(มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วน)
The Strangers: Chapter 1 คือการรีบูตจักรวาล “คนแปลกหน้าไล่เชือด” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในภาคแรกอย่าง The Strangers ในปี 2008 กับคอนเซ็ปต์การถูกไล่เชือดโดยคนแปลกหน้าอย่างไร้เหตุผล และต่อมาในปี 2018 กับภาค Prey at Night ที่อาจจะเรียกได้ว่า “กินบุญเก่าหมดไปแล้ว” ซึ่งถูกสับเละจากคนดูและนักวิจารณ์ส่วนรายได้ก็หล่นฮวบไปอย่างน่าใจหายเช่นกัน
.
ความแปลกใหม่ของการรีบูตครั้งนี้อยู่ที่ผู้กำกับอย่าง เรนนี ฮาร์ลิน (Renny Harlin) จาก Die Hard 2 และ A Nightmare on Elm Street 4 เลือกที่จะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 3 ภาค (3 Chapter) ซึ่งนับว่ากล้าหาญและมีเสี่ยงไม่น้อย เพราะพล็อตของ The Strangers แทบไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องราวให้ผู้ชมได้ติดตามเลย อย่าว่าแต่ 3 ภาค สร้างภาคเดียวให้สนุกก็นับว่ายากแล้ว (ดูได้จากความล้มเหลวในภาคที่แล้ว) คาดว่าตัวเขาคงมีเรื่องที่จะเล่ามากถึงขนาดที่ทำเป็นภาพยนตร์ไตรภาคได้ขนาดนี้
.
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ใน Chapter แรกนั้นเปรียบเสมือนการภายเรือในอ่างที่แทบไม่มีอะไรสดใหม่เลยแม้แต่น้อยตลอด 91 นาทีของเรื่อง มันคือการทำซ้ำที่ไม่รู้จะอ้างว่า เป็นการทำเพื่อเคารพต้นฉบับหรือเพื่ออะไร แต่สิ่งที่คู่รักในเรื่องอย่างมายาและไรอัน (รับบทโดย แมเดอเลน เพตซ์ และ ฟรอย กูเตียร์เรซ) ต้องเจอ ก็แทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คู่รักในภาคแรกอย่างคริสเตนและเจมส์ (ลิฟ ไทเลอร์ และ สก็อตต์ สปีดแมน) ต้องเจอเลยแถมยังดูน่าเบื่อกว่าอีกในแง่ของความระทึก
.
คนแปลกหน้าภายใต้หน้ากากทั้งสาม Man in Mask, Dollface และ Pin-Up Girl ยังคงกลับมาเช่นเคย พร้อมๆ กับจังหวะ “หลอกล่อ” และ “ล่าเหยื่อ” แบบเดิมๆ อย่างการปรากฏตัวแว่บไปแว่บมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย บวกกับความเซ่อซ่าของตัวเหยื่อที่แม้จะพยายามฉลาดแล้ว แต่ก็ยังมีพลังงานลึกลับอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาตัดสินใจและเลือกทางที่ “ฉลาดน้อย” ออกมาอยู่เสมอ ซึ่งก็ชวนให้ส่ายหัวอยู่ตลอด และถ้าคุณจะเดาก็เดาไม่ยากว่าชะตากรรมของมายาและไรอันเป็นอย่างไร
.
สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการที่หนังบทแรกนี้ทำตัวเป็นเพียงแค่ “ฉากแรก” หรือจะบอกว่า The Strangers: Chapter 1 ทั้งเรื่อง คือ การเล่าเรื่องเพื่อเกริ่นนำไปสู่บทต่อไปเท่านั้น โดยแทบจะไม่มีการให้คำตอบหรือให้บทสรุปของอะไรทั้งนั้น มีเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคู่รักดวงซวยที่เพราะ “มาที่นี่” จึงถูกเชือดเท่านั้น
.
ยังข้องใจว่าผู้กำกับ เรนนี ฮาร์ลิน มั่นใจกับส่วนที่เหลือมากถึงขนาดกล้าปล่อย “โหมโรง” แบบนี้ออกมา ซึ่งเอาตามจริงสิ่งที่เล่ามาทั้งเรื่องสามารถขมวดได้เป็นองค์แรกของหนังเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องมาแบ่งเป็น 3 ภาคให้วุ่นวายเลย เพราะตัวพล็อตคนแปลกหน้าไล่เชือดมันแทบไม่มีพลังอะไรอีกแล้ว
.
หากคาดเดาถึงบทต่อไปก็คงเป็นเรื่องที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ตามบทสัมภาษณ์ที่ตัวผู้กำกับให้เอาไว้ว่า “นี่จะเป็นภาพยนตร์ที่พลิกโฉมหน้าวงการสยองขวัญอย่างแท้จริง” ส่วนทิศทางของเรื่องนั้นก็พอจะสังเกตได้จากคำใบ้ที่อยู่ในภาคแรกนี้ เช่น ความไม่ชอบมาพากลของผู้คนในเมืองที่ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างอยู่ หรือ ความสัมพันธ์แปลกๆ ของ 3 หน้ากาก รวมถึงการตอบคำถามว่า “ทามาร่า” คือใคร ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยบทที่ 2 จะฉายในช่วงฮาโลวีนของปีนี้ และบทสุดท้ายจะฉายช่วงต้นปีหน้า
Story Decoder
[รีวิว] The Strangers: Chapter 1 - ปฐมบทไตรภาคความสยองที่เปิดตัวมาแบบซ้ำซากและไร้เอกลักษณ์
The Strangers: Chapter 1 คือการรีบูตจักรวาล “คนแปลกหน้าไล่เชือด” ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในภาคแรกอย่าง The Strangers ในปี 2008 กับคอนเซ็ปต์การถูกไล่เชือดโดยคนแปลกหน้าอย่างไร้เหตุผล และต่อมาในปี 2018 กับภาค Prey at Night ที่อาจจะเรียกได้ว่า “กินบุญเก่าหมดไปแล้ว” ซึ่งถูกสับเละจากคนดูและนักวิจารณ์ส่วนรายได้ก็หล่นฮวบไปอย่างน่าใจหายเช่นกัน
.
