นี่คือเรื่องจริงของหญิงคนหนึ่ง ที่ถ่ายทอดให้ผมฟัง ฟังแล้วรู้สึกสลดใจมาก และ คงเป็นข้อเตือนใจให้กับพ่อแม่ ผู้ปกครอง คอยสอดส่อง ป้องกัน และเชื่อว่า หลายคนที่เคยพบกับเหตุแบบนี้ ก็น่าจะมาจาก"คนใกล้ตัว" เช่นเดียวกัน
เหตุเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบ เธอเป็นเด็กน้อยที่สดใส เรียนดี มีกิจกรรมมากมาย ถือเป็นดาวเด่นของโรงเรียนประจำจังหวัดก็ว่าได้ ในช่วงปิดเทอมตอนนั้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เดินทางมาอยู่ด้วยเป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เขาคือพี่ชายอายุโตกว่าเธอ 4 ปี กำลังวัยรุ่น เขามักจะมาพำนักด้วยแบบนี้เรื่อยๆ ทั้งสองสนิทสนม เล่นเที่ยวด้วยกันมาตั้งแต่เธอจำความได้ ในสายตาของเธอ เขาคือพี่ชายคนเก่ง เรียบร้อย เรียนดี ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่า เธอจะต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย ที่ฝังตราบาปในชีวิตจากปิดเทอมที่เธอไม่มีทางลืมนี้
ครอบครัวขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ น้องชาย และ ยาย ป้า ลุง ที่อยู่รวมกันบนพื้นที่ขนาดใหญ่ แยกเรือนไว้หลายๆหลัง ทำให้ เธอ น้องชาย และ ลูกพี่ลูกน้องพี่จากเมืองกรุงคนนี้ มีเวลาแยกตัวไปเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งปีนต้นไม้ เข้าสวน อ่านหนังสืออ่านเล่น แม้กระทั่ง การนอน อาบน้ำ ที่ เด็กทั้งสาม แยกเรือนมานอนออกห่างจากตัวบ้านของยาย และ คนละหลังกับพ่อแม่ของเธอ
ห้องอาบน้ำของบ้านหลังหลัก เป็นแบบห้องกว้าง มีอ่างคอนกรีตขนาดใหญ่ ใช้ขันตักอาบ ซึ่ง ความทรงจำที่เลวร้าย เริ่มต้นจาก พี่ชายคนนี้ ชวนเธอเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ซึ่งแม้ว่าเธอจะเขินอาย แต่ก็ไม่ได้ขัด จัดแจงถอดเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำ โดยเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของพี่ชายท ี่เป็นวัยรุ่นเต็มตัว ซึ่งในโอกาสนั้นเอง ที่พี่ชายคนนี้ บอกให้เธอกับเขาผลัดกันถูสบู่ให้แก่กัน ตามส่วนต่างๆ เธอ รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง แต่เมื่อลงมือไปแล้ว ความสนุกสนาน หัวเราะ จั๊กกะจี้ ทำให้เธอลืมความเขินอาย ที่สำคัญ พี่คนนี้ก็บอกว่า ต่างก็เห็นของกันและกัน ถือว่า เจ๊ากันแล้ว
นี่คือ เพียงบทเริ่มของประสบการณ์ร้ายๆเท่านั้น ยามค่ำคืน ทั้งสาม นอนอยู่ในเรือนด้วยกัน กางมุ้งขาวหลังใหญ่ โดยเธอนอนกลางระหว่างน้องชายและลูกพี่ลูกน้อง กลางดึก เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งจั๊กกะจี้ ปนความร็สึกที่ไม่สามารถบอกได้ เหมือนว่า พี่เขา กำลังแกล้งเธออยู่ แต่เธอก็นอนนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ในความรู้สึกจั๊กกะจี้นั้น มันก็มีความรู้สึกแปลกๆที่ระคนไป เธอหาคำตอบอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนเฉยนิ่งอยู่อย่างนั้น และ หลับไป
