ผู้เขียนสาร...ผู้ถูกกล่าวถึงในสาร
ผู้เก็บงำสาร...กับงำเงื่อน...ของผู้ถูกรัก
ผู้เขียนบันทึก...ไม่ได้ส่งสารถึง...ผู้ถูกรัก
ผู้
อ่าน...ดันรู้ถึงรัก
___
ในวานวัน ตัวผมคงเปรียบความรักของตนดังดอกสักดอกหนึ่ง หรือไม่ก็ดอกสักทั้งพุ่ม
เป็นดอกสักที่อยู่บนยอดสักสูงมีสีขาวตัดกับใบที่ยังเขียว ส่ายไหวตามลมโดยมีผืนฟ้าครามเข้มเป็นฉากหลัง ถักทอฝันอันสวยงามกับใครสักคนอันเป็นที่รักของผม
และสำหรับผมแล้วหนึ่งในนั้นก็คงเป็น... ‘ทิพย์อัมพร พรรณี’
___
และเธอเอง... เพื่อนของผม ‘คาร่า คาราเกะ กระวาน’
ก็คงเปรียบความนัยรักของตนดั่งดอกสักในประดาที่ผมเคยเปรียบ ชูช่อสวย เบ่งบานบนยอดสูง
งดงามเงียบๆ ในความรักที่พึงมีต่อ ‘ปานพิชชา พงษ์พัฒนะ’ และ ‘นันท์ มาโน่’
___
ผมผู้แอบชอบทิพย์ เคยเขียนสารพรรณนาถึงเธอโดยส่งไปทางจดหมาย
ไร้ซึ่งการพบหน้าค่าตา มีแต่เพียงจ้องเพียงแวบ มองเพียงแวบ เพียงแค่นั้น
ยังบ้าบอที่จะเขียนอะไรบ้าๆ ดังเช่นว่า... “ผมพบภาพของน้องทิพย์ครั้งแรกบนจอคอมพิวเตอร์ของหอสมุด ชื่อนั้นหราอยู่ในใจ ผลักไสให้ผมเข้าหาและมองความน่ารัก ชื่อภาษาอังกฤษของทิพย์อัมพร พรรณี ทำให้ผมคิดถึงสิ่งสวยงามหลายอย่างในชีวิตของผม ดั่งทิพย์เป็นผู้ที่รังสรรค์มันมาฉะนั้น”
ถึงขั้นไปตั้งกระทู้ที่เว็บ Pantip ถามผู้คนที่ไม่รู้จักที่ไม่รู้ว่าจะมาตอบหรือไม่
ว่า... “ทำอย่างไรดี ถ้าเราชอบผู้หญิงคนหนึ่งแล้ววาดรูปให้เธอ”
“วาดๆ ไปเหอะ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสวาด” (อ้าว แช่งกันนี่หว่า)
“แล้วเคยเห็นหน้าเค้ารึเปล่าเล่า” (เคย แต่เรื่องวาดรูป ก็วาดตามภาพถ่ายใน Facebook ของเธอ)
“ผู้หญิงเขาจะแอบคิดว่าโรคจิตรึเปล่า” (คงคิดแหละ)
“เป็นเรา เราชอบนะ ถ้ามีใครสักคนมาวาดรูปเรา มันเหมือนว่ามีใครสักคนเห็นคุณค่า” (อุ้ย...เขิน)
“รีบๆ นะ ก่อนที่หมาจะคาบไปแดก” (คนนะเว้ย ไม่ใช่น่องไก่)
ไม่ใช่กรณีของหมาคาบไปรับประทานเสียด้วย เพราะเธอมีแฟนแล้ว ชื่อ ‘นีโอ โบโลน่า’
ผมเขียนจดหมายพร่ำพรรณนาถึงเธอในยามฝนโปรย ภาพที่ผมเริ่มวาดก็เพราะเธอ ดูตลกก็ยังคงวาดหน้าเธอ กล่าวกับเธอว่าสวยและน่ารักราวกับกบยิ้ม มันออกจะเป็นคำสาธยายที่แสนน่าเบื่อสามหน้าเต็มๆ แนบไปกับสมุดวาดเขียนปกดำ