ความแปลกใหม่ของการรีบูตครั้งนี้อยู่ที่ผู้กำกับอย่าง เรนนี ฮาร์ลิน (Renny Harlin) จาก Die Hard 2 และ A Nightmare on Elm Street 4 เลือกที่จะแบ่งเรื่องราวออกเป็น 3 ภาค (3 Chapter) ซึ่งนับว่ากล้าหาญและมีเสี่ยงไม่น้อย เพราะพล็อตของ The Strangers แทบไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องราวให้ผู้ชมได้ติดตามเลย อย่าว่าแต่ 3 ภาค สร้างภาคเดียวให้สนุกก็นับว่ายากแล้ว (ดูได้จากความล้มเหลวในภาคที่แล้ว) คาดว่าตัวเขาคงมีเรื่องที่จะเล่ามากถึงขนาดที่ทำเป็นภาพยนตร์ไตรภาคได้ขนาดนี้
.
ผลลัพธ์ที่ได้คือ ใน Chapter แรกนั้นเปรียบเสมือนการภายเรือในอ่างที่แทบไม่มีอะไรสดใหม่เลยแม้แต่น้อยตลอด 91 นาทีของเรื่อง มันคือการทำซ้ำที่ไม่รู้จะอ้างว่า เป็นการทำเพื่อเคารพต้นฉบับหรือเพื่ออะไร แต่สิ่งที่คู่รักในเรื่องอย่างมายาและไรอัน (รับบทโดย แมเดอเลน เพตซ์ และ ฟรอย กูเตียร์เรซ) ต้องเจอ ก็แทบไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่คู่รักในภาคแรกอย่างคริสเตนและเจมส์ (ลิฟ ไทเลอร์ และ สก็อตต์ สปีดแมน) ต้องเจอเลยแถมยังดูน่าเบื่อกว่าอีกในแง่ของความระทึก
.
คนแปลกหน้าภายใต้หน้ากากทั้งสาม Man in Mask, Dollface และ Pin-Up Girl ยังคงกลับมาเช่นเคย พร้อมๆ กับจังหวะ “หลอกล่อ” และ “ล่าเหยื่อ” แบบเดิมๆ อย่างการปรากฏตัวแว่บไปแว่บมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย บวกกับความเซ่อซ่าของตัวเหยื่อที่แม้จะพยายามฉลาดแล้ว แต่ก็ยังมีพลังงานลึกลับอะไรบางอย่างทำให้พวกเขาตัดสินใจและเลือกทางที่ “ฉลาดน้อย” ออกมาอยู่เสมอ ซึ่งก็ชวนให้ส่ายหัวอยู่ตลอด และถ้าคุณจะเดาก็เดาไม่ยากว่าชะตากรรมของมายาและไรอันเป็นอย่างไร
.
สิ่งที่น่าเกลียดที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการที่หนังบทแรกนี้ทำตัวเป็นเพียงแค่ “ฉากแรก” หรือจะบอกว่า The Strangers: Chapter 1 ทั้งเรื่อง คือ การเล่าเรื่องเพื่อเกริ่นนำไปสู่บทต่อไปเท่านั้น โดยแทบจะไม่มีการให้คำตอบหรือให้บทสรุปของอะไรทั้งนั้น มีเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นกับคู่รักดวงซวยที่เพราะ “มาที่นี่” จึงถูกเชือดเท่านั้น
.
ยังข้องใจว่าผู้กำกับ เรนนี ฮาร์ลิน มั่นใจกับส่วนที่เหลือมากถึงขนาดกล้าปล่อย “โหมโรง” แบบนี้ออกมา ซึ่งเอาตามจริงสิ่งที่เล่ามาทั้งเรื่องสามารถขมวดได้เป็นองค์แรกของหนังเลยด้วยซ้ำ ไม่จำเป็นต้องมาแบ่งเป็น 3 ภาคให้วุ่นวายเลย เพราะตัวพล็อตคนแปลกหน้าไล่เชือดมันแทบไม่มีพลังอะไรอีกแล้ว
.
หากคาดเดาถึงบทต่อไปก็คงเป็นเรื่องที่ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ตามบทสัมภาษณ์ที่ตัวผู้กำกับให้เอาไว้ว่า “นี่จะเป็นภาพยนตร์ที่พลิกโฉมหน้าวงการสยองขวัญอย่างแท้จริง” ส่วนทิศทางของเรื่องนั้นก็พอจะสังเกตได้จากคำใบ้ที่อยู่ในภาคแรกนี้ เช่น ความไม่ชอบมาพากลของผู้คนในเมืองที่ดูเหมือนจะมีความลับบางอย่างอยู่ หรือ ความสัมพันธ์แปลกๆ ของ 3 หน้ากาก รวมถึงการตอบคำถามว่า “ทามาร่า” คือใคร ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดยบทที่ 2 จะฉายในช่วงฮาโลวีนของปีนี้ และบทสุดท้ายจะฉายช่วงต้นปีหน้า
Story Decoder