10+(1) หนังฆาตกรโรคจิตสวมหน้ากาก ที่คุณไม่ควรพลาด


Masked Killer เป็นลิสต์ที่มีการพูดถึงฆาตกรโรคจิตที่สวมหน้ากาก ด้วยเหตุผลบางประการโดยบางรายก็ใช้เพื่อเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณเเห่งความชั่วร้าย หรือบางรายใช้เพื่อปกปิดตัวตน ซึ่งเป็นการต่อยอดเนื้อหาเพื่อขายความลึกลับในการสืบหาตัวตนแท้จริงของฆาตกร
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

10. The Purge (2013)

ต้องบอกว่าในปัจจุบันหนังชุด The Purge ได้กลายเป็นหนังฆาตกรโรคจิตยอดนิยม และค่อยๆขยายสเกลของเนื้อหาจนมีภาคต่อด้วยกัน 3 ภาค ซึ่งความดีความชอบต้องย้อนกลับไปที่ต้นกำเนิดของมันในปี 2013 กับไอเดียสุดสร้างสรรค์เมื่อรัฐบาลกำหนดให้วันหนึ่งของแต่ละปีเป็นวันชำระบาป ที่ผู้คนสามารถปล้น ฆ่า ก่ออาชญากรรมโดยไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งในภาคนี้ได้โฟกัสไปที่ครอบครัวหนึ่งที่ถูกคุกคามจากกลุ่มคนใส่หน้ากากคนยิ้มที่มีนัยยะสะท้อนสังคมสมัยนี้ว่าผู้คนมักใส่หน้ากากเข้าหากัน ต่อหน้าแสดงอย่างหนึ่งแต่ลับหลังอีกอย่างหนึ่ง จึงเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อใจใครสักคน ขณะที่ตัวหนังก็เล่าในรูปแบบ home Invasion ที่แม้ตัวบทจะมีจุดไม่สมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่ก็ถูกทดแทนด้วยความสนุกจากจังหวะการไล่ล่า ชิงไหวชิงพริบได้เป็นอย่างดี








9. The Strangers (2008)

กลุ่มหนังเชือดหรือหนังที่มีฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าคนหลายเรื่องมักทิ้งเหตุผลของการกระทำไว้เป็นปริศนา ผู้ชมส่วนใหญ่จึงพยายามตั้งสมมติฐานด้วยเหตุและผล ทั้งอาการทางจิตหรือความแค้นส่วนตัว แต่สำหรับอาชญากรบางคนอาจไม่ต้องการสิ่งที่มีเหตุผล เพราะแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องสนุก นี่แหละคือตัวตนของฆาตกรสวมหน้ากากใน The Strangers ที่ทำการบุกรุกบ้านคู่รักคู่หนึ่งที่ตั้งอยู่ห่างไกลผู้คน โดยหนังเริ่มจากสร้างสถานการณ์ผิดปกติบางอย่างให้เกิดขึ้นในบ้านเพื่อสร้างความไม่น่าไว้วางใจ ก่อนเข้าสู่โหมดแมวไล่จับหนูเพื่อขายความระทึกขวัญ ความตึงเครียดอย่างเต็มรูปแบบ








8. Alice Sweet Alice (1976)

อาจเรียกว่าเป็นอิทธิพลจาก The Texas Chain Saw Massacre ก็เป็นได้ที่ทำให้หนังฆาตกรโรคจิตเรื่องนี้ใส่ความโหด ฉากน่ากลัวเข้ามาไม่น้อย ทั้งที่ตัวหนังมุ่งประเด็นโดยตรงไปที่เด็กและครอบครัวเพื่อบอกถึงปัญหาการเลี้ยงลูกและผลกระทบจากการขาดความใส่ใจ ทั้งยังมุ่งสำรวจเรื่องความเชื่อและความศรัทธาศาสนาในรูปแบบที่ผิดๆ โดยพล็อตว่าด้วยพี่น้องคู่หนึ่งที่พ่อแม่ดูจะรักและใส่ใจคนเป็นน้องมากกว่าตัวพี่ ฝั่งคนเป็นก็พี่เกิดอาการเก็บกดและกลายเป็นปมที่ฝังอยู่ในใจ กระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุฆาตกรรมสุดโหดกับน้องสาวเธอ แน่นอนว่าคนเป็นพี่กลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลัก และนี่ก็คือความสนุกอีกอย่างหนึ่งของหนังในการลุ้นว่าใครกันแน่ที่เป็นฆาตกรภายใต้เสื้อคลุมฝนสีเหลืองและสวมหน้ากากสุดหลอน








