สวัสดีค่ะ เราอายุ 22 เป็นนักศึกษา รู้สึกเครียดกับชีวิตมากค่ะ ชีวิตมันวนลูป ไม่รู้ว่าควรจัดการกับชีวิตยังไงดี ตั้งแต่เราจำความได้ ช่วงนั้นพ่อแม่เราทำงานโรงงาน เราก็อายุยังน้อยมากๆ แต่เเล้วมาถึงจุดนึงพ่อกับแม่ออกจากงานโรงงาน มาทำอาชีพค้าขาย แล้วก็มีน้องชายอีก 1 คน ห่างกับเรา 8 ปี(น้องแท้ๆนะคะ) เราก็ช่วยพ่อแม่ขายของตั้งแต่นั้นมา ตอนเด็กเรายังคิดไม่เป็น ก็ช่วยพ่อแม่ไปตามประสาเด็ก ขายไปเรื่อยๆ เราก็เริ่มพัฒนา ขายเก่งขึ้น จนได้มาทำแทนแม่ แต่แม่ก็ยังคอยช่วยอยู่ ขายของช่วงเช้า 6 โมง กลับบ้านบ่าย 3 วนอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเราจบม.6 พอเราเริ่มโตขึ้นเราก็เริ่มคิดว่า เราจะต้องช่วยขายของพ่อกับแม่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ คือวันจันทร์-ศุกร์ ก็ไปเรียนตามปกติ วันหยุดราชกาล เสาร์ อาทิตย์ก็ไปขาย เราไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆเลย ช่วงมัธยม เราแอบน้อยใจหลายครั้งมาก ทำไมไม่ได้นอนอยู่บ้านเฉยๆเหมือนคนอื่น ทำไมช่วงเทศกาลเราถึงไม่ไปเที่ยวเหมือนครอบครัวอื่นๆ เราไม่ค่อยมีเพื่อน และไม่มีสังคมเลย อยู่แต่กับพ่อแม่น้อง อยู่บ้านไปร้านอยู่บ้านไปร้าน วนอยู่แบบนี้ เราเบื่อ แต่เราพยายามคิดบวกมาตลอด ว่าอย่างน้อยเราก็ได้ช่วยแบ่งเบาภาระ เมื่อก่อนเราใจร้อน พูดกับลูกค้าไม่เป็น มีความอดทนในการขายของต่ำมาก คงเป็นเพราะอายุยังน้อย และอากาศเมืองไทยที่แสนจะร้อน ลูกค้าที่ค่อนข้างจะเยอะ ก็หัวเสียตามประสาเด็กไป จนเราได้ไปเรียนมหาลัย ตอนเราขึ้นปี 1 เราได้เรียนออนไลน์ทั้งปี ช่วงโควิด ช่วงนั้นเราอยากเรียนให้เต็มที่ ก็อาจจะมีบ้างที่โกหกแม่ว่าวันนี้เรามีเรียน เราไม่ไปขายของนะ แม่ก็ให้เราหยุดอยู่บ้าน จริงแล้วเรียนไม่ถึงชั่วโมงหรอก แต่เราเรียนเสร็จเราไม่ได้นั่งๆนอนๆอยู่เฉย เราก็หาทำงานบ้านไป เพราะเราเป็นคนชอบทำความสะอาด อยากให้แม่กลับมาบ้านแล้วภูมิใจ ไม่เหนื่อยไปมากกว่าเดิม และแล้วเราขึ้นปี 2 เราได้ย้ายไปอยู่หอ คิดในหัวไว้แล้วว่า ต้องสบายแน่ๆ เพราะวันนึงเรียนแค่ 1-2 วิชา ก็ได้กลับมาพักแล้ว เราเลือกเรียนที่ไกลๆ เพราะไม่อยากขายของ เราเบื่อการขายของมากๆ ไปอยู่ได้อาทิตย์เดียว เราคิดถึงบ้านมาก ไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้จะไปเที่ยวหาใคร ช่วงนั้นวันหยุดยาว 3 วัน เราจากคนที่ไม่เคยนั่งวิน นั่งรถโดยสารเลย ตัดสินใจนั่งรถลับบ้าน 400 กว่าโล แบบไม่ลังเลอะไรเลย ออกจากหอแต่เช้าไปถึงบ้านช่วงพลบค่ำ เรารู้สึกดีใจมาก ไม่คิดว่าตัวเองจะเดินทางด้วยตัวเองได้ นับถือใจตัวเองที่อดทนนั่งรถทั้งวัน เพื่อกลับบ้านเพราะคิดถึงพ่อแม่น้องจริงๆ ถึงบ้านเราเข้าไปกอดแม่ แม่ตกใจ เพราะเราไม่ได้บอก อยากไปเซอไพรส์ แม่แทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะเรานั่งรถพวกนี้ไม่เป็น และไม่เคยนั่งมาก่อนเลย ช่วงแรกก็ขยันกลับบ้านมาก พอเราขึ้นปี 3 ก็กลับแค่ช่วงปิดเทอม หรือหยุดยาวจริงๆ เพราะขากลับแม่เราไปส่งเองตลอด กลัวได้คิวรถช้า ถึงหอดึก เรากลับมาบ้านก็ต้องมาขายของเหมือนเดิม ซ้ำๆซากๆ แรกๆมันก็ฮึด แต่หลังๆมันเหนื่อย มันเบื่อ เรารู้สึกว่าเราไม่อยากทำ วันไหนอารมณ์ดี เราก็ตั้งใจขายทั้งวัน แต่เราจะทะเลาะกับแม่บ่อยเรื่องขายของ ผิดใจกันตลอด ตอนเราอยู่มัธยมเราไม่กล้าเถียงแม่ เราเงียบ แต่ชอบประชดประชัน ไม่พอใจก็ชักสีหน้าตลอด ตอนนี้เรากำลังจะขึ้นปี 4 เรารู้สึกว่าตัวเองแย่กว่าเมื่อก่อนมาก เหมือนมันรู้แล้วว่าอะไรยังไง เราเลยไม่อยากทำ ขาดเหลืออะไรเราเรียกใช้แต่น้อง แม่ก็ต่อว่าอยู่บ่อยครั้งว่าเราชั่งใช้ แต่น้องถ้าไม่ใช้ก็ไม่ทำอะไรเลย หน้าที่ตัวเองก็ทำได้แปปๆ บอกอะไรก็บอกยาก ส่วนแม่ก็เหมือนไม่กล้าจะใช้น้องเท่าไหร่ พ่อเราเป็นคนไม่ค่อยพูด เมื่อก่อนเราก็ไม่ค่อยพูด แต่พอไปอยู่มหาลัย พบเจอเพื่อน ได้อยู่กับเพื่อน ก็เริ่มพูดมากขึ้นมา ช่วงแรกที่สนิทกับเพื่อนใหม่ๆ ตอนนั้นอยู่ปี 2 เราติดเพื่อนมาก ไปนอนอยู่หอเพื่อนเป็นอาทิตย์ รู้สึกว่าตัวเองเหงามาก อยากเที่ยว อยากเม้ามอยตลอด(ช่วงนั้นเราไม่มีแฟนนะคะ) คงเป็นเพราะเราไม่เคยมีโมเม้นแบบนี้ รู้สึกว่ามันสบายใจมากๆ รับผิดชอบแค่เรื่องเรียน วันหยุดก็ทำความสะอาดห้อง ว่างๆก็นัดเพื่อนไปเที่ยว รู้สึกว่าชีวิตมันดีมากๆ แต่พอปิดเทอมเราก็กลับมาขายของเหมือนเดิม มันน่าเบื่อตรงนี้ เพื่อนบางคนเราถามว่าปิดเทอมกลับบ้านไปทำอะไร เขาบอกไปนอนอยู่บ้านเฉยๆ เราแอบอิจฉาในใจเล็กน้อย ทำไมชีวิตเราไม่เป็นแบบนั้นบ้าง ทำไมเราต้องทนตากแดดตามลมขายของเป็นประจำทุกวัน แม่จะหยุดทุกวันพุธ หยุดแล้วยังไง หยุดแล้วก็อยู่บ้านเหมือนเดิม เรามีแฟนนะคะ คบกันมาได้ปีกว่าแล้ว ช่วงแรกๆมันโอเคทุกอย่าง ได้ไปเที่ยวด้วยกันทุกอาทิตย์ ไปแบบไม่ต้องกังวล แต่ช่วงหลังๆมาแม่ชอบตำหนิ ชอบพูดแซะ คือคำพูดของแม่เรามีอิทธิพลต่อใจเรามาก เขาพูดอะไรขึ้นมานิดหน่อย ก็ทำให้เรารู้สึกไม่ดีแล้ว อย่างเช่น เราเคยเสนอไปว่า เรายะหางานพาตไทม์ทำช่วงปิดเทอม เขาก็จะพูดว่า "ก็ไปทำสิ ถ้าทนเขากดขี่ข่มเหงได้" แนวๆนี้ เราเลยกลัวที่จะออกไปเจอโลกภายนอก เพราะมันต้องอยู่ในขอบเขต เราขายของกับแม่มันชิลว่างเมื่อไหร่ก็นั่งพัก อยากกินตอนไหนก็กินถ้าลูกค้าไม่เข้า ถ้าลูกค้าเข้าคือจบ เซ็ง กินต่อไม่อร่อยแล้ว และต้องทนความเรื่องมากของลูกค้า และอีกเรื่องที่เราโคตรจะเบื่อ คือการเกี่ยงกัน ไม่รู้จะเกี่ยงกันไปทำไม คือมันวนอยู่แบบนี้ เราไม่รู้เลยว่าถ้าเราเรียนจบ มีการมีงานทำ แล้วช่วงวันหยุด เราก็ต้องมาขายของช่วงแม่แบบเดิม แบบนี้หรอ คือในใจมันอึดอัดมากๆบางที มันท้อ มันอยากไปที่ใหม่ๆ อยากพบเจอผู้คนใหม่ๆ เราไม่อยากอยู่กับอะไรเดิมๆ บางคนเห็นเราขยันช่วยพ่อช่วยแม่ก็จะอวยว่า เรียนจบแล้วก็เปิดสาขาเองเลย จะได้ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องเขา คือถ้าคุณไม่ได้มายืนจุดเดียวกับเราคุณไม่รู้หรอกว่าเราเบื่อแค่ไหน เราแค่อยากทำอะไรใหม่ๆ เราทำแค่นี้เราก็รู้อยู่แค่นี้ แล้วอีกอย่างเหมือนแม่เราก็คงจะไม่ปล่อยเราง่ายๆ แม่พูดเสมอว่าเรียนจบแล้วจะไปไหนก็ไป แต่พูดในเชิงประชด เหมือนอยากให้เราอยู่ช่วยแกแบบนี้ไปตลอด ซึ่งเราคิดว่าในอนาคตเราทำไม่ได้หรอก เราก็อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้าง อยากทำอะไรแล้วไม่ต้องรู้สึกผิดกับใจใคร ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม่เราเหมือนจะเข้าใจแต่ไม่เข้าใจอยู่ดี เรากลัวว่าชีวิตเรามันวนอยู่แบบนี้ไม่จบไม่สิ้น เราเบื่อ เราอยากพอ แต่เราพูดไม่ได้ อึดอัด ท้อมากค่ะ
ควรจัดการกับชีวิตวนลูปยังไงดี