JJNY : โรมเชื่อสะเทือนแนวโน้มรบ.แน่│ทสท.เชื่อ “เศรษฐา” เดินต่อยาก│บาทอ่อน ทองร่วง│“บราซิล” เผชิญน้ำท่วมอีกระลอก

โรม เชื่อสะเทือนแนวโน้มรบ.แน่ เหตุศาลรธน.รับคำร้องถอดถอนเศรษฐา มีคดีปักหลังไม่ใช่เรื่องดี
https://www.matichon.co.th/politics/news_4591643
 
 
‘โรม’ ลั่นสะเทือนแน่ หลังศาล รธน.รับคำร้องถอดถอน ‘เศรษฐา’ ชี้ รบ.มีคดีปักหลังในศาลไม่ใช่เรื่องที่ดี บอกต้องดูรายละเอียดตัวเต็มต่อ พร้อมถามย้ำอีกรอบ ทำไมตั้ง ‘พิชิต’ มาเป็น รมต.
 
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้อง 40 ส.ว. ถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และไม่ได้มีมติสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ว่า แน่นอนว่าคงจะมีคำถามเปรียบเทียบกับกรณีอื่นมากมาย  เช่น กรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งสุดท้ายผลเป็นอย่างไรคงต้องดูคำวินิจฉัยตัวเต็ม หรือดูรายละเอียดมากกว่านี้ ตนยังไม่ได้ดูในรายละเอียดก็รับทราบจากข้อมูลข่าวสารทั่วไปว่าสุดท้ายศาลไม่ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และยังจำหน่ายคำร้อง นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีออกไป เพราะได้ลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ทั้งนี้ ก็คงต้องไปดูด้วย เข้าใจว่า ส.ว.ที่ยื่นไปยังไม่ได้ขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ก็เป็นอำนาจของศาลที่จะวินิจฉัยอยู่แล้ว
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า พอมีปัญหาแบบนี้ก็ต้องยอมรับว่าคงจะเกิดความไม่แน่นอนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลว่าจะมีความแน่นอนอย่างไร เพราะเราก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะออกหัว หรือก้อย ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลจะต้องคิด
 
เรื่องนี้ไม่ควรมีอะไรด้วยซ้ำในเรื่องของการแต่งตั้งผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ต้องดูในเรื่องของคุณสมบัติ ซึ่งก็มีความเสี่ยงอยู่แล้วว่าการตั้งนายพิชิต ซึ่งมีประวัติ มีเรื่องคดี มีการเดินเกมแบบนี้ ก็น่าแปลกใจว่าทำไมจึงยืนยันตั้งนายพิชิต” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า มองว่าปัญหานี้ก็คาราคาซังตั้งแต่รอบแรก ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่สุดท้ายเรื่องนี้จะสร้างความไม่แน่นอนให้กับรัฐบาลในตอนนี้
เมื่อถามว่าเสียง 5:4 ของตุลาการที่ไม่ได้สั่งให้นายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่สะท้อนอะไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า เสียงปริ่มอยู่ ตนไม่ทราบรายละเอียดหลักเกณฑ์ แต่แน่นอนว่าการที่เสียงออกมาแบบนี้สะท้อนว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นเอกภาพ ต้องรอดู รายละเอียด เข้าใจว่ารอบนี้ก็มีการเปิดเผยชื่อตุลาการ เป็นแนวทางที่ไม่เหมือนรอบอื่น ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จึงตอบไม่ได้ว่ามีรายละเอียดที่ต่างจากกรณีอื่นๆ มากน้อยแค่ไหน
 
เมื่อถามว่า นายเศรษฐามีเวลา 15 วันหลังจากนี้คำชี้แจง มองว่าจะออกมาในรูปแบบไหน นายรังสิมันต์ระบุว่า คงคิดแทนไม่ได้ นายกรัฐมนตรีอาจอาจจะขอเลื่อนก็ได้ ก็ต้องให้ระยะเวลาในการพิจารณา แต่อย่างไรก็ตาม การทำคำร้องตนไม่สามารถตอบได้
 