ผมรู้ตัวมาตลอดว่าผมแอบชอบเธอฝ่ายเดียว
นึกถึงเธอที่โพสต์รูปไปรับประทานมันฝรั่งแท่งทอดกับนีโอแล้วก็ปวดใจ นอนหลับไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมานั่งสงบจิตสงบใจสวดมนต์
จากนั้น...ใจผมก็คลาย เรื่องราวทั้งหลายกลายเป็นวันวาน...ที่หลายวันเดือนผ่านเป็นความงดงามในวันเวลาของตัวมันเอง
ดอกสัก แห่งสักขีพยานรักของผมคงแก่และกลายเป็นเม็ดแห้งๆ ค้างคาต้นแล้ว
แล้วก็คงตกลงมาตามกระแสลมกระชาก มานอนหงายหงอยๆ บนวิถี ไม่มีใครใส่ใจ
แต่เพียงในใจ...ยังเคยมีวันวาน
___
แต่คาร่า ผู้ชอบ ปานกับนันท์ พร้อมๆ กัน
เธอไม่ได้เขียนจดหมายเหมือนผม แต่เธอเขียนบันทึกในหน้ากระดาษสมุดออกมาแผ่นหนึ่ง มันคือมวลความในใจทั้งหลายแหล่ของเธอ
บันทึกนั้นเริ่มต้นง่ายๆ ว่า...
คาร่า รักปานกับนันท์มานานแล้ว
ยามเมื่อได้พบกับปานครั้งแรก ปานช่างดูเท่ห์ วันที่ปานเป็นเด็กเข้าใหม่ ทำให้หัวใจของฉันพองโต
ส่วนนันท์ รอยยิ้มของนันท์น่ารัก ทำให้ใจของฉันปั่นป่วน อบอุ่นดั่งแสงตะวัน ป่วนปั่นดั่งคนท้องเสีย
... ฯลฯ
ผมรับรู้ถึงความเยาว์แห่งรักนั้น เมื่อกระดาษเจ้ากรรมพลันปลิวกับสายลมมาทางผม ความทรงจำในตอนนั้นช่างเล่นตลก ดอกสักไม่ได้แห้งเหี่ยว ไม่ได้ถูกปลิดลงจากต้นสักโดยลมกระชาก หากแต่เป็นลมละมุนที่ผลัดใบของป่าทั้งแถบบนภูเขาให้กลายเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม เป็นสายลมที่ทำให้กลุ่มดอกสักนั้นหมุนคว้าง ร่ายรำระเริงร่ากลางอากาศ ตกลงบนผืนหญ้าที่แสนนุ่มนวล
เพราะผมเอาบันทึกที่เธอไม่ต้องการให้ใครเห็นนั้นไปบอกต่อ น้ำตาเธอจึงรินไหล
และน้ำตาของเธอที่รินไหล ช่างแสนเร้นลับ
แม้ว่าผมเป็นเพื่อนของเธอ ผมก็มิอาจรู้ ผมรู้แต่เพียงว่าเธอแบ่งปันขนมให้ผมเสมอตลอดสองปีนั้น
___
ความรักที่ผมโมเมว่าเป็นรักในเวลาของพุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบกว่าๆ งดงามในวานนั้น
แทนที่โดยปัจจุบันและลบไป
หากแต่บันทึกลับของคาร่า รักเร้นเยาว์วัยในราวพุทธศักราชสองพันห้าร้อยสี่สิบกว่าต้นๆ ความงดงามกลับมิเลือน หากยังโลดแล่นแม้กระทั่งในความทรงจำที่ผลัดสีของผม