ในคืนต่อๆมา ทุกคืน ยามดึก ไม่รู้ว่ามันคือเวลาเท่าไหร่ แต่เธอจะรู้สึกตื่นขึ้นมา พร้อมกับ ความรู้สึกยุกยิกๆแปลกๆ จากมือของลูกพี่ลูกน้องคนนั้น กำลังสาละวนอยู่กับเป้ากางเกงของเธอ จากนอกกางเกง ผ่านไปวันแล้ว วันเล่า ก็เข้าไปภายในกางเกงของเธอ เธอยิ่งร็สึกจั๊กกะจี้ และ รู้สึกแปลก เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในความตระหนกนั้น มันก็เป็นความรู้สึกสบายๆ เพลิน ไปกับการกระทำนั้น
ผ่านไปสัปดาห์แรก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นชินกับการกระทำรอบดึก เธอรับรู้แค่ มันคือการแกล้งเธอให้จั๊กกะจี้ เสียวสบาย เพราะทุกๆครั้ง เมื่อผ่านไปสักระยะ ลูกพี่ลูกน้องก็จะดึงมือออกไป ปล่อยให้เธอหลับต่อ
สัปดาห์ที่สองนี้เอง ที่มันเริ่มหนักข้อขึ้นมากว่าเก่า จากที่มือมาแกล้งเธอ คราวนี้ เขาดึงกางเกงของเธอลง จากมือเดียว ก็เป็นสองมือ จากมือ ก็กลายเป็นใบหน้า จมูก และปาก ที่กำลังแกล้งให้เธอจั๊กกะจี้ ซึ่ง มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกจนบอไม่ถูก เธอไม่กล้าที่จะขัดขืน ปล่อยไปเช่นนั้น ขนเธอเริ่มรู้สึกสบายกว่าเก่า กลายเป็นว่า เพลินไปกับการเล่นนั้นไปด้วย ทุกคืนนับแต่นั้น จนเขากลับไป เธอก็จะนอนหลับอย่างสบายหลังจากโดนแกล้ง กับความร็สึกเหมือนฉี่ราด และ ใส่กางเกงนอน ทั้งความชื้นนั้น
เธอค่อยๆโตขึ้น โดยจำความรู้สึกนั้นไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ จนวันที่เธอย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดกับเธอคืออะไร เธอถูกกระทำล่วงเกินอย่างไร แม้ว่า เธอจะโชคดีกว่าเหยื่ออีกมากมาย ที่ การล่วงเกินนี้ หยุดไว้เพียงเท่านั้น และ นับจากที่เธอรู้ความ เธอก็ไม่เคยไปนอนร่วมมุ้งกับลูกพี่ลูกน้องยามที่เขามาพำนักด้วยอีกเลย เธอกลับไปนอนในห้องของเธอ ในบ้านของพ่อแม่เธอ ปล่อยให้เขานอนในเรือนพักคนเดียว แต่เธอยังต้อง คอยเที่ยวเล่น คุย ไปคอยเรียกหาเพื่อกินข้าว เธอไม่กล้าสบตา มองหน้า และพยายามไม่เข้าใกล้โดยไม่จำเป็น เพราะตอนนี้ เธอก็เริ่มเป็นสาวน้อยแล้ว
ครั้งหนึ่ง ที่พวกเธอไปเที่ยวน้ำตก พร้อมกับครอบครัว เธอและเด็กๆในบ้านหลายคน พากันไปเล่นน้ำตก เล่นซ่อนแอบในน้ำตกด้วยกัน และ เป็นอีกครั้งที่โชคชะตาพาให้เธอต้องเจอกับเรือ่งไม่ดี เพราะ เธอที่กำลังหาที่ซ่อนตัว กลับไปเจอซอกหลืบหนึ่งขนาดกำลังเหมาะ เธอแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะตกใจเมือ่พบว่าในนนั้น มีลูกพี่ลูกน้องคนนี้หลบอยู่แล้ว เธอจะผละออกมาแต่เขาดึงมือเธอไว้แล้วกระซิบว่า แอบที่นี่ด้วยกัน เธอ นั่งเกร็ง เบียดอยู่กับอ้อมแขนของเขา ก่อนที่จะรู้สึกว่ามือของเขา ลุบไล้ไปบนเรียวขา จับเข้าที่อกของเธอ และ ส่วนสงวน เธอจำได้ว่ามันคืออะไร แต่เพราะกลัวหรืออะไรก็ไม่รู้ได้ เธอไม่กล้าปัดป้องหรือหนีออกมา
