Nissan ถือเป็นแบรนด์ที่กำลังพัฒนาเข้าสู่วงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ซึ่งล่าสุดได้มีการเริ่มใช้การผลิตแบบ Gigacasting ซึ่ง Tesla เป็นผู้บุกเบิก โดยนิสสันหวังว่าจะลดต้นทุนรถ EV ให้ถูกลงและเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น
.
ปัจจุบันราคารถยนต์ไฟฟ้าที่สูง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการซื้อของผู้ใช้ อย่างไรก็ตามการผลิตแบบ Gigacasting ช่วยให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จากโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่สามารถปรับปรุงการผลิตได้และยังช่วยลดจำนวนส่วนประกอบที่ไม่จำเป็น
.
ภายในปี 2570 หรืออีก 3 ปี Nissan วางแผนที่จะเปิดตัว EV ที่สร้างโดยใช้ Gigacasting ซึ่งกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการหล่อชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของโครงสร้างของยานพาหนะเป็นชิ้นเดียว แทนที่จะประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ หลายชิ้น
.
โดยวิธีการผลิตแบบ Gigacasting จะช่วยทำให้การผลิตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบาขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนในที่สุด
.
บริษัทคาดการณ์ว่าต้นทุนชิ้นส่วน EV จะลดลง 10% และน้ำหนักตัวรถจะลดลง 20% ยิ่งไปกว่านั้น นิสสันยังคาดการณ์ว่าต้นทุนโดยรวมจะลดลง 30% ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนารถยนต์ในอนาคต 5 รุ่นได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
.
Tesla ถือเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตแบบ Gigacasting และประสบความสำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใช้ผลิต Tesla Model Y และ Tesla Cybertruck
.
ซึ่ง Nissan กำลังจะเริ่มใช้ Gigapresses เพื่อสร้างช่วงล่างของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต แม้ว่าเครื่องพิมพ์ขนาด 6,000 ตันของ Nissan จะเล็กกว่าเครื่องพิมพ์ขนาด 9,000 ตันของ Tesla แต่ก็ยังใหญ่กว่าของ Toyota ที่มีขนาดเพียง 4,000 ตัน
.
อย่างไรก็ตามการใช้การผลิตแบบ Gigacasting ต้องมีการลงทุนล่วงหน้าจำนวนมากในเครื่องจักรขนาดใหญ่และซับซ้อน นิสสันจึงเลือกใช้วิธีการยึดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น หมุดเจาะตัวเองและเทคโนโลยีสกรูเจาะ เข้ามาช่วยทำให้การผลิตง่ายขึ้น
.
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Toyota, Hyundai และ Ford ก็ล้วนนำเทคโนโลยี Gigacasting มาใช้ในการผลิตรถ EV
.
โดยเป้าหมายของ Nissan คือการบรรลุเป้าหมาย 40% ของยอดขายโดยรวมจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้ภายในปี 2574 ซึ่งรวมถึง Nissan Leaf รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2568 และยังมีรถซีดาน EV ใหม่ 2 รุ่นที่จะจัดแสดงที่งาน Beijing Auto Show
ที่มา : SpringNews
.
#SPRiNG #SPRiNGnews #Nissan #Tesla #Gigacasting #นิสสัน #รถEV #รถยนต์ไฟฟ้า
ค่ายญี่ปุ่น ตามรอย Tesla Nissan ใช้ “Gigacasting” ผลิตง่ายขึ้น ราคาถูกลงอีก
.
ปัจจุบันราคารถยนต์ไฟฟ้าที่สูง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการซื้อของผู้ใช้ อย่างไรก็ตามการผลิตแบบ Gigacasting ช่วยให้การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น จากโครงสร้างที่เรียบง่าย แต่สามารถปรับปรุงการผลิตได้และยังช่วยลดจำนวนส่วนประกอบที่ไม่จำเป็น
.
ภายในปี 2570 หรืออีก 3 ปี Nissan วางแผนที่จะเปิดตัว EV ที่สร้างโดยใช้ Gigacasting ซึ่งกระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการหล่อชิ้นส่วนขนาดใหญ่ของโครงสร้างของยานพาหนะเป็นชิ้นเดียว แทนที่จะประกอบชิ้นส่วนเล็กๆ หลายชิ้น
.
โดยวิธีการผลิตแบบ Gigacasting จะช่วยทำให้การผลิตง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบาขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สามารถลดต้นทุนในที่สุด
.
บริษัทคาดการณ์ว่าต้นทุนชิ้นส่วน EV จะลดลง 10% และน้ำหนักตัวรถจะลดลง 20% ยิ่งไปกว่านั้น นิสสันยังคาดการณ์ว่าต้นทุนโดยรวมจะลดลง 30% ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนารถยนต์ในอนาคต 5 รุ่นได้ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์
.
Tesla ถือเป็นผู้บุกเบิกด้านการผลิตแบบ Gigacasting และประสบความสำเร็จ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ใช้ผลิต Tesla Model Y และ Tesla Cybertruck
.
ซึ่ง Nissan กำลังจะเริ่มใช้ Gigapresses เพื่อสร้างช่วงล่างของรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต แม้ว่าเครื่องพิมพ์ขนาด 6,000 ตันของ Nissan จะเล็กกว่าเครื่องพิมพ์ขนาด 9,000 ตันของ Tesla แต่ก็ยังใหญ่กว่าของ Toyota ที่มีขนาดเพียง 4,000 ตัน
.
อย่างไรก็ตามการใช้การผลิตแบบ Gigacasting ต้องมีการลงทุนล่วงหน้าจำนวนมากในเครื่องจักรขนาดใหญ่และซับซ้อน นิสสันจึงเลือกใช้วิธีการยึดที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น หมุดเจาะตัวเองและเทคโนโลยีสกรูเจาะ เข้ามาช่วยทำให้การผลิตง่ายขึ้น
.
ปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Toyota, Hyundai และ Ford ก็ล้วนนำเทคโนโลยี Gigacasting มาใช้ในการผลิตรถ EV
.
โดยเป้าหมายของ Nissan คือการบรรลุเป้าหมาย 40% ของยอดขายโดยรวมจากรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าให้ได้ภายในปี 2574 ซึ่งรวมถึง Nissan Leaf รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2568 และยังมีรถซีดาน EV ใหม่ 2 รุ่นที่จะจัดแสดงที่งาน Beijing Auto Show
ที่มา : SpringNews
.
#SPRiNG #SPRiNGnews #Nissan #Tesla #Gigacasting #นิสสัน #รถEV #รถยนต์ไฟฟ้า