JJNY : โพลนิด้าชี้เกินครึ่งพอใจผลงานผู้ว่าฯ ชัชชาติ│เบื้องลึกนายใหญ่โดน 112│ชี้ไร้สัญญาณศก.ฟื้น│เกาหลีเหนือป่วนอีก!

โพลนิด้าชี้ปชช.เกินครึ่งพอใจผลงาน 2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ และ 40.75% ระบุจะยังเลือกชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ.
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4606907
 
 
โพลนิด้าชี้ปชช.เกินครึ่งพอใจผลงาน 2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ และ 40.75% ระบุจะยังเลือกชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ
 
เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “2 ปี ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 16-27 พฤษภาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลักของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
 
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
 
1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวใน กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.05 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 20.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.20 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
2. การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ ตัวอย่าง ร้อยละ 45.75 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.60 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.30 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
3. การปรับปรุงและจัดระเบียบทางเท้า เช่น หาบเร่แผงลอย การจอดยานพาหนะหรือตั้งร้านบนทางเท้า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.60 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 21.30 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 19.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
4. การสนับสนุนการกีฬา ตัวอย่าง ร้อยละ 41.80 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.45 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 9.50 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 8.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย
 
5. การแก้ไขปัญหาความสะอาด ขยะ ฝุ่นละออง น้ำเสีย ตัวอย่าง ร้อยละ 44.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 25.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.15 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.25 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
6. การปรับปรุงทัศนียภาพ ถนน ตรอก ซอย ตัวอย่าง ร้อยละ 46.90 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 23.60 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.85 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 1.20 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
7. การปรับปรุงการให้บริการในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 43.15 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 22.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.05 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
8. การป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เช่น การติดไฟส่องสว่าง กล้องวงจรปิด ระบบรักษาความปลอดภัย ตัวอย่าง ร้อยละ 43.35 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.15 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.10 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 2.25 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
9. การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ตัวอย่าง ร้อยละ 37.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.05 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 4.00 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
10. การจัดระเบียบการชุมนุม ตัวอย่าง ร้อยละ 41.50 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 24.90 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.70 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 10.15 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 9.75 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
11. การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า เรือ ตัวอย่าง ร้อยละ 41.10 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 29.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 13.35 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 8.80 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 7.40 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
12. การแก้ไขปัญหาสุขภาพ/สาธารณสุข ตัวอย่าง ร้อยละ 41.25 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.65 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.65 ระบุว่า ดีมาก ร้อยละ 11.00 ระบุว่า ไม่ดีเลย และร้อยละ 6.45 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
13. การพัฒนาการศึกษา แก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน ตัวอย่าง ร้อยละ 36.00 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 28.10 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 12.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 11.80 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 11.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
14. การแก้ไขปัญหาทุจริต คอร์รัปชัน ในหน่วยงานของ กทม. ตัวอย่าง ร้อยละ 30.95 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 27.35 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 18.35 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 12.85 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 10.50 ระบุว่า ดีมาก
 
15. การจัดระเบียบคนเร่ร่อน คนจรจัด ขอทาน ตัวอย่าง ร้อยละ 35.70 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 33.25 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 15.40 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 10.35 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 5.30 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
16. การแก้ไขปัญหาจราจรและรถติด ตัวอย่าง ร้อยละ 37.30 ระบุว่า ค่อนข้างดี รองลงมา ร้อยละ 34.40 ระบุว่า ไม่ค่อยดี ร้อยละ 17.60 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 9.00 ระบุว่า ดีมาก และร้อยละ 1.70 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล
 
17. การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ/ปากท้อง ตัวอย่าง ร้อยละ 38.70 ระบุว่า ไม่ค่อยดี รองลงมา ร้อยละ 24.70 ระบุว่า ไม่ดีเลย ร้อยละ 24.55 ระบุว่า ค่อนข้างดี ร้อยละ 7.15 ระบุว่า ไม่มีข้อมูล และร้อยละ 4.90 ระบุว่า ดีมาก
 
ด้านความพึงพอใจของคนกรุงเทพมหานครต่อการทำงานในรอบ 2 ปี ของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.25 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ รองลงมา ร้อยละ 20.35 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 18.45 ระบุว่า พอใจมาก ร้อยละ 10.60 ระบุว่า
ไม่พอใจเลย และร้อยละ 0.35 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
 
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงการเลือก ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 40.75 ระบุว่า เลือก รองลงมา ร้อยละ 34.50 ระบุว่า ไม่แน่ใจ ร้อยละ 21.35 ระบุว่า ไม่เลือก และร้อยละ 0.40 ระบุว่า ไม่ตอบ


