เรื่องนี้ของผมมันอาจจะยาวสักนิดนะครับ
ผมมีเพื่อนสนิทอยู่คนนึงที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่ประถม เราเป็นเพื่อนคนแรกของอีกฝ่ายเลยครับ
เพื่อนคนนั้นของผมชื่อว่าปิ่น เธอเป็นคนตัวสูงมากเรียกได้ว่าสูงกว่าพี่ม.3-4ผู้ชายบางคนเลยสัก170+ สูงกว่าผมอีกในตอนนั้น แถมยังเป็นคนนิสัยดีรักสัตว์สุภาพแต่ก็ตลกเอามาก ๆ
พอขึ้นมัธยมผมก็ไปปลีกตัวไปหาเพื่อนอีกกลุ่มที่ชอบแกล้งเราตอนประถม เพราะผมไม่อยากโดนแกล้งอีกต่อไปแล้ว
แต่พอเพื่อกลุ่มนั้นได้ย้ายโรงเรียนไปในตอนที่เลื่อนขึ้นชั้นม.2 ผมกับปิ่นพวกเราก็ได้มาเจอกันครับ (เพราะตอนม.1พวกเราอยู่กันคนละห้อง)
แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปครับ ผมได้รู้ว่าอีกฝ่ายไปมีเพื่อนเพิ่มแล้วแต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร..แต่มันจะมีบางคนที่ดูจะสนิทกันเป็นพิเศษเลย พอผมไปถาม ๆ เพื่อนดูก็ได้รู้ว่าคนอ่ะเป็นใหม่ที่ย้ายมาตอนม.1
เมื่อสักเกตุดี ๆ แล้ว..ชัดเลยว่าเธอมาแทนที่ในจุด ๆ ที่ผมควรจะได้อยู่ นั่นแหละครับผมเลยเข้าไปหาปิ่นชวนคุยรวมถึงอีกฝ่าย สรุปเลยว่าความสัมพันธ์ของผมกับปิ่น..มันจางลงไม่สนิทกันเหมือนแต่ก่อน..
เขาดูจะสนิทกับเพื่อนคนใหม่กว่าผม..แถมเวลาตอนครูให้จับคู่เพื่อทำงานปิ่นก็จะไม่ลังเลเลยที่จะชวนใครไปไม่ได้เลยที่จะเป็นคนนั้น..ไม่ใช่ผม
มันอาจจะยาวนิดหน่อย ผมจะสรุปให้นะครับ ผมก็อยู่ในช่วงเวลาแบบนั้นมานานมาก..จนความไม่พอใจก็เปลี่ยนเป็นความอิจฉา ผมไม่เคยบอกใครมาก่อนเลยด้วย
และจะมีบางช่วงที่เหมือนว่าพวกเรานั่งตรงศาลากับ7คน มีผมกับปอ่นและเพื่อนคนใหม่ของเธอและรุ่นพี่ที่รู้จัก
จำได้ว่ารุ่นพี่แกเล่นมุข ๆ ออกมาเลยหัวเราะลั่นกันทั้งศาลา แล้วทุปคนรู้ไหมครับว่าจิตวิทยาของคนเราเวลาหัวเราะจะชอบหันหน้าไปทางคนที่ตัวเองชอบหรือสนิทด้วย..
ใช่แล้วครับ ปิ่นหันไปทางอีกคน..ไม่ได้หันมาทางผม
แต่ตอนนี้..ผมก็ไม่ได้ติดอะไรแล้วล่ะครับเพราะผมเองก็ได้ย้ายโรงเรัยนใหม่แล้วแถมนี่ก็ผ่านมานายโครตเลย แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน
คือผมยังคิดถึงปิ่นอยู่..
(แม้ว่าเรื่องมันจะเป็นเพราะความอิจฉาของผม แต่มันก็อดไม่ได้นี่ครับ ปิ่นเป็นเพื่อนคนสำคัญของผม ตอนเด็กก็เคยไปเล่นบ้านกัน ขนมก็เคยแย่งกันกินตอนเด็ก..)
แล้วทุกคนล่ะครับเคยถูกแย่งเพื่อนสนิทคนสำคัญไปไหม?
คุณเคยถูกแย่งเพื่อนสนิทที่สุดไปบ้างไหม?