แม้บันทึกถูกอ่านโดยผมเองผู้
อ่าน...แต่ความลับของรักนั้น ยังแฝงอยู่ในเม็ดน้ำตาราวกับไข่มุกของเธอในวันนั้น
การรักใครสักคนในเรื่องราวของผม
การรักใครสักคนในเรื่องราวของคาร่า
อาจเหมือนกันในข้อที่ว่าดูผิดแผกธรรมเนียมไปบ้าง
แต่นั่นก็เป็นเงื่อนไขของความรัก ที่มิอาจมีเกณฑ์เงื่อนไขใดมาจับวัดได้เลย
ลมกาลเวลา ผันผ่านแล้ว...ผ่านเลย
นับแต่วันที่ผมกินขนมของคาร่าที่แบ่งปันให้ในวันนั้น เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปถึงพุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบกว่าๆ จวนจะเจ็ดสิบแล้ว แต่ในวานวันของวันวาน ผมก็ยังอุ่นใจที่ยังมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ในวันวานของวัยนั้น
วัยที่ความรักเป็นสิ่งที่เราโหยหา และมีมันอยู่ในตนโดยที่เราไม่รู้ตัว
___
ในสายลมเก่านั่น ต่อให้ผันผ่านไปนานเท่าไหร่
มันก็ไม่เปลี่ยนความทรงจำของผมไปเลย
มันบ้าขนาดที่ว่าทำให้ใบไม้บน ‘ภูกาหลง’ เปลี่ยนสี ในแบบที่มันไม่เคยมีมา
ต้นสักที่นั่นยังอยู่ ... ความทรงจำที่ฝังยังบางเสี้ยวรู้สึกในละแวก ‘โรงเรียนภาวี’ ยังคงอยู่
พอสายลมใหม่พัดพา หอบเอาลมฤดูไหนมา ดอกสักก็ยังคงหมุนคว้างกลางเวหา ดังที่เคยเป็น...
ดอกสักพลิ้วพรมในสายลมเก่า
ผู้เก็บงำสาร...กับงำเงื่อน...ของผู้ถูกรัก
ผู้เขียนบันทึก...ไม่ได้ส่งสารถึง...ผู้ถูกรัก
ผู้อ่าน...ดันรู้ถึงรัก
___
ในวานวัน ตัวผมคงเปรียบความรักของตนดังดอกสักดอกหนึ่ง หรือไม่ก็ดอกสักทั้งพุ่ม
เป็นดอกสักที่อยู่บนยอดสักสูงมีสีขาวตัดกับใบที่ยังเขียว ส่ายไหวตามลมโดยมีผืนฟ้าครามเข้มเป็นฉากหลัง ถักทอฝันอันสวยงามกับใครสักคนอันเป็นที่รักของผม
และสำหรับผมแล้วหนึ่งในนั้นก็คงเป็น... ‘ทิพย์อัมพร พรรณี’
___
และเธอเอง... เพื่อนของผม ‘คาร่า คาราเกะ กระวาน’
ก็คงเปรียบความนัยรักของตนดั่งดอกสักในประดาที่ผมเคยเปรียบ ชูช่อสวย เบ่งบานบนยอดสูง
งดงามเงียบๆ ในความรักที่พึงมีต่อ ‘ปานพิชชา พงษ์พัฒนะ’ และ ‘นันท์ มาโน่’
___
ผมผู้แอบชอบทิพย์ เคยเขียนสารพรรณนาถึงเธอโดยส่งไปทางจดหมาย
