ปัญหาพ่อเลี้ยงเดี่ยวกับลูกสาวเริ่มวัยรุ่น

Edit เนื้อหาแบับย่อสำหรับคนที่อ่านไม่ไหว
ผมโดนคนว่ามาว่าเลี้ยงลูกแบบไม่ปกติครับ เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวลูกสาวอายุ 13 ปี
-ลูกสาวยังสลัดผ้าผ่อนตามปกติในบ้าน เนื่องจากที่บ้านามัยก่อนที่ยังไม่แยกทางกับภรรยา บ้านเราอาบน้ำพร้อมกันสามคนจนเค้าโต 9 ขวบ (แต่ห้องน้ำเราแยกฝักบัวสองห้องนะครับ) ลูกสาวเริ่มโตช่วง 10 ขวบ  และผมก็เป็นคนสอนเธอเรื่องต่างๆของผู้หญิงคนเดียวมาตลอด
-คุณลูกสาวยังคงเรียกหาพ่อสระผมนวดผม นวดหัวให้ จนถึงทึกวันนี้ เพราะเป็นงี้กันมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ตั้งแต่ 10 ขวบ ผมก็จะนุ่งผ้าเช็ดตัวและเพียงแต่สระผมเกาหัวนวดหัวให้เท่านั้น ไม่ถูตัวไม่โดนตัวเธอแล้ว ยิ่งหลังๆมา เธอก็จะนั่งบนเก้าอี้ซักผ้าหันหลัง แล้วคุยกันไป เสร็จก็เชิญพ่อออกไป เค้าจะล้างตัว
-มีปัญหาการสอนเรือ่งเพศศึกษาลึกๆกับลูกเพราะอาย บางอย่างก็ไม่รู้จะพูดกันยังไงดี ไม่เหมือนผู้ชายคุยๆกัน แต่ก็ยอากคุยให้ธรรมชาติ
-ลูกสาวมีความกระโดกกระเด ม้าดีด ไม่เรียบร้อย ท่านั่ง ท่าเดิน การวางตัว การดูแลตัวเอง หน้า ผม การเล่นและความสนใจ  คล้ายเด็กผู้ชายมากกว่า แม้จะไม่ได้ซีเรีย LGBT ครับ แต่พอไปในสังคม ท่านั่ง กริยาคำพูดบางทีก็ต้องวางตัวให้เหมาะสม

FULL VERSION

ผมเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่แยกทางกับภรรยามา 4 ปีแล้วครับ มีลูกสาว 1 คนที่ตอนนี้อายุเพิ่งผ่าน 13 ขวบมา ซึ่งโดยส่วนตัวสองคนอยู่กัน มีแม่ผม(ย่า) มาอยู่ช่วยดูเป็นพักๆ และ แม่ของลูกสาว (อดีตภรรยา) อยู่คอนโดไม่ห่างจากบ้านผมเท่าไหร่ มีรับไปค้างกับเธอสัปดาห์ละครั้ง ไม่ได้กีดกันหรือมีปัญหากัน เป็นเพื่อนและพ่อแม่กันไป แค่ยุติความเป็นสามีภรรยาไป
เรื่องมันมาเกิดเพราะ ผมไปคุยกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนนึงตอนแรกก็เหมือนๆจะจีบๆกัน แต่คุยไปคุยมา พอเริ่มแลกเปลี่ยนเรื่องในครอบครัว ชีวิตปกติกัน เธอเริ่มว่าผมไม่ปกติ ฝ