คงเป็นปัญหาของเขา แต่คิดว่าเรื่องนี้พอที่จะสะเทือนต่อแนวโน้มของรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต หลายฝ่ายคงสูญเสียความเชื่อมั่นพอสมควร มันมีคดีที่ปักหลังเอาไว้ในศาลรัฐธรรมนูญ คงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับรัฐบาลนี้” นายรังสิมันต์กล่าว



ไทยสร้างไทย เชื่อ “เศรษฐา” เดินต่อยาก ชี้ถึงเวลาต้องตัดสินใจ
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_722185/

ไทยสร้างไทย เชื่อ “เศรษฐา”เดินต่อยาก ชี้ถึงเวลาต้องตัดสินใจ จะยอมเป็นเบี้ยทางการเมืองต่อหรือไม่ 
 
นายปริเยศ อังกูรกิตติ โฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงสถานการณ์กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ถูกยื่นถอดถอนโดน 40 สว. และศาลรับคำร้อง โดยให้ชี้แจงภายใน 15 วันว่า มาถึงเวลานี้นายเศรษฐา โทษใครไม่ได้นอกจากตนเอง เพราะมีหลายฝ่ายพยายามชี้ให้เห็นปัญหาหลายเรื่องของรัฐบาลนี้มาตลอด รวมถึงการที่ฝ่ายค้านพยายามแนะนำให้นายกทำงานตั้งคนให้เหมาะสมกับงาน
 
แต่ทว่านายกรัฐมนตรีไว้ใจแต่คนรอบข้าง สนใจแต่คำเยินยอและเพิกเฉยต่อคำเตือนของฝ่ายค้าน ตนขอตั้งคำถามสั้นๆเพียงว่า ทำไมการปรับ ครม.ครั้งแรกและอาจเป็นครั้งเดียวของนายกรัฐมนตรี จึงนำพาปัญหามาให้ขนาดนี้ ถ้านายเศรษฐามีที่ปรึกษาหรือคณะทำงานดีจริง เรื่องกฏหมายควรเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรต้องทำให้เกิดความเสี่ยงในทุกกรณี ซึ่งเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่สถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีที่พรรคผลักดันมาทำหน้าที่ในช่วงเวลาที่สำคัญยิ่งของการเมืองในภาพรวม
 
โฆษกไทยสร้างไทย กล่าวอีกว่า ในช่วงเวลาต่อจากนี้ นายเศรษฐาควรอยู่กับที่ เร่งทำงานแก้ข้อต่างเพื่อชี้แจงต่อศาลให้เรียบร้อย และวันนี้ควรต้องรู้ตัวแล้วว่า อำนาจอะไรบ้างที่ตนเองยังพอมีอยู่ในมือ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ได้ หากยังตะลอนไปต่างประเทศในช่วงเวลานี้และปล่อยให้คณะทำงาน เดินเรื่องกฏหมายให้ ตนเชื่อว่าอาจเป็น 15 วันสุดท้ายในฐานะ นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐาก็เป็นได้
 
ทั้งนี้ นายกเศรษฐา ต้องตาสว่างและหันมามองรอบตัวว่าใครคือคนที่หวังดีกับตนเอง เพราะสถานการณ์ตอนนี้ล่อแหลมต่อสถานะความเป็นนายกของคุณเศรษฐามากๆ การที่ฝ่ายค้านเตือน และขัดหลายๆเรื่อง ถ้าจะมองว่าเป็นเรื่องการเมืองก็ได้ แต่ให้พิจารณาให้ดี ว่าสิ่งที่ตักเตือนเอาไว้ มันเป็นเท็จหรือมันเป็นจริง คำพูดที่ยกยอ บางทีมันก็เป็นการวางยาพิษต่อท่านได้ วันนี้นายกจึงอย่าใจแข็งพูดว่าจะทำงานต่อ เพราะสถานะตัวเองแม้จะยังไม่ถูกตัดสินว่าผิด แต่ตอนนี้เปรียบเหมือนถูกจับพาดเขียงเป็นที่เรียบร้อย



ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้อ่อนลง 36.66 บาทต่อดอลลาร์ ทองร่วง 400 บาท
https://www.matichon.co.th/economy/news_4591749