เดชะบุญ ที่ มีเด็กถูกเจอครบสามคน ทำให้จบรอบตาของการซ่อนในครั้งนั้น เสียงตะโกนเรียกแว่วลอยมา ทำให้เธอรีบผละตัวพรวดออกจากวงแขน ออกจากซอกหินนั้นได้ เธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะวิ่งกลับไปรวมกับทุกคน
และนั่นคือ ครั้งสุดท้าย ที่เธอใกล้ชิดกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ นับแต่นั้นมา การพบเจอก็เพียงในโอกาสต่างๆ จนวันที่เธอแต่งงาน ในงานแต่งงาน เขาก็มาร่วมด้วย เธอพยายามลืมเรื่องราวที่เกิด พยายามมองเขาอย่างเป็นมิตร แต่ เขากลับหลบสายตา ไม่สบตา ไม่มองหน้าเธอ ไม่พูด ไม่คุยด้วย ราวกับว่า มีสิ่งที่ติดค้างในใจ
เรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้เลวร้ายมาก ไม่แย่เท่าหลายๆกรณีที่เกิด เธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตใจชนิดที่ต้องบำบัด แต่ นับตั้งแต่วันนั้น จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เธอร่วมรักกับสามี เธอกลับย้อนถึงเหตุการณ์ยามดึกที่ลืมตาขึ้นมา แล้วรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เธอไม่เคยมีความสุขเรือ่งเพศเลย บางครั้ง เธอตื่นมากลางดึกอย่างไม่รู้สาเหตุ ลืมตาขึ้นมาแล้วคิดว่าตัวเองคือเด็กหญิงคนนั้น กำลังโดนแกล้งจัก๊กกะจี้อย่างประหลาดอยู่ แต่เมื่อได้สติ เธอก็รู้ว่า มันเป็นแค่ความหลอนที่ติดตัวมาเฉยๆ
ทุกครั้ง ที่เธอเห็นข่าว ผู้หญิงโดนล่วงละเมิด ลวนลาม หรือ ขืนใจ เธอจะรู้สึกสลด หดหู่กว่าปกติ เธอรู้สึกว่าการเป็นเหยื่อมันแย่กว่าที่ข่าว หรือใครจะอธิบายได้ มันไม่ใช่เรื่องของการแต่งตัวโป๊ ไม่ใช่เรื่งอของจริตของฝ่ายหญิง แต่มันหมายถึง ฝ่ายชาย ผู้กระทำ ที่คุกคาม เหนือสิทธิของร่างกายหญิงที่เป็นเหยื่อ และ เธอเชื่อว่า ส่วนมาก มักมาจาก คนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง ญาติ คนใกล้ชิดครอบครัว เจ้านาย หรือแม้แต่ คนในชุมชนที่เห็นกันอยู่ อาจเป็นคนที่ ไม่มีใครเชื่อเลยว่าจะเป็นชายหื่นกาม อาจมากับพฤติกรรมและบุคลิกที่ไม่มีวี่แววของความกระหาย
สิ่งที่ดีที่สุด ที่ผู้ใหญ่ทำได้ก็คือ การดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็ก อยู๋ห่างสายตา อยู่ลำพัง ยิ่งโดยเฉพาะกับยุคสมัยนี้ ที่เด็กโตไวขึ้น สิ่งเร้า สิ่งกระตุ้น มีมากขึ้น โอกาสจะเกิดเรือ่งน่าเศร้า ยิ่งกว่าที่เธอเจอ ย่อมมีมากขึ้นไปด้วย
เธอไม่มีลูก แต่มักจะเอาเรือ่งนี้ คอยสอนลูกเพื่อน สอนหลาน ที่เป็นฝ่ายหญิงเสมอ อย่าได้ไว้ใจใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นญาติ หรือเป็นคนที่ดูแล้วเป็นคนดีแค่ไหน สอนให้รู้จักเรือ่งเพศ การสงวนตัว เธอมักจะเล่าเรือ่งนี้ให้เพื่อนๆที่สนิทฟัง เพื่อให้เก็บไปสอนสั่งลูกหลาน เกี่ยวกับเรือ่งเพศ เธอเห็นควรว่า เราควรสอนเรือ่งเพศ การสัมผัส อารมณ์ทางเพศ ตั้งแต่เด็กเล็ก สอนให้รู้ว่า การกระตุ้นอย่างไหน ก่อให้เกิดอะไร และ ต้องหลีกเลี่ยงอะไร ไม่ใช่เพียงแค่สอนว่า ห้ามใครจับ ห้ามใครเห็น เพราะ เมื่อเหตุมันเกิดขึ้น เราจะได้ปกป้อง หลีกเลี่ยง รับรู้ได้ว่า มันคือ ภัยคุกคามทางเพศ
