#รีวิวหนัง “The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด”
กดดันสั่นประสาทสุด จากเรื่องเล็กสู่ civil war ความเดือดดาลไปไกลมาก จนคาดเดาไม่ได้ว่าจุดสิ้นสุดจะจบลงตรงไหน
================
1. #KeyHighlight
มันจะมีหนังไม่กี่เรื่องหรอก ที่ไปไกลเกินความคาดหวังมาก ฟีลเหมือนซื้อเนื้อราคาร้อยกว่าบาทแต่ได้เนื้อวากิวเกรด A5
ความดูแพง เนื้อเรื่องสนุก เล่าเรื่องได้ฉลาด มีรสนิยม ดูไม่ยากและเกินความคาดหวัง The Teachers’ Lounge คือหนึ่งในนั้นค่ะ
2.
#เรื่องย่อ
“ถ้าเราพบเห็นคนทำผิด..ในฐานะที่อยู่ในบทบาทที่สามารถดำเนินการกับเรื่องนี้ได้ คุณจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เห็น”
เกี่ยวกับเรื่องราวภายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งของเยอรมัน เมื่อเกิดเหตุขโมยของในชั้นเรียน “ครูโนวัค” จึงมุ่งมั่นหาคนผิดให้ได้
แต่ยิ่งหาตัวผู้ทำความผิด เหตุการณ์ยิ่งบานปลาย จากเด็กนักเรียนในชั้นที่ค่อยๆ ตีตัวออกห่าง ลุกลามไปถึงเพื่อนร่วมงานและผู้ปกครอง
กลายเป็นสงครามประสาท talk of the town ของทั้งโรงเรียน
3.
#เป็นยังไงบ้าง
เป็นหนังยุโรปที่ไม่ได้ดูยาก ออกแนวสนุกด้วยซ้ำ ฟีลเหมือนดูหนังเกาหลีที่พร้อจะปั่นหัวคนดูอย่าง sky castle มีความกดดันและไม่ไว้ใจตลอดเวลา ฟีลเหมือนดูหนังฮิตช์ค็อกที่ลุ้นว่าจะมีอะไรมาทำร้ายตัวละครได้ตลอดเวลา
4.
แต่จัดเฟรมเรทเก๋ๆ Color Palettesเท่ๆ มุมกล้องเริ่ดๆ และการแสดงของทั้งคุณครูประจำชั้นและเด็กที่ “ตรึง” คนดูได้อยู่หมัดสมมงที่ติด 1ใน 5 เข้าชิงออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมจริงๆ
5.
เหตุการณ์ทุกอย่างค่อยๆเริ่มต้นจากการเห็นบรรยากาศของโรงเรียนตามปกติ จนกระทั่งตัวละครตัดสินใจทำบางอย่าง เท่านั้นแหล่ะ จากที่ดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยของใครบางคน สู่ความขัดแย้งที่กลายเป็น civil war ภายในโรงเรียน
6.
หนังมันสะท้อนถึงการเมืองในสังคมเรา ที่บังคับให้เลือกข้าง ต้องตัดสินใจกาฝั่งนั้น ฉันเป็นด้อมเธอเธอเกลียดคนนั้นฉันจะเกลียดตาม สร้างข่าวลืมโคมลอยทำลายกัน ใช้ความรักและความสัมพันธ์เป็นเครื่องมือเพื่อโจมตี จากเรื่องเล็กๆสู่สงครามประสาท ความเดือดดาลไปไกลมาก จนคาดเดาไม่ได้ว่าจุดสิ้นสุดมันจะไปจบลงตรงไหน ในใจก็แอบกลัวว่าฉากสุดท้ายจะมียิงกราดกลางโรงเรียนเลยทีเดียว 5555555
7.
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือหนังมันเล่าเรื่องในแบบประเทศโลกที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาและการพัฒนามันไปไกลกว่าบ้านเราเยอะมาก ตั้งแต่การตระหนักรู้ถึงความเท่าเทียม ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็เข้าใจเคารพสิทธิของตน ให้ความสำคัญกับ PDPA Security Awareness อย่างจริงจัง ซึ่งอาจแตกต่างจากบริบทของสังคมเราไปบ้าง แต่มันน่าสนใจและเหมาะกับให้ผู้ใหญ่ที่ต้องคลุกคลีเรื่องการพัฒนาเยาวชนได้ดู (หรือแม่แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็ตาม) นำไปคิดต่อยอดในสังคมได้จริงๆ แม้ไม่รู้จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ก็ตาม 55555
8.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านเมืองและผู้คนจะเจริญมากขนาดไหนมนุษย์เราก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านการล่าแม่มด และ Gaslighting ได้สักที ตราบใดที่ธรรมชาติมนุษย์ยังมี “อำนาจ” “ผลประโยชน์” และ “สังคม” อยู่ในสมการ
9.
ชอบหนังอะไรแบบนี้จัง The Teachers’ Lounge คือหนังปิดท้ายโปรแกรมออสการ์ที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง ถ้าให้เปรียบเทียบละก็ คำว่า “ นี่คือ Anatomy of a Fall เวอร์ชั่นกดดัน สั่นประสาท 55555 “ อาจจะพอได้ อยากแนะนำให้ไปดูของดีของสนุกแบบนี้กันค่ะ
.