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลง” ขณะที่ทอง ปรับครั้งแรก ลดลง 400 บาท
 
เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.66 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 36.54 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.55-36.80 บาท/ดอลลาร์
 
นายพูนกล่าวว่า โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา ค่าเงินบาทผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง (แกว่งตัวในช่วง 36.47-36.66 บาทต่อดอลลาร์) ตามที่เราได้ประเมินความเสี่ยงเอาไว้ ว่า เงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.65 บาทต่อดอลลาร์ หากรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ รวมถึงยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ของสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด ซึ่งข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ออกมาดีกว่าคาดจริง
โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคการบริการ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้นในเดือนพฤษภาคม สู่ระดับ 50.9 จุด และ 54.8 จุด ตามลำดับ ส่วนยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) ก็ลดลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.15 แสนราย โดยภาพดังกล่าวได้ทำให้ผู้เล่นในตลาดกังวลว่า เฟดอาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงได้นานขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนราคาทองคำก็ปรับตัวลดลงหนักกว่า -40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ กดดันให้เงินบาทยังเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติมจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว
 
นายพูนกล่าวว่า สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะยังคงรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าสนใจ อาทิ ยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders) ในเดือนเมษายน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจกับ รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้นและระยะยาวพอสมควร นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดในระยะถัดไป

ส่วนในฝั่งอังกฤษ รายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนเมษายน จะเป็นข้อมูลที่ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ซึ่งล่าสุดผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า BOE อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสที่ 3
 
นายพูนกล่าวว่า สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า การอ่อนค่าลงต่อเนื่องของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา ยังมีโอกาสที่จะดำเนินต่อไปได้ โดยเฉพาะ หลังเงินบาทได้อ่อนค่าลงทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน แถวโซน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งจากข้อมูลสถิติย้อนหลัง พบว่า หากเงินบาทยังอยู่ในการแกว่งตัวแบบ sideways ก็สามารถอ่อนค่าทะลุเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน ได้ราว 20 สตางค์
 
นอกจากนี้ เงินบาทก็ยังมีปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่บ้าง ทั้งโฟลว์ธุรกรรมซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งทองคำและน้ำมันดิบ ในจังหวะย่อตัว นอกจากนี้ ฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติอาจมีแนวโน้มเป็นการขายสุทธิได้ หลังบรรยากาศในตลาดพลิกกลับมาอยู่ในภาวะปิดรับความเสี่ยง โดยเราประเมินว่า เงินบาทมีโอกาสผันผวนอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้านถัดไป แถว 36.75-36.80 บาทต่อดอลลาร์ได้
 
อนึ่ง หากเงินบาทสามารถแข็งค่าขึ้นมาได้บ้าง เรามองว่า เงินบาทก็อาจยังติดโซนแนวรับแถว 36.50 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงมุมมองของผู้เล่นในตลาดซึ่งปัจจุบันต่างก็กังวลแนวโน้มดอกเบี้ยเฟดมากขึ้น โดยเราคาดว่า อาจจะต้องรอจนถึงช่วงปลายเดือนพฤษภาคม หรือ ต้นเดือนมิถุนายน เพื่อให้ตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE และยอดการจ้างงานสหรัฐฯ ถึงจะเห็นการแข็งค่าขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของเงินบาทได้อีกครั้ง แต่ต้องลุ้นให้ ข้อมูลดังกล่าวออกมาแย่กว่าคาด หรือ อัตราเงินเฟ้อ PCE ชะลอตัวลงมากขึ้นเท่านั้น
 
เงินบาทยังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูง ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน”นายพูนกล่าว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนราคาทองคำ ทันทีที่เปิดตลาด เวลา 09.06 น. สมาคมค้าทองคำ ประกาศปรับลดลง 400 บาทเมื่อเทียบกับปิดตลาดวานนี้ โดยทองคำแท่ง 96.5% รับซื้อ 40,450.00 บาท ขายออก 40,550.00 บาท ส่วนทองรูปพรรณ 96.5% รับซื้อ 39,719.20 บาท ขายออก 41,050.00 บาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่