พนักงานขายมีหลายคน ปรับเปลี่ยนวนเวียนกันไปแต่ละสาขา แต่หลักๆเป็นเราที่ประจำอยู่สาขา วันที่เกิดเรื่องพนักงานอีกคนนำของมาขายแต่ปรากฎว่ามีแต่กล่องเปล่า ไม่มีสินค้า พนักงานคนนั้นพบว่าเป็นแบบนี้อยู่ประมาณ5กล่อง และช่วงนั้นมีการนับสต๊อกเกิดขึ้น การนับสต๊อกบริษัทไม่ได้ปิด มีการนำสินค้ามาขายตลอดระหว่างการนับ และเวลานำมาขายก็อาจจะแจ้งคนนับว่าหยิบสินค้านี้มานะให้ตัดออก หรืออาจจะเขียนตัดเอง พอมีเรื่องสินค้าหายมีแต่กล่องเปล่าก็เลยนับสต๊อกใหม่ แล้วต่อมานายจ้างได้เรียกเราเข้าไปคุย นางจ้างแจ้งว่าพฤติกรรมเราส่อว่าเป็นคนทำ นายจ้างบอกว่ามีของหายมูลค่าประมาณ200,000กว่าบาท และมีลายมือที่เราเขียนตัดรายการออกและเช็คใหม่พบว่าของหายระหว่างการตรวจเช็ค90,000กว่าบาท บริษัทตรวจเจอว่าเรามีความผิดตรงที่เราขายของให้ลูกค้าแต่บางทีไม่ได้เก็บเงินลูกค้าเลย(คือให้สินค้าลูกค้าไปก่อนแล้วค่อยโอนจ่ายตามมาแล้วถึงเปิดบิลขาย)ในส่วนนี้เราโดนพักงาน15วัน แต่ในส่วนที่ของหายเราไม่ได้เป็นคนขโมยไปหรือนำไปขายแล้วเอาเงินเข้าตัวเอง แต่นายจ้างมองว่าอาจจะเป็นเราที่ทำ เราขอให้นายจ้างเปิดกล้องแต่นายจ้างบอกว่ากล้องใช้ไม่ได้และต่อให้มีกล้องคนจะขโมยยังไงก็ขโมย เราให้นายจ้างตรวจบัญชีเรา นายจ้างบอกว่าตรวจไปก็ไม่มีอะไรเพราะเรารับเป็นเงินสดแทน คือเราก็พยายามแสดงตัวให้ตรวจสอบว่าเราไม่ได้เอาไป แต่นายจ้างไม่ฟังอะไรเราเลย แล้วก็จะมาให้เรายอมรับว่าเอาไปจะได้เคลียร์จบตรงนี้ แต่เราไม่ได้เอาไปเราเลยปฎิเสธที่จะให้เรารับผิดชอบ คือเราอยากรู้ว่าการที่มือลายมือเราตัดรายการอะไหล่หรือว่าของหายตอนนับสต๊อกมันคือหลักฐานหรอว่าเป็นเราที่เอาไป และเราอยากรู้ว่าเราควรจะทำยังไงต่อดีเพราะเราพยายามหาหลักฐานให้ตัวเองแล้วว่าไม่ได้เป็นคนเอาไปแต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันได้
เราถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าขโมยสินค้าในบริษัทไปขาย เราควรทำยังไงดี