พระบัญญัติ 10 ประการ

พระบัญญัติ 10 ประการคือข้อกฏหมาย 10 ข้อที่พระเจ้าทรงโปรดประทานให้กับชนชาติอิสราเอลได้ปฏิบัติหลังจากได้อพยพออกจากแผ่นดินอียิปต์ พระบัญญัติ 10 ประการนี้ได้สรุปรวบรวมจากพระบัญญัติที่มีอยู่ในพระคำภีร์เดิมทั้งหมด 600 กว่าข้อ พระบัญญัติ 4 ข้อแรกได้พูดถึงการปฏิบัติและความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า และ 6 ข้อหลังได้พูดถึงการปฏิบัติและความสัมพันธ์ระหว่างเรากับผู้อื่น ซึ่งพระบัญญัติ 10 ประการนี้ได้บันทึก

ไว้ในพระคำภีร์พระธรรม อพยพ 20: 1-17 และพระธรรม เฉลยธรรมบัญญัติ 5:6-21 ดังนี้

1. จงนมัสการพระเป็นเจ้า พระสวามีเจ้าผู้เดียวของเจ้า
2. อย่าเอ่ยนามพระสวามีเจ้าโดยไม่สมเหตุ
3. วันพระเจ้าจงอย่าลืมฉลองเป็นวันศักดิ์สิทธิ์

ส่วนหลังมี 7 ข้อ เป็นข้อปฏิบัติระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ได้แก่

4. จงนับถือบิดามารดา
5. อย่าฆ่าคน
6. อย่าทำอุลามก
7. อย่าลักขโมย
8. อย่าใส่ความนินทา
9. อย่าปลงใจในความอุลามก
10. อย่ามักได้ทรัพย์ของเขา


........ที่นี้ เราก็จะมาดูข้อปฏิบัติแต่ละข้อ และ ความหมายในแต่ละข้อ ที่ คริสตชนต้องปฏิบัติ

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่หนึ่ง
“จงนมัสการพระสวามีพระเป็นเจ้าผู้เดียวของเจ้า”

• พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่หนึ่ง สั่งให้นมัสการพระเป็นเจ้า
คือเคารพบูชาพระองค์อย่างสูงสุดในฐานะที่พระองค์เป็นพระผู้สร้างและเป็นเจ้านายสูงสุด
• เราต้องนมัสการพระเป็นเจ้าภายใน คือ เชื่อ ไว้ใจ รัก และ เคารพบูชาพระองค์ในจิตใจ
• เราต้องนมัสการพระเป็นเจ้าเป็นการภายนอก คือ แสดงความเชื่อ ไว้ใจ รัก และบูชาด้วยกิจการภายนอก
เช่น การสวดภาวนา การไปวัดและร่วมพิธีกรรมต่างๆ
• คาทอลิกเข้าร่วมนมัสการพระเป็นเจ้าที่ทำเป็นส่วนรวมในนามพระศาสนจักรทั่วโลก
ซึ่งได้แก่พิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณและพิธีกรรมเป็นทางการของศาสนาทุกอย่าง
• บาปที่ผิดต่อพระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่หนึ่ง คือ
1. การละเลยเพิกเฉย
2. การเคารพบูชาคนหรือสิ่งอื่นขึ้นแทนพระเป็นเจ้า
3. การเชื่อถือหรือพึ่งพาอาศัยอำนาจที่นอกเหนือไปจากฤทธิ์อำนาจของพระเป็นเจ้า
4. การทุราจาร

ข้อควรรู้

1. นมัสการ แปลว่า การไหว้ แต่ในศาสนาคาทอลิก ใช้หมายถึง การเคารพยกย่องอย่างสูงสุด ซึ่งใช้กับพระผู้สร้างแต่ผู้เดียวเท่านั้น

2. ทุราจาร แปลว่า ความประพฤติชั่วร้ายเลวทราม ในศัพท์คาทอลิกใช้หมายถึง การประมาทดูหมิ่นพระเป็นเจ้าด้วยการพูด หรือการกระทำผิดต่อนักบวช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนา หรือสถานที่ทางศาสนา

3. การพึ่งพาอาศัยอำนาจนอกเหนืออำนาจพระเป็นเจ้า ได้แก่ เชื่อถือเครื่องรางของขลัง คาถาอาคม ใช้อำนาจผี เข้าเจ้าเข้าทรง เชื่อหมอดู
ซึ่งเป็นการลบหลู่ฤทธิ์อำนาจของพระเป็นเจ้า

ข้อความจากพระคัมภีร์ที่เกี่ยวกับพระบัญญัติประการที่หนึ่ง

พระเป็นเจ้าถูกปีศาจผจญ ชี้ให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่างๆอันรุ่งเรื่องของโลก แล้วทูลว่า
“เราจะให้ทุกสิ่งเหล่านี้แก่ท่าน ถ้าท่านกราบนมัสการเรา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า “เจ้าซาตาน จงไปให้พ้น ยังมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
'จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเจ้า และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น' ” (มธ 4:8-10)