ภัยคุกคามทางเพศ มักมาจากคนใกล้ตัว
เหตุเกิดเมื่อหลายสิบปีก่อน เมื่อครั้งที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบ เธอเป็นเด็กน้อยที่สดใส เรียนดี มีกิจกรรมมากมาย ถือเป็นดาวเด่นของโรงเรียนประจำจังหวัดก็ว่าได้ ในช่วงปิดเทอมตอนนั้น ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เดินทางมาอยู่ด้วยเป็นระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เขาคือพี่ชายอายุโตกว่าเธอ 4 ปี กำลังวัยรุ่น เขามักจะมาพำนักด้วยแบบนี้เรื่อยๆ ทั้งสองสนิทสนม เล่นเที่ยวด้วยกันมาตั้งแต่เธอจำความได้ ในสายตาของเธอ เขาคือพี่ชายคนเก่ง เรียบร้อย เรียนดี ซึ่งไม่คาดคิดเลยว่า เธอจะต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย ที่ฝังตราบาปในชีวิตจากปิดเทอมที่เธอไม่มีทางลืมนี้
ครอบครัวขนาดใหญ่ที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ น้องชาย และ ยาย ป้า ลุง ที่อยู่รวมกันบนพื้นที่ขนาดใหญ่ แยกเรือนไว้หลายๆหลัง ทำให้ เธอ น้องชาย และ ลูกพี่ลูกน้องพี่จากเมืองกรุงคนนี้ มีเวลาแยกตัวไปเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งปีนต้นไม้ เข้าสวน อ่านหนังสืออ่านเล่น แม้กระทั่ง การนอน อาบน้ำ ที่ เด็กทั้งสาม แยกเรือนมานอนออกห่างจากตัวบ้านของยาย และ คนละหลังกับพ่อแม่ของเธอ
ห้องอาบน้ำของบ้านหลังหลัก เป็นแบบห้องกว้าง มีอ่างคอนกรีตขนาดใหญ่ ใช้ขันตักอาบ ซึ่ง ความทรงจำที่เลวร้าย เริ่มต้นจาก พี่ชายคนนี้ ชวนเธอเข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ซึ่งแม้ว่าเธอจะเขินอาย แต่ก็ไม่ได้ขัด จัดแจงถอดเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำ โดยเห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของพี่ชายท ี่เป็นวัยรุ่นเต็มตัว ซึ่งในโอกาสนั้นเอง ที่พี่ชายคนนี้ บอกให้เธอกับเขาผลัดกันถูสบู่ให้แก่กัน ตามส่วนต่างๆ เธอ รู้สึกตะขิดตะขวงใจบ้าง แต่เมื่อลงมือไปแล้ว ความสนุกสนาน หัวเราะ จั๊กกะจี้ ทำให้เธอลืมความเขินอาย ที่สำคัญ พี่คนนี้ก็บอกว่า ต่างก็เห็นของกันและกัน ถือว่า เจ๊ากันแล้ว
นี่คือ เพียงบทเริ่มของประสบการณ์ร้ายๆเท่านั้น ยามค่ำคืน ทั้งสาม นอนอยู่ในเรือนด้วยกัน กางมุ้งขาวหลังใหญ่ โดยเธอนอนกลางระหว่างน้องชายและลูกพี่ลูกน้อง กลางดึก เธอรู้สึกตัวตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทั้งจั๊กกะจี้ ปนความร็สึกที่ไม่สามารถบอกได้ เหมือนว่า พี่เขา กำลังแกล้งเธออยู่ แต่เธอก็นอนนิ่ง เพราะไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป ในความรู้สึกจั๊กกะจี้นั้น มันก็มีความรู้สึกแปลกๆที่ระคนไป เธอหาคำตอบอะไรไม่ได้ ได้แต่นอนเฉยนิ่งอยู่อย่างนั้น และ หลับไป
