยาว ถ้าขี้เกียจอ่านแนะนำว่า Copy&Paste ให้ Google Translate อ่านให้ฟังครับ
ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรก วันที่ 24/4/67 เราใช้เครื่องอยู่ดีๆ อยู่ๆ หน้าจอก็เป็นเส้นสีขาว กระพริบวูบวาบคล้ายฟ้าผ่า (ดังคลิป) แล้วก็ขาวค้างไปเลย สักพักเครื่องไม่ตอบสนอง ตอนนั้นมีแบต 38% ซึ่งตอนแรกก็คิดว่าน่าจะแค่หน้าจอเสีย อาการยอดฮิต แต่พอทดลองต่างๆ เริ่มรู้สึกเอ๊ะ เหมือนน่าจะเรื่องบอร์ดด้วยนะ
ได้มีการทดลอง
- Hard Reset / Force Restart ไม่ตอบสนอง (No Responsive)
- ทดลองเปิด/ปิด Silent Button ไม่สามารถรับรู้ถึงการสั่นได้เลย (No Vibration)
- ทดลองเสียบเข้ากับ Mac เพื่อจะ Restore ขึ้น Error Code 56 (บนเว็บ Apple บอก Hardware Issue)
- โทรเข้า ไม่สามารถติดต่อได้
- หาใน Find my ขึ้นอุปกรณ์ Offline
- เสียบชาร์จ ไม่ได้ยินเสียงไฟเข้า ทดลองใช้ ICC Tool วัดไฟ กระแสขึ้นแค่ 0.2 - 0.3 A กระแสอ่อนมาก
ซึ่งก็น่าจะพอยืนยันได้ว่า นอกจากจอเสีย อาจจะมีเรื่องบอร์ดด้วย
วิดิโออาการเสีย รวบรวมเอาไว้ใน Link นี้นะครับ
https://drive.google.com/drive/folders/1-3YLNSBhu5f-6nVWhwO1pX3uct16tzkR
ซึ่งเราพบเจออาการเสียเหล่านี้วนลูป เดี๋ยวเป็น เดี๋ยวหาย อาการเสียมาซักพักนึงแล้วก็กลับมาเป็นปกติ แล้วก็กลับมาหลอกหลอนใหม่
ใจจริงๆ เราอยากไป iCare มากกว่า แต่พอดีเรามีของที่สั่งไว้ต้องเข้าไปรับที่เซ็นทรัลเวิลด์ เลยแวะเข้าไปที่ Apple Store เลย
เราเลยตัดสินใจว่า คงต้องเข้าไปเคลมที่ Apple Central World แล้วเราเลยเข้าไปวันที่ 27/4/67
ซึ่งในระหว่างสี่วันนั้น เราเจอกันวน loop ทุกวันเลย ส่งผลต่อการใช้งานมาก
และมีจุดสังเกตนึงคือ อาการ No Responsive ต่างๆ จะมาแค่เฉพาะตอนหน้าจอดำเท่านั้น แต่เมื่อเครื่องเปิดติด ถึงแม้หน้าจอจะเขียวหรือขาว ตัวเครื่องยังคงทำงานปกติ สามารถแชร์หน้าจอได้ แค่จอของเครื่องเป็นสีเฉยๆ
เหตุการณ์ช่วงวันที่ 27/4/67 - 20/5/67 ผม Spoil ซ่อนข้อความเอาไว้นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ Apple Central World วันที่ 21/5/67 ที่เราเกริ่นก่อนหน้านั้นว่า เราโดนไล่ให้ไปขายทิ้งแล้วซื้อใหม่ และเหตุการณ์หลังจากนั้น เนื่องจากตัวอักษรเกิน Limit เราจะเอาไปเล่าต่อใน Comment นะครับ