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่สอง
“อย่าออกพระนามพระสวามีพระเป็นเจ้าโดยไม่สมเหตุ”
(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 3 ข้อ 2142-2167)

• พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่ 2 สั่งให้เคารพพระนามพระเป็นเจ้า และห้ามใช้พระนามของพระองค์ในทางที่ผิด

• การใช้พระนามพระเป็นเจ้าในทางที่ผิด ได้แก่

1. สาบานที่ผิด
2. ผิดต่อการบนบาน
3. กล่าวร้ายต่อพระผู้เป็นเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์
• เราสาบานได้ในเรื่องจริง และเรื่องที่สำคัญเท่านั้น
• การบนบาน คือ การสัญญาแก่พระเป็นเจ้าว่าจะทำกิจการดีบางอย่างโดยผูกมัดตนเองว่า ถ้าไม่ทำก็เป็นบาป
• การกล่าวร้ายถึงพระเป็นเจ้า คือ การพูดจาดูหมิ่นพระเป็นเจ้า แม่พระ นักบุญต่างๆ ฯลฯ

ข้อควรรู้

1. การสาบาน คือ การอ้างถึงพระเป็นเจ้าเพื่อยืนยันคำพูดหรือคำสัญญาของตน
2. ในการบนบาน ควรจะคิดให้ดีเสียก่อน แล้วถ้าเป็นเรื่องสำคัญ ควรปรึกษาพระสงฆ์

ข้อความจากพระคัมภีร์

พระเยซูเจ้าทรงสอนว่า ท่านยังได้ยินคำกล่าวแก่คนโบราณว่า “อย่าผิดคำสาบาน แต่จงทำตามที่ได้สาบานไว้ต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า”
แต่เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่าสาบานเลย อย่าอ้างถึงสวรรค์ เพราะเป็นที่ประทับของพระเจ้า อย่าอ้างถึงแผ่นดิน
เพราะเป็นที่รองพระบาทของพระองค์ อย่าอ้างถึงกรุงเยรูซาเล็ม เพราะเป็นนครหลวงของพระมหากษัตริย์ อย่าอ้างถึงศีรษะของท่าน
เพราะท่านไม่อาจเปลี่ยนผมสักเส้นให้เป็นดำเป็นขาวได้ ท่านจงกล่าวเพียงว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” ที่เกินไปนั้นมาจากปิศาจ (มธ 5:33-37)

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่สาม
“วันพระเจ้าอย่าลืมฉลองเป็นวันศักดิ์สิทธิ์”
(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 3 ข้อ 2168-2195)

• พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่ 3 สั่งให้ถือวันพระเจ้า คือ ต้องไปร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณและหยุดทำงานกรรมกรในวันนั้น
• การขาดพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณในวันพระเจ้าเป็นบาปหนัก (ดูกฎหมายพระศาสนจักร ม. 1246-7) ยกเว้นกรณีจำเป็น
• ในวันพระเจ้า ห้ามทำงานกรรมกร คือ งานที่ใช้กำลังกาย เช่น ขุดดิน ไถนา ก่อสร้าง แบกหาม ฯลฯ