ในคืนต่อๆมา ทุกคืน ยามดึก ไม่รู้ว่ามันคือเวลาเท่าไหร่ แต่เธอจะรู้สึกตื่นขึ้นมา พร้อมกับ ความรู้สึกยุกยิกๆแปลกๆ จากมือของลูกพี่ลูกน้องคนนั้น กำลังสาละวนอยู่กับเป้ากางเกงของเธอ จากนอกกางเกง ผ่านไปวันแล้ว วันเล่า ก็เข้าไปภายในกางเกงของเธอ เธอยิ่งร็สึกจั๊กกะจี้ และ รู้สึกแปลก เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ในความตระหนกนั้น มันก็เป็นความรู้สึกสบายๆ เพลิน ไปกับการกระทำนั้น
ผ่านไปสัปดาห์แรก ทำให้เธอรู้สึกคุ้นชินกับการกระทำรอบดึก เธอรับรู้แค่ มันคือการแกล้งเธอให้จั๊กกะจี้ เสียวสบาย เพราะทุกๆครั้ง เมื่อผ่านไปสักระยะ ลูกพี่ลูกน้องก็จะดึงมือออกไป ปล่อยให้เธอหลับต่อ
สัปดาห์ที่สองนี้เอง ที่มันเริ่มหนักข้อขึ้นมากว่าเก่า จากที่มือมาแกล้งเธอ คราวนี้ เขาดึงกางเกงของเธอลง จากมือเดียว ก็เป็นสองมือ จากมือ ก็กลายเป็นใบหน้า จมูก และปาก ที่กำลังแกล้งให้เธอจั๊กกะจี้ ซึ่ง มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกแปลกจนบอไม่ถูก เธอไม่กล้าที่จะขัดขืน ปล่อยไปเช่นนั้น ขนเธอเริ่มรู้สึกสบายกว่าเก่า กลายเป็นว่า เพลินไปกับการเล่นนั้นไปด้วย ทุกคืนนับแต่นั้น จนเขากลับไป เธอก็จะนอนหลับอย่างสบายหลังจากโดนแกล้ง กับความร็สึกเหมือนฉี่ราด และ ใส่กางเกงนอน ทั้งความชื้นนั้น
เธอค่อยๆโตขึ้น โดยจำความรู้สึกนั้นไว้ในส่วนลึกของความทรงจำ จนวันที่เธอย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่เกิดกับเธอคืออะไร เธอถูกกระทำล่วงเกินอย่างไร แม้ว่า เธอจะโชคดีกว่าเหยื่ออีกมากมาย ที่ การล่วงเกินนี้ หยุดไว้เพียงเท่านั้น และ นับจากที่เธอรู้ความ เธอก็ไม่เคยไปนอนร่วมมุ้งกับลูกพี่ลูกน้องยามที่เขามาพำนักด้วยอีกเลย เธอกลับไปนอนในห้องของเธอ ในบ้านของพ่อแม่เธอ ปล่อยให้เขานอนในเรือนพักคนเดียว แต่เธอยังต้อง คอยเที่ยวเล่น คุย ไปคอยเรียกหาเพื่อกินข้าว เธอไม่กล้าสบตา มองหน้า และพยายามไม่เข้าใกล้โดยไม่จำเป็น เพราะตอนนี้ เธอก็เริ่มเป็นสาวน้อยแล้ว
ครั้งหนึ่ง ที่พวกเธอไปเที่ยวน้ำตก พร้อมกับครอบครัว เธอและเด็กๆในบ้านหลายคน พากันไปเล่นน้ำตก เล่นซ่อนแอบในน้ำตกด้วยกัน และ เป็นอีกครั้งที่โชคชะตาพาให้เธอต้องเจอกับเรือ่งไม่ดี เพราะ เธอที่กำลังหาที่ซ่อนตัว กลับไปเจอซอกหลืบหนึ่งขนาดกำลังเหมาะ เธอแทรกตัวเข้าไป ก่อนจะตกใจเมือ่พบว่าในนนั้น มีลูกพี่ลูกน้องคนนี้หลบอยู่แล้ว เธอจะผละออกมาแต่เขาดึงมือเธอไว้แล้วกระซิบว่า แอบที่นี่ด้วยกัน เธอ นั่งเกร็ง เบียดอยู่กับอ้อมแขนของเขา ก่อนที่จะรู้สึกว่ามือของเขา ลุบไล้ไปบนเรียวขา จับเข้าที่อกของเธอ และ ส่วนสงวน เธอจำได้ว่ามันคืออะไร แต่เพราะกลัวหรืออะไรก็ไม่รู้ได้ เธอไม่กล้าปัดป้องหรือหนีออกมา
