เทคนิคในการถ่ายขนมด้วยแสงธรรมชาติเหล่านี้เกิดขึ้นโดยทั่วไปในชีวิตประจำวัน

ดังนั้นจะมาแบ่งปันเคล็ดไม่ลับอย่างง่ายๆสำหรับมือใหม่ให้ลองไปปัฏิบัติกันครับ

หมายเหตุ ภาพเหล่านี้ไม่มีการจัดแสงใดๆทั้งสิ้น

1. รูปทรงของขนมและภาชนะมีผลต่อมุมที่ใช้ถ่ายรูปโดยตรง >
- เค้กทรงสามเหลี่ยม, ขนมตัดชิ้น หรือขนมชิ้นกลม ล้วนมีผลต่อมุมที่เราบันทึกครับ การถ่ายภาพคือการเล่าเรื่องแบบหนึ่ง ดังนั้นเราอยากจะบอกเล่าอะไรที่เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในภาพ มุมที่ใช้บันทึกจึงมีผลโดยตรง และมุมของแต่ละรูปทรงก็มีอยู่ไม่มีกี่มุมที่ถ่ายได้ เช่น ทาร์ตที่ไม่มีการตกแต่งหน้าจะไม่มีมิติของความสูง เป็นต้น
.
2. แสงเฉียงจากด้านหลังแบบ 45 องศา คือแสงที่ทำให้เกิดความแวววาวของวัตถุมันวาวที่สุด >
- กล้องมีขีดจำกัดในการสู้กับแสงครับ มองไม่เห็นเหมือนที่ตาเราเห็นด้วยนะ ไม่เชื่อก็ลองเอากล้องหันเข้าหาแหล่งกำเนิดแสงโดยตรงคุณจะรู้สึกว่ากล้องทำตัวเหมือนคนกำลังหน้ามืด ดังนั้นการเลี่ยงแบบมองเยื้องจะลดผลความรุนแรงตรงนี้ได้ครับ
.
3. ทางยาวโฟกัสที่ใช้ถ่ายขนม จะอยู่ที่ 65 มมขึ้นไป บนกล้องเซ็นเซอร์ฟูลเฟรม และเป็นระยะเทเลของกล้องสมาร์ทโฟน >
- เหตุผลก็เพราะทางยาวโฟกัสในช่วงดังกล่าวทำให้เกิดการเบี้ยวที่มุมภาพน้อยที่สุด ในระยะที่มันไม่ได้ใช้ยากจนเกินไปครับ

.
4. แสงข้างหน้าต่างเป็นแสงที่นุ่มที่สุด >
- แสงเมื่อวิ่งผ่านตัวกลางอย่างหน้าต่างที่ทำให้เกิดการกระจายตัวมากขึ้น ความสว่างที่ได้จะนุ่มนวลและสว่างไสวกว่าการเจอกับดวงอาทิตย์ผ่านอากาศเพียงอย่างเดียว
.
5. หลีกเลี่ยงการถ่ายภาพคู่กับพื้นหลังที่สะท้อนสีออกมา >
- หากพื้นหลังไม่ดูดกลืน แสงเมื่อกระทบกับพื้นหลังมักทำให้สีติดออกมาด้วย เช่น พื้นหลังสีเหลืองแล้วแสงวิ่งผ่านจนทำให้ขนมเหลือง วิธีแก้ให้ถอยห่างออกมาอีกนิดครับ หรือเป็นพื้นหลังที่ดูดกลืนแสงดี ๆ ก็ได้

.
6. ทางยาวโฟกัสผิดประเภทก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียว >
- ทางยาวโฟกัสสั้นช่วยให้ถ่ายภาพขนมชิ้นใหญ่ได้ง่ายโดยไม่ต้องถอยหลังมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับความเบี้ยวที่มากขึ้น มีเทคนิคลดความเบี้ยวอยู่บ้างซึ่งก็เป็นข้อจำกัดของเลนส์นั้นๆที่ไม่สามารถถ่ายได้ในบางมุม เช่น เลนส์มุมกว้าง องศาที่ถ่ายได้ก็แทบจะตั้งฉากกับขนมเลยครับ
.

7. ใช้หลักความเรียบง่าย
- ใช้สีไม่กี่สี องค์ประกอบไม่กี่ชิ้น จะช่วยให้คนรับชมภาพเข้าใจสิ่งที่ผู้บันทึกโฟกัสมากขึ้นโดยปราศจากการรบกวนขององค์ประกอบอื่นที่มากเกินความจำเป็น
.
8. การอยู่ในสถานการณ์ที่ง่ายมักไม่ค่อยสอนอะไรเรามากนัก
- คนส่วนมากชอบถ่ายภาพในแสงเพียงพอ เช่น จัดแสงจนสว่างมากพอแล้วกดถ่ายรูปได้เลย ซึ่งมันก็ดีตรงที่ถ้าต้องการความสดใสสม่ำเสมอ แต่ในชีวิตจริงกับแสงธรรมชาติมักเลือกอะไรไม่ค่อยได้ 10 ปีที่ออกถ่ายภาพมาเจอแสงแย่มากกว่าแสงดี ในที่มืดก็ให้อารมณ์อีกแบบ สว่างก็อีกแบบ เรียนรู้วิธีการควบคุมข้อจำกัดเหล่านั้น เช่นวัดแสงให้เป็น เรียนการแก้ไขภาพถ่าย หรือปรับตัวอยู่เสมอเราอาจจะได้พบความรู้และเคล็ดลับดี ๆ ที่เป็นของตัวเองครับ
ความรู้จากหนังสือและครูสอนก็เป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ไม่ใช่ 100% ที่จะเหมาะสมกับผู้เรียนทุกคน ผมอยากให้คุณหนักแน่นในแนวทางของตัวเอง ให้มากเพียงพอถึงแม้มันจะดูแปลกหรือผิดไปแต่ก็อยากให้ลองมีความมั่นใจลองผิดลองถูก เรียนไปด้วยลองไปด้วยจะก้าวหน้าได้ไวครับ