วันนี้ช่วงเที่ยงถัดจากช่วงเย็นของเมื่อวานสำหรับปัญหาที่หนูได้รับรู้ ตอนนี้หนูรับรู้ว่าคุณแม่ คุณพ่อ คุณยายของหนูกำลังแก้ไขปัญหาอยู่ ตัวหนูเองเป็นลูกคนโต ผู้ซึ่งอยู่เพียงม.ต้น ณ ตอนนี้กำลังรับฟังปัญหาทุกๆอย่างจากทุก 3 ฝ่าย (ฝ่ายที่4 หนูได้ฟังแค่จากปากคนอื่นเท่านั้น)
หนูขอระบายทีนะคะ หนูควรทำอย่างไรต่อดี หนูพอมีทางเลือกให้ตัวเองว่าจะใช้ความสามารถของตัวเองในการหาเงินหรือแบ่งเบาภาระบ้าง สักน้อยก็ยังดี
แต่ณ จุดนี้ที่หนูได้รับรู้ทุกอย่างอยู่ หนูไม่รู้ว่าหนูควรตัดสินยังไง ฝ่ายไหนถูกหรือผิด หนูจะทำอย่างไรได้บ้าง
คร่าวๆ ทั้ง 4 ฝ่าย ไม่มีฝ่ายไหนที่ดีที่สุดหรือถูกที่สุดค่ะ แต่ฝ่ายที่น่าสงสารที่สุดสำหรับหนูคือ คุณพ่อที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของทางบ้านคุณแม่ แล้วตอนนี้ท่านเองก็เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ตอนนี้กำลังรักษาอยู่ค่ะ แต่สถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวหนูโดยเฉพาะเรื่องการเงินที่มันไม่อำนวยเลย หลักๆคือเรื่องหนี้สินค่ะ ที่หนูบอกว่าคุณพ่อน่าสงสารก็เพราะ ท่านไม่ได้สร้าง แต่ท่านยังต้องมาช่วยแก้ปัญหา ช่วยเจรจา ช่วยคุยกับทางบ้านท่านเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับครอบครัวทางแม่หนู ในส่วนของคุณแม่ ท่านชอบเล่นหวยค่ะ เลยทำให้บริหารใช้จ่ายเงินก้อนในอดีตที่เคยได้มา ผิดพลาดไป ทำให้ไม่สามารถแก้หนี้ได้เท่าที่ควรค่ะ หนี้ที่ว่าคือหนี้ของทางคุณตาหนู(ซึ่งตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วนะคะ) คุณแม่ต้องมาแก้ปัญหาให้ (และหนี้สินอีกมากมายที่หนูเองก็ไม่รู้ค่ะ)
แต่ที่หนูรับรู้รายละเอียดได้ขนาดนี้ก็เพราะหนูได้มีโอกาสเปิดใจคุยกับทั้ง 3 ฝ่ายแล้วค่ะ ทางฝั่งคุณยายหนูเอง เพราะท่านรักลูกมาก เลยต้องมาตามเช็ดตามแก้ปัญหาให้กับทั้งลูกคนโตหรือก็คือคุณแม่หนู แล้วก็ลูกคนเล็กซึ่งเป็นน้า จากที่หนูได้นั่งฟังท่านมา ท่านคิดว่าสิ่งที่ตัวท่านทำ ถูกต้องแล้วค่ะ ตัวหนูที่ฟังอยู่ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ดูถูกต้องเสมอไปนะคะที่ท่านทำแบบนั้น ฝ่ายสุดท้ายคือคุณน้าค่ะ ตัวฝ่ายนี้หนูไม่รู้อะไรเลย รู้แค่จากทางปากคุณยายและคุณแม่ คุณน้าทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ เป็นเซลล์ขายคอนโดเงินเดือน2หมื่น แต่ แต่อีกแล้วค่ะ หนูไม่รู้ว่า2หมื่นนั้น คุณน้าบริหารใช้จ่ายยังไง ถึงได้ไม่พอแล้วไปหยิบยืมคนอื่นมา สุดท้ายคุณยายหนูก็ต้องมาแก้ปัญหาให้อีกค่ะ คุณแม่เองก็ด้วย แล้วล่าสุดนี้ เหมือนน้าแกจะมายืมคุณแม่ไปอีกหลักหมื่นค่ะ (เรื่องนี้ยายไม่รู้) คุณแม่เล่าให้หนูฟังเมื่อกี้เลยค่ะ แล้วก็กำชับหนูว่าอย่าบอกยายเด็ดขาด ที่ผ่านมาหนูจะเล่าให้ยายฟังค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะหนูอึดอัดที่ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว หนูไม่รู้ทำไมคุณแม่ถึงห้าม แต่ถ้าให้เดา อาจจะเพราะกลัวคุณยายจะว่าคุณแม่โกหก จริงๆหนูก็รู้นะคะ ว่าคุณแม่ชอบโกหก แบกมันไว้คนเดียว โกหกเพื่อที่จะไม่ต้องให้คนอื่นมาลำบากกับปัญหาตัวเอง หรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะค่ะ แต่คนในบ้านก็รู้ว่าท่านชอบโกหก
แล้ว ณ ตอนนี้ที่หนูกำลังพิมพ์ข้อความเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดเหล่านี้ของหนูอยู่ ทางคุณพ่อกำลังไปคุยกับทางบ้านท่าน ทางคุณยายจัดการธุระของตัวเองอยู่อีกที่หนึ่ง ส่วนคุณแม่พักผ่อนอยู่ มันก็หนักมากๆแหละค่ะ หนี้ทั้งหมดรวมแล้วก็อาจเกือบไปถึงหลักล้านได้ (ยังไม่รวมน้าที่ขอเงินจากทางบ้านเพื่อไปใช้หมุนเงินฝั่งตัวเองนะคะ) เฮ้ออออออหนูอึดอัดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณแม่บอกว่าต่อจากนี้หนูต้องทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ให้หนูตั้งใจเรียนแล้วดูแลน้องไป แต่หนูก็ไม่เด็กแล้วนะคะ หนูก็มีหูมีหัวที่พอจะรับรู้ว่าปัญหาตรงนี้ที่เจออยู่มันหนักหน่วงขนาดไหน แต่หนูทำอะไรได้ล่ะ เฮ้อออออ
อึดอัดอีกแล้ว ขอพิมพ์เป็นตัวหนังสือระบายออกมาหน่อยนะคะ
หนูขอระบายทีนะคะ หนูควรทำอย่างไรต่อดี หนูพอมีทางเลือกให้ตัวเองว่าจะใช้ความสามารถของตัวเองในการหาเงินหรือแบ่งเบาภาระบ้าง สักน้อยก็ยังดี
แต่ณ จุดนี้ที่หนูได้รับรู้ทุกอย่างอยู่ หนูไม่รู้ว่าหนูควรตัดสินยังไง ฝ่ายไหนถูกหรือผิด หนูจะทำอย่างไรได้บ้าง
คร่าวๆ ทั้ง 4 ฝ่าย ไม่มีฝ่ายไหนที่ดีที่สุดหรือถูกที่สุดค่ะ แต่ฝ่ายที่น่าสงสารที่สุดสำหรับหนูคือ คุณพ่อที่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาของทางบ้านคุณแม่ แล้วตอนนี้ท่านเองก็เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ตอนนี้กำลังรักษาอยู่ค่ะ แต่สถานการณ์ปัจจุบันของครอบครัวหนูโดยเฉพาะเรื่องการเงินที่มันไม่อำนวยเลย หลักๆคือเรื่องหนี้สินค่ะ ที่หนูบอกว่าคุณพ่อน่าสงสารก็เพราะ ท่านไม่ได้สร้าง แต่ท่านยังต้องมาช่วยแก้ปัญหา ช่วยเจรจา ช่วยคุยกับทางบ้านท่านเพื่อหาทางแก้ปัญหาให้กับครอบครัวทางแม่หนู ในส่วนของคุณแม่ ท่านชอบเล่นหวยค่ะ เลยทำให้บริหารใช้จ่ายเงินก้อนในอดีตที่เคยได้มา ผิดพลาดไป ทำให้ไม่สามารถแก้หนี้ได้เท่าที่ควรค่ะ หนี้ที่ว่าคือหนี้ของทางคุณตาหนู(ซึ่งตอนนี้ท่านไม่อยู่แล้วนะคะ) คุณแม่ต้องมาแก้ปัญหาให้ (และหนี้สินอีกมากมายที่หนูเองก็ไม่รู้ค่ะ)