เดชะบุญ ที่ มีเด็กถูกเจอครบสามคน ทำให้จบรอบตาของการซ่อนในครั้งนั้น เสียงตะโกนเรียกแว่วลอยมา ทำให้เธอรีบผละตัวพรวดออกจากวงแขน ออกจากซอกหินนั้นได้ เธอจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะวิ่งกลับไปรวมกับทุกคน
และนั่นคือ ครั้งสุดท้าย ที่เธอใกล้ชิดกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ นับแต่นั้นมา การพบเจอก็เพียงในโอกาสต่างๆ จนวันที่เธอแต่งงาน ในงานแต่งงาน เขาก็มาร่วมด้วย เธอพยายามลืมเรื่องราวที่เกิด พยายามมองเขาอย่างเป็นมิตร แต่ เขากลับหลบสายตา ไม่สบตา ไม่มองหน้าเธอ ไม่พูด ไม่คุยด้วย ราวกับว่า มีสิ่งที่ติดค้างในใจ
เรื่องที่เกิดขึ้น แม้จะไม่ได้เลวร้ายมาก ไม่แย่เท่าหลายๆกรณีที่เกิด เธอไม่ได้มีปัญหาทางจิตใจชนิดที่ต้องบำบัด แต่ นับตั้งแต่วันนั้น จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่เธอร่วมรักกับสามี เธอกลับย้อนถึงเหตุการณ์ยามดึกที่ลืมตาขึ้นมา แล้วรู้สึกเกร็งอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เธอไม่เคยมีความสุขเรือ่งเพศเลย บางครั้ง เธอตื่นมากลางดึกอย่างไม่รู้สาเหตุ ลืมตาขึ้นมาแล้วคิดว่าตัวเองคือเด็กหญิงคนนั้น กำลังโดนแกล้งจัก๊กกะจี้อย่างประหลาดอยู่ แต่เมื่อได้สติ เธอก็รู้ว่า มันเป็นแค่ความหลอนที่ติดตัวมาเฉยๆ
ทุกครั้ง ที่เธอเห็นข่าว ผู้หญิงโดนล่วงละเมิด ลวนลาม หรือ ขืนใจ เธอจะรู้สึกสลด หดหู่กว่าปกติ เธอรู้สึกว่าการเป็นเหยื่อมันแย่กว่าที่ข่าว หรือใครจะอธิบายได้ มันไม่ใช่เรื่องของการแต่งตัวโป๊ ไม่ใช่เรื่งอของจริตของฝ่ายหญิง แต่มันหมายถึง ฝ่ายชาย ผู้กระทำ ที่คุกคาม เหนือสิทธิของร่างกายหญิงที่เป็นเหยื่อ และ เธอเชื่อว่า ส่วนมาก มักมาจาก คนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นพี่น้อง ญาติ คนใกล้ชิดครอบครัว เจ้านาย หรือแม้แต่ คนในชุมชนที่เห็นกันอยู่ อาจเป็นคนที่ ไม่มีใครเชื่อเลยว่าจะเป็นชายหื่นกาม อาจมากับพฤติกรรมและบุคลิกที่ไม่มีวี่แววของความกระหาย
สิ่งที่ดีที่สุด ที่ผู้ใหญ่ทำได้ก็คือ การดูแลอย่างใกล้ชิด อย่าปล่อยให้เด็ก อยู๋ห่างสายตา อยู่ลำพัง ยิ่งโดยเฉพาะกับยุคสมัยนี้ ที่เด็กโตไวขึ้น สิ่งเร้า สิ่งกระตุ้น มีมากขึ้น โอกาสจะเกิดเรือ่งน่าเศร้า ยิ่งกว่าที่เธอเจอ ย่อมมีมากขึ้นไปด้วย
เธอไม่มีลูก แต่มักจะเอาเรือ่งนี้ คอยสอนลูกเพื่อน สอนหลาน ที่เป็นฝ่ายหญิงเสมอ อย่าได้ไว้ใจใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นญาติ หรือเป็นคนที่ดูแล้วเป็นคนดีแค่ไหน สอนให้รู้จักเรือ่งเพศ การสงวนตัว เธอมักจะเล่าเรือ่งนี้ให้เพื่อนๆที่สนิทฟัง เพื่อให้เก็บไปสอนสั่งลูกหลาน เกี่ยวกับเรือ่งเพศ เธอเห็นควรว่า เราควรสอนเรือ่งเพศ การสัมผัส อารมณ์ทางเพศ ตั้งแต่เด็กเล็ก สอนให้รู้ว่า การกระตุ้นอย่างไหน ก่อให้เกิดอะไร และ ต้องหลีกเลี่ยงอะไร ไม่ใช่เพียงแค่สอนว่า ห้ามใครจับ ห้ามใครเห็น เพราะ เมื่อเหตุมันเกิดขึ้น เราจะได้ปกป้อง หลีกเลี่ยง รับรู้ได้ว่า มันคือ ภัยคุกคามทางเพศ