มันเริ่มจากผมถามเธอในเรื่องของหญิงๆ เช่น จะสอนลูกยังไงให้เรียบร้อย จะสอนยังไงให้เก็บที่นอน ซักผ้าของส่วนตัว เพราะจนบัดนี้ บ่อยครั้งผมก็ยังต้องซักกางเกงใน เสื้อชั้นใน(บราเด็ก) ให้ เธอก็ดูตกใจ
เนื่องจากผมกับลูกสาวติดกันตั้งแต่เด็กๆ ผมทำงานฟรีแลนซ์มีเวลาอยู่บ้านเยอะ เช้าๆสมัยยังไม่หย่ากัน เช้าผมไปทำอาหารเช้า ทั้งคุณภรรยาและลูกสาวก็จะมากินอาหารแล้วออกไปพร้อมกัน พอบ่ายๆผมก็เตรียมไปรับแม่ตัวเล็กกลับมาบ้าน ดูแล เล่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ฏัน ทำการบ้าน จนแม่เค้ากลับมาค่ำๆ บางทีก็กลับดึก ผมก็เป็นคนพาเข้านอนแบบนี้มาตลอด จนเมื่อแยกทางกัน แทนที่ลูกสาวจะนอนคนเดียว เธอชอบมานอนกบผม หรือนอนกับย่า ซึ่งเราก็คิดว่าเธอคงเหงาครับ ก็ค่อยๆสอนว่าให้นอนคนเดียว เพื่อดูแลตัวเองได้แล้ว แต่เธอก็ไปนอนห้องตัวเอง (ซึ่งเป็นห้องน้องชายผมเก่าแล้วแต่งเป็นห้องลูกสาว เธอก็ค่อยๆมีของมาวางแต่ก็ไม่ได้เป็นแนวสาวมากนัก) ถ้าย่ามานอนด้วยก็ชอบขอไปนอนกับย่า (ย่าชอบ เข้าทางย่า) และ บ่อยครับก็จะมาเคาะห้องผมดึกๆว่า ขอนอนด้วย

แต่ที่โดนหาว่าประหลาดคือผมถามคุณแม่คนนั้นที่คุยในเรื่อง"อย่างว่า" ของเด็กสาววัยรุ่นครับ อันเนื่องมาจากผมซักชั้นในให้ลูกสาว จึงได้พบว่ามันมีคราบบางอย่าง ทีนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขอนามัยหรือเรื่องทางเพศ ผมก็กำลังหาทางว่าจะคุยยังไงดีนะ ต้องบอกก่อนว่า เนื่องจากมีกันสองคน ผมก็สอนลูกสาวเรื่องของรอบเดือน การดูแลความสะอาดนะครับ ดังนั้นในส่วนตัวผมไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้น่ารังเกียจอะไร แต่พอมันอาจจะเชื่อมโยงกับการเริ่มมีอารมณ์ทางเพศ ผมก็ไม่รู้จะหาทางอธิบายยังไงดีให้มันไม่รุกล้ำความรู้สึกของเธอ 
ผมไม่ได้คิดจะห้าม จะปราม แต่ก็ต้องเรียนรู้ว่านี่คือเรื่องธรรมชาติที่ต้องบริหารจัการเวลาให้เหมาะสมกับชีวิต ไม่หมกมุ่นไม่หลงไปกับมัน
แม่เลี้ยงเดี่ยวคนนั้นคิดว่าผมล้ำเส้นมากเกินไป เพราะเธอมีลูกชาย 11 ขวบ เธอยังไม่เคยคิดจะสอนเรือ่งเพศกับลูกชายเธอเลย มันไม่เหมาะ รอให้เค้าโตแล้วเข้าใจเอง

ยิ่งพอผมปรึกษาในเรื่องที่ลูกสาวไม่ค่อยเรียบร้อย แรกๆคิดว่าจะเป็นทอมด้วยซ้ำ ขอตัดผมสั้นๆ (เพิ่งมาไว้ผมยาวตอน 10 ขวบนี่แหละ) ยิ่งอยู่กับพ่อเยอะ เล่นเกมส์กัน วิ่งออกกำลังกาย อยู่บ้านก็ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อยืด เสื้อกล้ามกันไปแบบคนอยู่บ้าน แม่เค้าชอบพาไปแต่งจัวสวยๆแบบผู้หญิงแล้วมารายงานว่านั่งไม่เรียบร้อยเลย ซึ่งพอมาดูพฤติกรรมที่บ้านมันก็จริงครับ เพราะเรียนออนไลน์ที่บ้าน เธอนั่งโต๊ะหันเข้ากำแพงแล้วเอาพัดลมเล็กๆใส่ใต้โต๊ะไว้ เปิดเป่าอัดเข้าตัวเองเลย นั่งอ้าซ่ารับลมเย็นสบายไป นั่งขัดสมาธิเรียน ยิ่งกางเกงที่เป็นโปร่งๆขาสั้นบานๆ ลมกระพือเป็นตีโป่ง ผมก็คอยเตือน เธอก็ว่ามันไม่เป็นไรหรอก ไม่มีคนเห็นซะหน่อย