ไร้ซึ่งการพบหน้าค่าตา มีแต่เพียงจ้องเพียงแวบ มองเพียงแวบ เพียงแค่นั้น
ยังบ้าบอที่จะเขียนอะไรบ้าๆ ดังเช่นว่า... “ผมพบภาพของน้องทิพย์ครั้งแรกบนจอคอมพิวเตอร์ของหอสมุด ชื่อนั้นหราอยู่ในใจ ผลักไสให้ผมเข้าหาและมองความน่ารัก ชื่อภาษาอังกฤษของทิพย์อัมพร พรรณี ทำให้ผมคิดถึงสิ่งสวยงามหลายอย่างในชีวิตของผม ดั่งทิพย์เป็นผู้ที่รังสรรค์มันมาฉะนั้น”
ถึงขั้นไปตั้งกระทู้ที่เว็บ Pantip ถามผู้คนที่ไม่รู้จักที่ไม่รู้ว่าจะมาตอบหรือไม่
ว่า... “ทำอย่างไรดี ถ้าเราชอบผู้หญิงคนหนึ่งแล้ววาดรูปให้เธอ”
“วาดๆ ไปเหอะ เดี๋ยวจะไม่มีโอกาสวาด” (อ้าว แช่งกันนี่หว่า)
“แล้วเคยเห็นหน้าเค้ารึเปล่าเล่า” (เคย แต่เรื่องวาดรูป ก็วาดตามภาพถ่ายใน Facebook ของเธอ)
“ผู้หญิงเขาจะแอบคิดว่าโรคจิตรึเปล่า” (คงคิดแหละ)
“เป็นเรา เราชอบนะ ถ้ามีใครสักคนมาวาดรูปเรา มันเหมือนว่ามีใครสักคนเห็นคุณค่า” (อุ้ย...เขิน)
“รีบๆ นะ ก่อนที่หมาจะคาบไปแดก” (คนนะเว้ย ไม่ใช่น่องไก่)
ไม่ใช่กรณีของหมาคาบไปรับประทานเสียด้วย เพราะเธอมีแฟนแล้ว ชื่อ ‘นีโอ โบโลน่า’
ผมเขียนจดหมายพร่ำพรรณนาถึงเธอในยามฝนโปรย ภาพที่ผมเริ่มวาดก็เพราะเธอ ดูตลกก็ยังคงวาดหน้าเธอ กล่าวกับเธอว่าสวยและน่ารักราวกับกบยิ้ม มันออกจะเป็นคำสาธยายที่แสนน่าเบื่อสามหน้าเต็มๆ แนบไปกับสมุดวาดเขียนปกดำ
ผมรู้ตัวมาตลอดว่าผมแอบชอบเธอฝ่ายเดียว
นึกถึงเธอที่โพสต์รูปไปรับประทานมันฝรั่งแท่งทอดกับนีโอแล้วก็ปวดใจ นอนหลับไม่ได้จนต้องลุกขึ้นมานั่งสงบจิตสงบใจสวดมนต์
จากนั้น...ใจผมก็คลาย เรื่องราวทั้งหลายกลายเป็นวันวาน...ที่หลายวันเดือนผ่านเป็นความงดงามในวันเวลาของตัวมันเอง
ดอกสัก แห่งสักขีพยานรักของผมคงแก่และกลายเป็นเม็ดแห้งๆ ค้างคาต้นแล้ว
แล้วก็คงตกลงมาตามกระแสลมกระชาก มานอนหงายหงอยๆ บนวิถี ไม่มีใครใส่ใจ
แต่เพียงในใจ...ยังเคยมีวันวาน
___
แต่คาร่า ผู้ชอบ ปานกับนันท์ พร้อมๆ กัน
เธอไม่ได้เขียนจดหมายเหมือนผม แต่เธอเขียนบันทึกในหน้ากระดาษสมุดออกมาแผ่นหนึ่ง มันคือมวลความในใจทั้งหลายแหล่ของเธอ
บันทึกนั้นเริ่มต้นง่ายๆ ว่า...