7. My Bloody Valentine (1981)

วันหรือเทศกาลพิเศษมักถูกเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ความชั่วร้ายและสิ่งเร้นลับต่างๆ และบ่อยครั้งเรื่องราวจะถูกอ้างอิงในหนัง อาทิเช่น Friday the 13th และ Halloween ที่ต่อมากลายเป็นตำนานของหนังสยองขวัญ ซึ่งทาง Stephen A. Miller มือเขียนบทก็มองเห็นแนวทางเหล่านี้ จึงสร้างฆาตกรโรคจิตที่สวมชุดคนงานเหมืองและมีปมความแค้นจากเรื่องราวในวันวาเลนไทน์ เมื่ออุบัติเหตุจากเเก๊สระเบิดได้คร่าชีวิตคนงานเหมืองและมีผู้รอดชีวิตหนึ่งคนที่ต่อมาได้กลายเป็นคนบ้าไล่ฆ่าคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ พร้อมลั่นวาจาว่าหากเมืองนี้จัดงานวาเลนไทน์ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่เขาจะกลับมาอีกครั้ง และแน่นอนว่าวันนั้นก็มาถึง








6. The Collector (2009)

เมื่อโจรย่องเบาต้องมาพบกับฆาตกรโรคจิตสุดโหด ต้องบอกว่านี่คือหนังที่มีความสร้างสรรค์ในการเขียนบทอยู่พอสมควร อย่างการเซ็ทฆาตกรโรคจิตให้เป็นคนบึกบึนร่างยักษ์ แต่กลับไม่ใช้ประโยชน์ในแง่ของพละกำลัง ถืออาวุธวิ่งไล่ซัดเหยื่ออย่างบ้าเลือดเหมือนหนังแนวนี้ทั่วๆไป แต่กลับใช้มันสมองของฆาตกรในการเนรมิตพื้นที่ภายในบ้านหลังหนึ่งให้กลายเป็นสถานที่ปิดตายซึ่งเต็มไปด้วยกับดักสุดอันตราย ซึ่งความสนุกของหนังจะเป็นการที่คนดูต้องเอาช่วยตัวละคร(โจรหนุ่ม)ให้หลบหลีก รอดพ้นจากกับดักที่ถูกวางไว้ และที่สำคัญคือต้องไม่ให้ถูกฆาตกรจับตัวได้








5. Friday the 13th (1980)

หากใครเป็นแฟนหนังสยองขวัญคงไม่มีใครไม่รู้จัก Jason Voorhees ฆาตกรหน้ากากฮ็อกกี้เจ้าของตระกูลหนังศุกร์สิบสาม อย่างในภาคนี้ที่นับเป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวทั้งหมด ที่หนังได้ซ่อนปม แรงจูงใจในการกระทำต่างๆของตัวฆาตกรไว้เพื่อเป็นคำอธิบายทางเหตุและผลในการต่อยอดภาคต่อๆไป ส่วนเรื่องความโหด ความสยอง หนังจัดเต็มแทบตลอดทั้งเรื่องเรียกได้ว่าโหดไม่แพ้แม่แบบหนังเชือดอย่าง The Texas Chain Saw Massacre แต่ความพิเศษจริงๆของหนังก็คงในเรื่องอิทธิพลการสร้างขนบธรรมเนียมของหนังเชือดที่มีตัวละครนำเป็นเหล่าวัยรุ่นที่เซ็ทภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าการพาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์แบบไหนจะสุ่มเสี่ยงต่อการถูกฆ่า หรือลักษณะคนแบบไหนมักตายก่อนตายหลัง และคนแบบไหนมักถูกเลือกให้รอดชีวิต








4. You're Next (2011)

ปกติพล็อตแนวกลุ่มคนมารวมตัวกันในคืนสังสรรค์ มักถูกใช้ในหนังสืบสวน whodunit หรือหนังสยองขวัญบ้านผีสิงยุคเก่าอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หนังเรื่องนี้พิเศษที่เอาจุดเด่น 2 สองรูปแบบนี้มาผสมรวมกัน กลายเป็นหนังเชือดที่มีฆาตกรโรคจิตทำการปิดตายบ้าน ค่อยๆไล่ฆ่าคนในบ้านด้วยวิธีอันโหดเหี้ยม และที่สำคัญภายใต้ของความระทึกขวัญที่จัดเต็มแบบนอนสต็อป หนังก็ยังขายความลึกลับ โดยให้คนดูได้เกิดการคาดเดา ชวนคิดว่าเหล่าฆาตกรที่สวมหน้ากากสัตว์ป่าเหล่านั้นคือใคร และมีเหตุจูงใจอะไรที่ทำเช่นนั้น








3. Scream (1996)

ถ้ามองย้อนไปก่อนเข้าช่วง ค.ศ. 2000 อาจบอกได้ว่า Scream น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกที่นำธรรมเนียมปฏิบัติของหนังสยองขวัญเรื่องก่อนๆมาล้อและตลบหลังผู้ชมได้อย่างแสบสันมากที่สุด โดยเซ็ทตัวเป็นหนังเชือดในลักษณะฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่าคน และเพิ่มมิติตัวฆาตกรโดยใส่หน้ากากเพื่อเสริมความลึกลับ ความน่ากลัว และที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุฆาตกรรม ตัวฆาตกรมักแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนเพื่อท้าทายการคาดเดาและการไขปริศนาของคนดูแบบหนังสืบสวน whodunit ซึ่งชัดเจนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะคนเขียนบทดูจะศึกษาหลักต่างๆที่เคยถูกใช้ในหนังฆาตกรโรคจิตมาเป็นอย่างดี พยายามเซ็ทเรื่องราวให้ดูสดใหม่ รู้ว่าจังหวะไหนควรหลอกชั้นเดียวและจังหวะไหนควรตลบหลังซ้ำ