  
เบื้องลึกนายใหญ่โดน 112 โทษฐานเหาะเกินลงกา จับตา 18 มิ.ย. อะไรที่ว่าแน่ก็ไม่แน่
https://www.matichon.co.th/clips/news_4606068

The Politics ข่าวบ้าน การเมือง X ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ วิเคราะห์กรณีอัยการสูงสุดสั่งฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คดี 112 เชื่อทักษิณไม่คิดว่าจะโดนเล่นงาน กลับไทยเพราะดีล อย่าเหาะเหินเกินลงกา เกินดีล เกินภารกิจมากไป

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
บิ๊กอสังหาชี้ไร้สัญญาณศก.ฟื้น หนุนคลัง ล้างประวัติหนี้เสียติดเครดิตบูโร ปลุกชีพ LTF
https://www.matichon.co.th/economy/news_4606671

บิ๊กอสังหาชี้ไร้สัญญาณศก.ฟื้น หนุนคลัง ล้างประวัติหนี้เสียติดเครดิตบูโร ปลุกชีพ LTF

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน นายอิสระ บุญยัง ประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และนายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2567 สถานการณ์ยังไม่ดีจริงๆ รัฐบาลก็พยายามบูสต์แต่ก็ช้า รวมถึงมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่รัฐบาลคาดหวังจะกระตุ้นเศรษฐกิจอีกแรง ยังไม่ส่งผลมากนัก ด้วยภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ธนาคารยังเข้มงวดการปล่อยกู้ ไม่ใช่เฉพาะภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ยังรวมถึงธุรกิจทั่วไปด้วย เนื่องจากกลัวเกิดหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลเพิ่ม ดังนั้นในช่วงเวลาที่เหลือถึงปลายปีนี้ จึงพึ่งการลงทุนจากงบประมาณภาครัฐและการท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโต

เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ขยายเวลาวีซ่าฟรีให้กับ 93 ประเทศ ให้สามารถพำนักในประเทศไทยได้ยาวถึง 60 วัน เพราะเป็นมาตรการที่ได้ได้เร็ว สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศ เมื่อหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขต่างๆผ่อนคลาย จะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น” นายอิสระกล่าว

นายอิสระกล่าวว่า นอกจากนี้ยังเห็นด้วยกับแนวคิดของนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จะแก้เกณฑ์ลดระยะเวลาการเก็บประวัติการชำระหนี้ที่เครติดบูโรกำหนดไว้ 3 ปี เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีการผ่อนชำระและเป็นหนี้ดีแล้ว สามารถไปยื่นขอกู้สินเชื่อก้อนใหม่เพื่อมาดำเนินการธุรกิจต่อได้ หรือไปขอกู้ซื้อทรัพย์สินอื่นๆได้ เช่น ที่อยู่อาศัย เป็นต้น

นายอิสระกล่าวว่า โดยมองว่าควรลดเวลาจาก 3 ปี เหลือ 1 ปี และอาจจะทดลองเป็นการชั่วคราวดู ซึ่งสามารถดำเนินการได้ในทันที เนื่องจากเป็นการหลักเกณฑ์เพิ่มเติม แต่ถ้าหากออกมาแล้วไม่ส่งผลดี เกิดหนี้เสียเพิ่มขึ้น ก็สามารถกลับไปใช้เกณฑ์เดิมได้ ถ้ารัฐผลักดันมาตรการนี้ออกมาได้ จะส่งผลดีต่อทุกประเภทธุรกิจทั้งเอสเอ็มอี อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และยังเห็นด้วยที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะฟื้นนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือLTF สำหรับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีกลับมาใช้อีกครั้ง เพราะจะจูงใจให้คนนำเงินออกมาใช้ในระบบเศรษฐกิจ และเข้ามาตลาดทุนมากขึ้น

นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เห็นด้วยกับกรณีที่นายพิชัย มีแนวคิดจะลดระยะเวลาการเก็บประวัติเครดิตบูโรลง เนื่องจากจะช่วยคนที่มีภาระการเงินล้มละลายติดเครดิตอยู่ และเคยเป็นหนี้เสียมาก่อน แต่เมื่อสามารถชำระหนี้ไปได้จนกลายเป็นหนี้ดี จะทำให้สามารถไปขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินได้และเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่าย ซึ่งมาตรการนี้หากออกมาได้ จะส่งผลดีต่อทุกคน ไม่ใช่เฉพาะอสังหาริมทรัพย์ ยังรวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีและรถยนต์ด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่