ยังมีเรื่องชุดนอนอีก ที่ ปกติชุดนอนที่มีจะเป็นเสื้อกับกางเกงครับ แต่เธอจะมีชุดโปรดคือ ชุดนอนเหมือนเสื้อยืดตัวโตๆ ยาวเกือบคลุมเข่า เธอบอกว่าชอบเพราะมันสบาย ปัญหาคือ เป็นคนติดนอนอ้าซ่าไม่ใส่อะไรด้านในมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้โตแล้ว ต้องคอยสอน (ไม่ว่าจะนอนกับใคร หรือนอนคนเดียว) เธอก็จะหน้าหงิกๆ แต่ผมก็ใช้วิธีแซวเล่นๆแทนถ้าเธอไม่ยอมใส่ เช่น แมงปอบินเข้าไปสร้างนิคมสองแสนกว่าตัวแล้วนะลูก หรือบางทีก็ดูโอกาสดีๆนั่งเล่นเกมส์ หรือวิ่งกันอยู่ก็ทักไปว่า วันก่อนเช้าน่ะ นอนโป๊นะ เป็นสาวต้องระวัง นี่แหละป๊าถึงให้ใส่กางเกงใน เธอก็สวนมาว่า ป๊าก็ทำเป็นไม่เห็นสิ มามองทำไม ทีป๊า หนูยังทำเ)็นไม่สนใจอะไรเลย

พอเล่าแบบนี้ แม่หม้ายคนนั้นก็ถามเรื่องการเห็นนั่น นี่ โน่น ผมก็บอกไปว่า ตั้งแต่แต่งงานแล้ว บ้านผมค่อนข้างไม่ปิดกั้นอะไร ห้องน้ำบ้านเราเป็นห้องใหญ่ ข้างในซอยแยกเป็นห้องฝักบัวใหญ่ 1 ห้อง เล็ก 1 ห้อง โถส้วน โถปัสสาวะ และอ่างล้างหน้า 2 อ่างสูงกับต่ำ ซึ่งกิจวัครคอนเช้าๆ ทุกคนจะเดินเข้าออกกันปกติ(ยกเว้นอึ จะไม่มีใครย่างกราย) ห้องอาบน้ำเป็นกระจกฝ้าทั้งหมดครับ การอาบน้ำโดยมีคนอื่นในห้องนั้นเป็นเรือ่งปกติมาก และอาบน้ำพร้อมกันหมดสามคนพ่อ แม่ ลูกสาวมาตั้งนานแล้วจนลูกสาวราวๆ 6-7 ขวบ
เพราะด้วยความที่ห้องใหญ่ฝักบัวมันดีกว่า สบายกว่า เธอก็ชอบมาอาบไม่พร้อมกับพ่อ ก็กับแม่ หรือพ่อแม่อาบอยู่ก็โผล่มาอาบด้วย เด็กๆก็ถามนั่นนี่ไป เราก็สอน อธิบายกันตรงๆครับ สรีระ ร่างกายคนเรามันต่างกัน ผู้ชาย ผู้หญิง โตมาก็เริ่มเพิ่มเรื่องสุขอนามัย การทำความสะอาด การไปเข้าห้องน้ำสาธารณะ (อันนี้สมัยนั้นอดีตภรรยาสอน) คือเราตกลงกันว่า เราจะพูดเรื่องนี้เป็นธรรมชาติไม่ปิดบังไม่ทำเป็นเรื่องต้องห้ามครับ
ทีนี้ คุณแม่หม้ายคนนั้นฟังแล้ว กรี๊ดเลย บอกว่านี่มันวิปริตมากนะ ถามต่อว่า "เธอให้ลูกเห็นแก้ผ้าถึงเมื่อไหร่" ซึ่งผมก็ตอบไปว่า พอเริ่ม 7-8 ขวบเราก็ไม่อาบน้ำด้วยกันแล้ว ยิ่งแม่เค้าไม่อยู่ มก็บอกไปว่าไม่ให้มาอาบด้วยกันแล้วนะ ซึ่งลูกสาวก็ถามว่าทำไม ผมก็บอกไปตรงๆว่า "ป๊าอาย" และอธิบายไปว่าก็โตแล้ว เธอก็ถามแบบงอๆว่า ทำไมต้องอายก็เห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว ซึ่งเธอก็บอกอีกว่า เมื่อก่อนแม่อาบด้วยก็โตไม่ใช่หรอ ซึ่งก็ได้แต่ค่อยๆอธิบายกันไปครับ แต่หลังๆ 2 ปีมานี้ก็ห่างหายไปจากการเปิดมาอาบห้องพ่อ (ครั้งสุดท้ายน่าจะปีก่อนที่ให้พ่อนวดหัวให้ ซึ่งปกติ ผมนวดหัวให้เธอบ่อยๆ แต่ผมนุ่งผ้าเช็ดตัว เธอก็นั่งเก้าอี้ซักผ้าผันหลังให้ ไม่เห็นอะไรเลย (จริงๆก็เห็นแต่ระหว่างคุยก็ไม่เห็น) และส่วนมาก จะชอบคุยเรื่องที่คุยกันยากๆเวลานี้แหละครับ เช่น ทำไมอยากเรียนอันนั้น อันนี้ ทำไมต้องแบบนั้นแบบนี้ หรือเธอก็ถามมาเองว่า ป๊ารู้เรื่องแม่มั้ย เธอเอาเรื่องแม่มาเล่า มาปรึกษา อย่างนั้นอย่างนี้
นี่แหละครับโดนหาว่าโรคจิคมากเลย

