เอาเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝากกัน ปกติเราคิดว่าแผ่นดินไหวเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ แต่ขั้นตอนการขุดเจาะ ผลิตน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติบางครั้งก็มีส่วนทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้

ปกติน้ำมันดิบจะแทรกอยู่ในชั้นหินลึกลงไปใต้ดินซึ่งมีรูพรุนจำพวกหินทราย หินเชล การทำ fracking จะอัดของเหลวพิเศษลงไปในชั้นหินที่มีน้ำมันอยู่ เหมือนการเขย่า ให้รูพรุนเหล่านั้นเชื่อมถึงกันได้และน้ำมันดิบไหลมารวมกัน ช่วยให้สูบน้ำมันขึ้นมาได้ง่ายขึ้น ขั้นตอนนี้เป็นการสร้างแรงสั่นสะเทือน เหมือนแผ่นดินไหวแบบเล็กๆ 


แต่ที่มีโอกาสสร้างแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่าก็คือ การฉีดอัดน้ำเสีย (Wastewater) จากกระบวนการขุดเจาะน้ำมันกลับลงไปใต้ดิน ซึ่งจะอัดลงไปที่ระดับลึกมากเพื่อไม่ให้ปนเปื้อนกับน้ำใต้ดิน ความลึกส่วนใหญ่จะไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากผิวดิน แรงดันสูงของน้ำเสียที่อัดลงไปอาจจะไปกระตุ้นแนวรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกหรือรอยแยกของหินต่างชุดกัน เกิดการขยับเคลื่อนตัว กลายเป็นแผ่นดินไหวขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นทุกครั้งเสมอไป ขึ้นอยู่กับแรงดันของเหลวที่อัดลงไป และตำแหน่ง+ลักษณะทางกายภาพของรอยเลื่อน เฉพาะในปี 2016 มีแผ่นดินไหวลักษณะนี้เกิดขึ้นที่รัฐโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา 3 ครั้ง ความรุนแรงเกินระดับ 5 ทั้งหมด

บทความวิเคราะห์เชิงวิชาการ
https://sustainability.stanford.edu/news/earthquakes-oil-field-wastewater
 
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ (USGS) รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้มากมาย อ่านหมดแล้วรู้สึกว่า USGS มองว่า Fracking มีความเสี่ยงต่ำในการทำให้เกิดแผ่นดินไหว
https://www.usgs.gov/faqs/does-fracking-cause-earthquakes

ในประเทศจีนก็มีการทำ Fracking ในการขุดเจาะน้ำมันเช่นกัน เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2019 มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ที่มณฑลเสฉวน ประเทศจีน ความรุนแรงระดับ 4.9 แต่มีผู้เสียชีวิต 2 คน จากการวิเคราะห์โดยนัก seismologist ชาวฮ่องกง เชื่อได้ว่านี่น่าจะเป็นเคสแรกของการเสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกี่ยวโยงกับการขุดเจาะน้ำมัน  หลังจากเหตุการณ์นั้นในปีเดียวกันมีแผ่นดินไหวที่เสฉวนอีก 3 ครั้ง แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับการขุดเจาะน้ำมันหรือไม่

บทความแบบละเอียดอยู่ตรงนี้ 
https://www.insidescience.org/news/2019-year-fracking-earthquakes-turned-deadly