2. The Texas Chain Saw Massacre (1974)

ยุค 70 นับเป็นยุคทองของหนังสยองขวัญอย่างแท้จริง มีการกำเนิดของหนังขึ้นหิ้งมากมายอาทิเช่น Suspiria, Carrie, Alien, The Exorcist และที่ขาดไม่ได้คือ The Texas Chain Saw Massacre ที่บอกได้เลยว่าเป็นต้นกำเนิดของแนวทางหนังเชือด หรือพล็อตแนวฆาตกรโรคจิตไล่ฆ่ากลุ่มวัยรุ่น โดยจุดเด่นอยู่ที่การถ่ายทำที่มอบอารมณ์แบบดิบๆทั้งมุมกล้อง และงานภาพแบบหนังยุโรปทุนต่ำในยุคปัจจุบัน รวมถึงองค์ประกอบศิลป์โดยเฉพาะการจัดฉากที่อยู่ของฆาตกรที่ช่วยเสริมความลึกลับ ความน่ากลัวได้ดี กับพล็อตที่เรียบง่ายว่าด้วยการเดินทางแบบโรดทริปของกลุ่มวัยรุ่น 5 คนที่อยู่ๆได้มาพบกับบ้านหลังหนึ่งและถูกฆาตกรโรคจิตสวมหน้ากากไล่ฆ่า








1. Halloween (1978)

เชื่อว่าผู้กำกับ John Carpenter คงมองเห็นจุดด้อยบางอย่างที่เกิดขึ้นจากหนังเชือดของ Tobe Hooper อย่างเรื่อง The Texas Chain Saw Massacre ที่ถูกยกย่องว่าเป็นต้นแบบของหนังแนวนี้ โดยส่วนของ Halloween ดูจะมีการเล่าที่น่าสนใจกว่า ทั้งในแง่การสร้างแบ็คกราวน์ที่น่าหวาดกลัวของตัวฆาตกรและสถานที่ แล้วค่อยๆบิ้วท์ด้วยสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจโดยสร้างมุมมองของตัวละครที่เหมือนถูกสะกดรอยหรือถูกซุ่มมอง ก่อนจะปรับสู่โหมดการฆ่าที่ไม่ใช่การวิ่งไล่ฆ่าอย่างบ้าระห่ำแบบหนัง Tobe Hooper แต่เป็นการฆ่าที่ค่อนข้างเงียบเชียบ ลึกลับ ค่อยๆไล่เก็บทีละคน จึงเกิดเป็นความลุ้นระทึก ความตื่นตระหนกอยู่ตลอดเวลาว่าฆาตกรจะปรากฏตัวมาตอนไหนและรูปแบบไหน







+(1) หนังเเนะนำ The Strangers: Prey at Night (2018)
(เข้าฉายในไทยฉาย 24 พฤษภาคมนี้)


ผ่านมา 10 ปีหลังการถือกำเนิดหนังเชือดสุดโหดที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของคดี The Keddie Murders ที่เกิดขึ้นในปี 1981 ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนับเป็นวัตถุดิบชั้นยอดในหนังสยองขวัญที่ทางBryan Bertino นำมาสร้างสรรค์ให้ดูน่ากลัว ชวนผวา ไม่ต่างไปจากภาพสะท้อนของเรื่องจริง และแน่นอนว่าหนังได้กลายเป็นที่กล่าวขวัญกันมากในหมู่หนังสยองขวัญ จนกระทั่งในปีนี้ Johannes Roberts ได้นำไอเดียดังกล่าวมาต่อยอดและสร้างภาคต่อที่ใช้ชื่อว่า The Strangers: Prey at Night โดยเล่าถึงครอบครัวที่อยู่ในช่วงพักร้อนและถูกคุกคามจากกลุ่มคนใส่หน้ากาก ซึ่งหนังก็ยังคงจุดเด่นจากภาคก่อนในการค่อยๆบิวท์คนดู ด้วยการสร้างบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจ ก่อนเข้าคุกคามและจู่โจมเหยื่อด้วยความเกรี้ยวกราด สำหรับคนที่เป็นแฟนหนังของ The Strangers หรือชอบหนังสยองขวัญโหดๆอยู่แล้ว ก็ชัดเจนว่าคุณไม่ควรพลาดหนังเรื่องนี้

ตัวอย่างซับไทย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ.
.
.
.
.
.
.

ทวิตเตอร์เพจ @Review_Me_ พูดคุยหนังเเละซีรีส์



ขออนุญาตฝากเพจนะครับ

https://www.facebook.com/Criticalme



เเละขออนุญาตฝากไอจีเพจด้วยนะครับ @review_me__
เป็นพื้นที่สำหรับรีวิวหนังสือนิยายต่างๆโดยเฉพาะแนวสืบสวน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่