ข้อควรรู้

1. วันพระเจ้าคือวันอาทิตย์ วันปัสกาและวันฉลองพระคริสตสมภพ 25 ธันวาคม
2. ในวันพระเจ้า คาทอลิกจะต้องร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณตั้งแต่ต้นจนจบ ด้วยการสำรวมใจกาย ผู้ที่แม้จะไปวัด
แต่ก็ถือว่าขาดมิสซาวันพระเจ้าได้ ในกรณีดังนี้ คือ
ก. ไปช้าเกิน หรือออกจากวัดก่อนเสร็จพิธีจนขาดตอนสำคัญของมิสซา คือตั้งแต่พระสงฆ์ถวายปังและน้ำองุ่น จนถึงพระสงฆ์รับศีลมหาสนิทแล้ว
ข. อยู่นอกวัด หรืออยู่นอกกลุ่มผู้ร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ เมื่อมีคนแน่นจนเป็นที่แสดงว่ามิได้ร่วมจิตใจร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณเลย
ค. ทำสิ่งใดที่ขัดต่อการร่วมจิตใจในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณ ตลอดเวลาที่เป็นส่วนสำคัญของมิสซา
เช่น คุยกัน นอนหลับ อ่านหนังสืออื่นๆ สูบบุหรี่ ชมภาพต่างๆ ฯลฯ
3. ผู้ที่ได้รับการยกเว้นจากการร่วมพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณวันพระเจ้าคือ ผู้ที่อยู่ไกลวัดเกินไป
หรือการเดินทางไปวัดลำบากมาก ผู้ป่วยหรือผู้ฟื้นไข้ ผู้พยาบาลคนป่วย เลี้ยงทารก เฝ้าบ้านและความจำเป็นอื่นๆ
4. ในวันพระเจ้า อนุญาตให้ทำงานที่ใช้สติปัญญา และงานที่มิใช่กรรมกร เช่น การเรียน การสอน
แม้จะคิดค่าจ้าง งานฝีมือ และงานเพื่อการกุศล แม้จะเป็นงานกรรมกร เช่น ตบแต่งวัด ฯลฯ
5. ในวันพระเจ้าอนุญาตงานจำเป็นทุกชนิด คือ
ก. งานฉุกเฉิน เช่น ดับเพลิง ขนของหนีน้ำท่วม ขนข้าวหรือเกี่ยวข้าวเพื่อมิให้เสียหาย การป้องกันเหตุร้ายต่างๆ
ข. งานจำเป็นส่วนตัว เช่น หุงหาอาหาร เลี้ยงสัตว์ ซักเสื้อผ้า การหากินของผู้หาเช้ากินค่ำ งานที่หยุดไม่ได้โดยไม่เกิดความเสียหาย
ค. งานจำเป็นส่วนรวม เช่น คนขับรถ เรือโดยสาร การขายอาหารหรือเครื่องใช้ที่จำเป็น ช่างตัดผม ช่างไฟฟ้า ประปา งานซ่อมถนนหรือสะพาน ฯลฯ

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่สี่
“จงนับถือบิดา มารดา”
(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 3 ข้อ 2197-2257)

• พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่สี่ สั่งให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ในครอบครัว และหน้าที่ในสังคม
คือ หน้าที่ระหว่างบิดามารดากับบุตร และหน้าที่ระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย
• บุตรมีหน้าที่ รัก เคารพ เชื่อฟัง และมีความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาหรือผู้ปกครองของตน
• บิดามารดาหรือผู้ปกครองมีหน้าที่ รัก เลี้ยงดู อบรม เอาใจใส่ วิญญาณ และช่วยจัดอนาคตของบุตร
หรือผู้ที่อยู่ในความอุปการะของตน
• ผู้น้อยมีหน้าที่เคารพนับถือและเชื่อฟังผู้ใหญ่ พลเมืองมีหน้าที่เคารพเชื่อฟังผู้บริหารแผ่นดินและถือตามกฎหมาย
ตลอดจนทำหน้าที่พลเมืองดี
• ผู้มีอำนาจหรือผู้ใหญ่ในสังคมมีหน้าที่ปกครองดูแล และเอาใจใส่ผู้อยู่ใต้อำนาจ และต้องรักษาความยุติธรรม
และรักษาผลประโยชน์ของส่วนรวม ทั้งต้องใช้อำนาจให้ถูกต้อง

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่ห้า
“อย่าฆ่าคน”
(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 3 ข้อ 2258-2330)

• พระบัญญัติประการที่ห้า ห้ามทำร้ายร่างกายและวิญญาณของผู้อื่น
• การทำร้ายชีวิตและร่างกายของผู้อื่น คือ การทำอันตรายใดๆแก่เขา เช่น ทำให้บาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ความตาย
• การทำร้ายวิญญาณของผู้อื่น คือ ทำสิ่งใดๆ ที่เป็นเหตุให้เขาทำบาป เช่น การพูด เขียน การเป็นตัวอย่างไม่ดี หรือการยุยงให้เขาทำบาป
• การฆ่าคนเป็นบาปหนักร้ายแรง เพราะเป็นการละเมิดสิทธิ์เหนือชีวิตมนุษย์ ซึ่งเป็นของพระเป็นเจ้าแต่ผู้เดียว
• การฆ่าคนอาจทำได้ในกรณีจำเป็นดังนี้
1. เพื่อป้องกันชีวิตของตนเองหรือของผู้อื่นจากคนร้าย หรือเพื่อป้องกันทรัพย์สินจำนวนมาก
2. เพื่อป้องกันประเทศชาติจากข้าศึกที่รุกราน
3. เพชฌฆาตซึ่งทำหน้าประหารชีวิตนักโทษ ซึ่งถูกศาลตัดสิน
o การฆ่าตัวเองเป็นบาปหนักร้ายแรง เพราะว่าเราไม่มีสิทธิ์ทำลายชีวิตซึ่งเป็นของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว
o การฆ่าทารกในครรภ์ หรือจงใจทำแท้งบุตร เป็นบาปหนักร้ายแรงเช่นเดียวกับฆ่าคน พระศาสนจักรลงโทษอย่างหนักแก่ผู้ทำผิดเช่นนี้
รวมทั้งผู้มีส่วนร่วมมือด้วย
o การฆ่าสัตว์ไม่เป็นบาป เพราะว่าพระเจ้าสร้างสัตว์เพื่อประโยชน์ของมนุษย์ แต่การทรมานสัตว์โดยไร้เหตุผลก็เป็นบาปเบาได้
o พระบัญญัติประการที่ห้า ห้ามการทะเลาะวิวาท เกลียดชัง พยาบาท ด่าแช่ง รังแก เบียดเบียนกัน ฯลฯ
o พระบัญญัติประการที่ห้า สั่งให้มีความรัก เมตตากรุณาต่อกัน ให้อภัยและทำดีแก่ผู้อื่นทั้งกายและวิญญาณ
ข้อควรรู้
1. การเป็นที่สะดุด คือ การพูดหรือการกระทำสิ่งใดๆไม่ถูกต้องอันเป็นเหตุให้ผู้อื่นทำบาป ผู้ที่เป็นที่สะดุดแก่ผู้อื่นมีบาป
เพราะเป็นการทำร้ายวิญญาณของเขา
2. พระบัญญัติประการที่ห้ามีข้อบังคับสำหรับนายแพทย์และผู้พยาบาลคนเจ็บให้ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยสุจริตและเคร่งครัด
และต้องแสวงหาความรู้ให้เพียงพอในการรับผิดชอบต่อชีวิตและสุขภาพของผู้อื่น

พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่หก
“อย่าผิดประเวณี”
(คำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก ภาค 3 ข้อ 2331-2440)

• พระบัญญัติพระเป็นเจ้าประการที่หก สั่งให้เราเคารพและรักษาความบริสุทธิ์ในร่างกายของตนเองและของผู้อื่น
ห้ามกิจการทุกอย่างที่ผิดต่อความบริสุทธิ์ และห้ามแสวงหาหรือเสี่ยงอันตรายต่อความบริสุทธิ์
• กิจการที่ผิดต่อความบริสุทธิ์คือ การจงใจทำผิดทางเพศเพื่อหาความสุขในกามารมณ์ทุกชนิด ซึ่งตนเองไม่มีสิทธิ์
เช่น การพูด ฟัง มองดู สัมผัส และกิจการลามกทุกชนิด
• วิธีรักษาความบริสุทธิ์ คือ
1. หลีกเลี่ยงอันตรายและโอกาสบาป
2. หมั่นแก้บาปรับศีลมหาสนิทบ่อยๆ
3. มีความศรัทธาต่อแม่พระและสวดภาวนา ทรมานกายและใจ
4. การคบเพื่อนที่ดี เป็นต้น

ข้อควรรู้

1. ความบริสุทธิ์ในร่างกายนี้ หมายถึง การละเว้นจากการหาความสนุกที่ผิดในเรื่องทางเพศ
2. กามารมณ์ คือ ความใคร่ หรือความปรารถนาเกี่ยวกับทางเพศ
3. โอกาสและอันตรายต่อความบริสุทธิ์คือ การคบเพื่อนชั่ว การสนิทสนมเกินควรกับเพื่อนต่างเพศ การดูมหรสพที่ผิดศีลธรรม
ภาพยนตร์ งิ้ว ละคร ลำตัด รำวง การเต้นรำ การเที่ยวในสถานที่เป็นภัย เช่น สถานอาบอบนวด ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ฯลฯ
4. พระเป็นเจ้าสร้างความสุขในกามารมณ์ เพื่อชักจูงให้มนุษย์ทำหน้าที่พ่อแม่จะได้มีบุตรสืบสกุลต่อไป ดังนั้น
ความสุขในกามารมณ์จึงไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ทุกคนมีสิทธิ์แสวงหาความสุขนั้นตามกฎระเบียบของพระเป็นเจ้า คือ ในชีวิตสมรสเท่านั้น
5. การหาความสุขในกามารมณ์นอกจากชีวิตสมรสจึงเป็นการละเมิดพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอย่างหนัก
การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง (Masturbation) การผิดประเวณีต่อคนเพศเดียวกัน (การเล่นเพื่อน Sodomy หรือ Lesbianism)
เป็นการหาความสุขในกามารมณ์ที่ผิดต่อจุดมุ่งหมายซึ่งพระเจ้ากำหนดไว้ จึงเป็นบาปเช่นเดียวกัน
ข้อความจากพระคัมภีร์
ท่านได้ยินคำกล่าวที่ว่า “อย่าล่วงประเวณี” แต่เรากล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองหญิงด้วยความใคร่
ก็ได้ล่วงประเวณีกับนางในใจแล้ว ถ้าตาขวาของท่านเป็นเหตุให้ท่านทำบาป
จงควักมันทิ้งเสียเพราะเพียงแต่เสียอวัยวะส่วนเดียว ยังดีกว่าปล่อยให้ร่างกายทั้งหมดของท่านตกนรก (มธ 5:27-29)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่