“The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด” มีกำหนดเข้าฉายไทย 30 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์ #TheTeachersLounge #ห้องเรียนเดือด
แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
[SR] #รีวิวหนัง “The Teachers’ Lounge” กดดันสั่นประสาทสุด จากเรื่องเล็กสู่ civil war ความเดือดดาลไปไกลมาก
กดดันสั่นประสาทสุด จากเรื่องเล็กสู่ civil war ความเดือดดาลไปไกลมาก จนคาดเดาไม่ได้ว่าจุดสิ้นสุดจะจบลงตรงไหน
================
1. #KeyHighlight
มันจะมีหนังไม่กี่เรื่องหรอก ที่ไปไกลเกินความคาดหวังมาก ฟีลเหมือนซื้อเนื้อราคาร้อยกว่าบาทแต่ได้เนื้อวากิวเกรด A5
ความดูแพง เนื้อเรื่องสนุก เล่าเรื่องได้ฉลาด มีรสนิยม ดูไม่ยากและเกินความคาดหวัง The Teachers’ Lounge คือหนึ่งในนั้นค่ะ
2.
#เรื่องย่อ
“ถ้าเราพบเห็นคนทำผิด..ในฐานะที่อยู่ในบทบาทที่สามารถดำเนินการกับเรื่องนี้ได้ คุณจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เห็น”
เกี่ยวกับเรื่องราวภายในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งของเยอรมัน เมื่อเกิดเหตุขโมยของในชั้นเรียน “ครูโนวัค” จึงมุ่งมั่นหาคนผิดให้ได้
แต่ยิ่งหาตัวผู้ทำความผิด เหตุการณ์ยิ่งบานปลาย จากเด็กนักเรียนในชั้นที่ค่อยๆ ตีตัวออกห่าง ลุกลามไปถึงเพื่อนร่วมงานและผู้ปกครอง
กลายเป็นสงครามประสาท talk of the town ของทั้งโรงเรียน
3.
#เป็นยังไงบ้าง
เป็นหนังยุโรปที่ไม่ได้ดูยาก ออกแนวสนุกด้วยซ้ำ ฟีลเหมือนดูหนังเกาหลีที่พร้อจะปั่นหัวคนดูอย่าง sky castle มีความกดดันและไม่ไว้ใจตลอดเวลา ฟีลเหมือนดูหนังฮิตช์ค็อกที่ลุ้นว่าจะมีอะไรมาทำร้ายตัวละครได้ตลอดเวลา
4.
แต่จัดเฟรมเรทเก๋ๆ Color Palettesเท่ๆ มุมกล้องเริ่ดๆ และการแสดงของทั้งคุณครูประจำชั้นและเด็กที่ “ตรึง” คนดูได้อยู่หมัดสมมงที่ติด 1ใน 5 เข้าชิงออสการ์หนังต่างประเทศยอดเยี่ยมจริงๆ
5.
เหตุการณ์ทุกอย่างค่อยๆเริ่มต้นจากการเห็นบรรยากาศของโรงเรียนตามปกติ จนกระทั่งตัวละครตัดสินใจทำบางอย่าง เท่านั้นแหล่ะ จากที่ดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยของใครบางคน สู่ความขัดแย้งที่กลายเป็น civil war ภายในโรงเรียน
6.
หนังมันสะท้อนถึงการเมืองในสังคมเรา ที่บังคับให้เลือกข้าง ต้องตัดสินใจกาฝั่งนั้น ฉันเป็นด้อมเธอเธอเกลียดคนนั้นฉันจะเกลียดตาม สร้างข่าวลืมโคมลอยทำลายกัน ใช้ความรักและความสัมพันธ์เป็นเครื่องมือเพื่อโจมตี จากเรื่องเล็กๆสู่สงครามประสาท ความเดือดดาลไปไกลมาก จนคาดเดาไม่ได้ว่าจุดสิ้นสุดมันจะไปจบลงตรงไหน ในใจก็แอบกลัวว่าฉากสุดท้ายจะมียิงกราดกลางโรงเรียนเลยทีเดียว 5555555
7.
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือหนังมันเล่าเรื่องในแบบประเทศโลกที่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าระบบการศึกษาและการพัฒนามันไปไกลกว่าบ้านเราเยอะมาก ตั้งแต่การตระหนักรู้ถึงความเท่าเทียม ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็เข้าใจเคารพสิทธิของตน ให้ความสำคัญกับ PDPA Security Awareness อย่างจริงจัง ซึ่งอาจแตกต่างจากบริบทของสังคมเราไปบ้าง แต่มันน่าสนใจและเหมาะกับให้ผู้ใหญ่ที่ต้องคลุกคลีเรื่องการพัฒนาเยาวชนได้ดู (หรือแม่แต่พ่อแม่ผู้ปกครองก็ตาม) นำไปคิดต่อยอดในสังคมได้จริงๆ แม้ไม่รู้จะใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ก็ตาม 55555
8.
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านเมืองและผู้คนจะเจริญมากขนาดไหนมนุษย์เราก็ยังไม่สามารถก้าวผ่านการล่าแม่มด และ Gaslighting ได้สักที ตราบใดที่ธรรมชาติมนุษย์ยังมี “อำนาจ” “ผลประโยชน์” และ “สังคม” อยู่ในสมการ
9.
ชอบหนังอะไรแบบนี้จัง The Teachers’ Lounge คือหนังปิดท้ายโปรแกรมออสการ์ที่สนุกมากเรื่องหนึ่ง ถ้าให้เปรียบเทียบละก็ คำว่า “ นี่คือ Anatomy of a Fall เวอร์ชั่นกดดัน สั่นประสาท 55555 “ อาจจะพอได้ อยากแนะนำให้ไปดูของดีของสนุกแบบนี้กันค่ะ
.
“The Teachers’ Lounge ห้องเรียนเดือด” มีกำหนดเข้าฉายไทย 30 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์ #TheTeachersLounge #ห้องเรียนเดือด
แมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถวc
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้