คาร่า รักปานกับนันท์มานานแล้ว
ยามเมื่อได้พบกับปานครั้งแรก ปานช่างดูเท่ห์ วันที่ปานเป็นเด็กเข้าใหม่ ทำให้หัวใจของฉันพองโต
ส่วนนันท์ รอยยิ้มของนันท์น่ารัก ทำให้ใจของฉันปั่นป่วน อบอุ่นดั่งแสงตะวัน ป่วนปั่นดั่งคนท้องเสีย
... ฯลฯ
ผมรับรู้ถึงความเยาว์แห่งรักนั้น เมื่อกระดาษเจ้ากรรมพลันปลิวกับสายลมมาทางผม ความทรงจำในตอนนั้นช่างเล่นตลก ดอกสักไม่ได้แห้งเหี่ยว ไม่ได้ถูกปลิดลงจากต้นสักโดยลมกระชาก หากแต่เป็นลมละมุนที่ผลัดใบของป่าทั้งแถบบนภูเขาให้กลายเป็นสีน้ำตาลแดงเข้ม เป็นสายลมที่ทำให้กลุ่มดอกสักนั้นหมุนคว้าง ร่ายรำระเริงร่ากลางอากาศ ตกลงบนผืนหญ้าที่แสนนุ่มนวล
เพราะผมเอาบันทึกที่เธอไม่ต้องการให้ใครเห็นนั้นไปบอกต่อ น้ำตาเธอจึงรินไหล
และน้ำตาของเธอที่รินไหล ช่างแสนเร้นลับ
แม้ว่าผมเป็นเพื่อนของเธอ ผมก็มิอาจรู้ ผมรู้แต่เพียงว่าเธอแบ่งปันขนมให้ผมเสมอตลอดสองปีนั้น
___
ความรักที่ผมโมเมว่าเป็นรักในเวลาของพุทธศักราชสองพันห้าร้อยห้าสิบกว่าๆ งดงามในวานนั้น
แทนที่โดยปัจจุบันและลบไป
หากแต่บันทึกลับของคาร่า รักเร้นเยาว์วัยในราวพุทธศักราชสองพันห้าร้อยสี่สิบกว่าต้นๆ ความงดงามกลับมิเลือน หากยังโลดแล่นแม้กระทั่งในความทรงจำที่ผลัดสีของผม
แม้บันทึกถูกอ่านโดยผมเองผู้อ่าน...แต่ความลับของรักนั้น ยังแฝงอยู่ในเม็ดน้ำตาราวกับไข่มุกของเธอในวันนั้น
การรักใครสักคนในเรื่องราวของผม
การรักใครสักคนในเรื่องราวของคาร่า
อาจเหมือนกันในข้อที่ว่าดูผิดแผกธรรมเนียมไปบ้าง
แต่นั่นก็เป็นเงื่อนไขของความรัก ที่มิอาจมีเกณฑ์เงื่อนไขใดมาจับวัดได้เลย
ลมกาลเวลา ผันผ่านแล้ว...ผ่านเลย
นับแต่วันที่ผมกินขนมของคาร่าที่แบ่งปันให้ในวันนั้น เวลาก็ผ่านล่วงเลยไปถึงพุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบกว่าๆ จวนจะเจ็ดสิบแล้ว แต่ในวานวันของวันวาน ผมก็ยังอุ่นใจที่ยังมีเพื่อนคนหนึ่งอยู่ในวันวานของวัยนั้น
วัยที่ความรักเป็นสิ่งที่เราโหยหา และมีมันอยู่ในตนโดยที่เราไม่รู้ตัว
___
ในสายลมเก่านั่น ต่อให้ผันผ่านไปนานเท่าไหร่
มันก็ไม่เปลี่ยนความทรงจำของผมไปเลย
มันบ้าขนาดที่ว่าทำให้ใบไม้บน ‘ภูกาหลง’ เปลี่ยนสี ในแบบที่มันไม่เคยมีมา
ต้นสักที่นั่นยังอยู่ ... ความทรงจำที่ฝังยังบางเสี้ยวรู้สึกในละแวก ‘โรงเรียนภาวี’ ยังคงอยู่
พอสายลมใหม่พัดพา หอบเอาลมฤดูไหนมา ดอกสักก็ยังคงหมุนคว้างกลางเวหา ดังที่เคยเป็น...