แต่ที่หนูรับรู้รายละเอียดได้ขนาดนี้ก็เพราะหนูได้มีโอกาสเปิดใจคุยกับทั้ง 3 ฝ่ายแล้วค่ะ ทางฝั่งคุณยายหนูเอง เพราะท่านรักลูกมาก เลยต้องมาตามเช็ดตามแก้ปัญหาให้กับทั้งลูกคนโตหรือก็คือคุณแม่หนู แล้วก็ลูกคนเล็กซึ่งเป็นน้า จากที่หนูได้นั่งฟังท่านมา ท่านคิดว่าสิ่งที่ตัวท่านทำ ถูกต้องแล้วค่ะ ตัวหนูที่ฟังอยู่ก็รู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ดูถูกต้องเสมอไปนะคะที่ท่านทำแบบนั้น ฝ่ายสุดท้ายคือคุณน้าค่ะ ตัวฝ่ายนี้หนูไม่รู้อะไรเลย รู้แค่จากทางปากคุณยายและคุณแม่ คุณน้าทำงานที่ต่างจังหวัดค่ะ เป็นเซลล์ขายคอนโดเงินเดือน2หมื่น แต่ แต่อีกแล้วค่ะ หนูไม่รู้ว่า2หมื่นนั้น คุณน้าบริหารใช้จ่ายยังไง ถึงได้ไม่พอแล้วไปหยิบยืมคนอื่นมา สุดท้ายคุณยายหนูก็ต้องมาแก้ปัญหาให้อีกค่ะ คุณแม่เองก็ด้วย แล้วล่าสุดนี้ เหมือนน้าแกจะมายืมคุณแม่ไปอีกหลักหมื่นค่ะ (เรื่องนี้ยายไม่รู้) คุณแม่เล่าให้หนูฟังเมื่อกี้เลยค่ะ แล้วก็กำชับหนูว่าอย่าบอกยายเด็ดขาด ที่ผ่านมาหนูจะเล่าให้ยายฟังค่อนข้างบ่อยค่ะ เพราะหนูอึดอัดที่ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้คนเดียว หนูไม่รู้ทำไมคุณแม่ถึงห้าม แต่ถ้าให้เดา อาจจะเพราะกลัวคุณยายจะว่าคุณแม่โกหก จริงๆหนูก็รู้นะคะ ว่าคุณแม่ชอบโกหก แบกมันไว้คนเดียว โกหกเพื่อที่จะไม่ต้องให้คนอื่นมาลำบากกับปัญหาตัวเอง หรืออะไรก็ไม่รู้ล่ะค่ะ แต่คนในบ้านก็รู้ว่าท่านชอบโกหก
แล้ว ณ ตอนนี้ที่หนูกำลังพิมพ์ข้อความเพื่อระบายความรู้สึกอึดอัดเหล่านี้ของหนูอยู่ ทางคุณพ่อกำลังไปคุยกับทางบ้านท่าน ทางคุณยายจัดการธุระของตัวเองอยู่อีกที่หนึ่ง ส่วนคุณแม่พักผ่อนอยู่ มันก็หนักมากๆแหละค่ะ หนี้ทั้งหมดรวมแล้วก็อาจเกือบไปถึงหลักล้านได้ (ยังไม่รวมน้าที่ขอเงินจากทางบ้านเพื่อไปใช้หมุนเงินฝั่งตัวเองนะคะ) เฮ้ออออออหนูอึดอัดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คุณแม่บอกว่าต่อจากนี้หนูต้องทำเป็นไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ให้หนูตั้งใจเรียนแล้วดูแลน้องไป แต่หนูก็ไม่เด็กแล้วนะคะ หนูก็มีหูมีหัวที่พอจะรับรู้ว่าปัญหาตรงนี้ที่เจออยู่มันหนักหน่วงขนาดไหน แต่หนูทำอะไรได้ล่ะ เฮ้อออออ