ซึ่งมันก็ไม่ได้เกิดแบบนี้ทุกวันครับ นานๆทีจะมีเสียงตัวเล็กลอยมาตอนผมอาบน้ำว่า ป๊านวดหัวให้หน่อย นั่นแหละก็จะรู้ว่า ผมอาบเสร็จให้เรียกเธอ เธอก็จะนุ่งผ้าเช็ดตัวเข้าห้องใหญ่ไป นั่งรอเรียบร้อย ก็สระผมนวดหัวเล่นฟองกันไป ละคุยกันไปเรื่อยๆ เหมือนเวลานี้คือ open chat ครับ และเราตกลงกันว่า จะไม่มีความลับกันระหว่างพ่อลูกตลดไป

แม่หม้ายสาวคนนั้นถามผมว่า ผมเห็นอะไรๆของลูกมั้ย ผมก็บอกว่า เห็นสิ เห็นมาตั้งแต่เกิด แล้วด้วยธรรมชาติบ้านเราเห็นกันปกติมานานแล้ว แต่มันคือ"เห็น" ไม่ใช่"มอง" ครับ คนนึงเข้ากห้องน้ำแล้วอีกคนก็เดินเข้ามา(เคาะๆถามว่าฉี่หรืออึ ถ้าอึก็ลาก่อยยยย) ที่สำคัญมากๆคือ นอกบ้านไม่เป็นครับ ตั้งแต่อนุบาลจนก่อนโควิดหนักๆ ไปเรียนก็เป็นเด็กปกติ ไม่ได้อ้าซ่าเข้ากับใคร เราสอนกันแค่ว่า คนในครอบครัวน่ะได้ และเธอก็เข้าใจนะผมว่า
ดังนั้น พ่อ ลูก อยู่กันสองคน มันก็จะเห็นผ่านๆกันบ้าง แต่มันไม่ได้แปลว่าต้องเป็นเรื่องทงเพศเสมอไป และไม่มีการคาดคั้น กะเกณฑ์ว่าต้องทำ หรือต้องไม่ทำ แบบนั้นแบบนี้ครับ

เรื่องนี้ทำให้ผมโดนว่า ว่าโรคจิต คิดวิปริตกับลูก เลี้ยงลูกแบบนี้จะเสียคน อีกหน่อยคงไปอ้าซ่าให้ผู้ชายง่ายๆหรือเห็นผู้ชายแก้ผ้าก็ไม่สำรวม เพราะเธอบอกว่าเธอมาจากหญิงล้วน และอยู่ในบ้านที่รัดกุมมาก ไม่มีภาพจำเลยว่าเคยเห็นอวัยวะเพศผู้ชายจนอายุยี่สิบกว่า มีแฟนคนแรก ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกขยะแขยงที่เห็น
นอกจากผมจะเริ่มๆหายไปจากเธอแล้วผมก็เข้ามาอ่านกระทู้เก่าๆในนี้แหละครับ และเริ่มพบว่า เรื่องราวแบบนี้ดูจะถูกมองว่าไม่ปกติ จึงแอบสงสัยว่า นี่มัน"ไม่ปกติ" เกินไปสำหรับสังคมหรือเปล่าครับ

พอเริ่มโต มีประจำเดือน จริงๆแล้ว ผมกับลูกก็เริ่มเว้นระยะห่างกันเองโดยธรรมชาติครับ อย่างผ้าเช็ดตัว เมื่อก่อนจะแขวนไว้นอกห้องฝักบัวแล้วเดินออกมาเอาดื้อๆ เดี๋ยวนี้เธอก็หยิบเข้าไป แล้วนุ่งออกมาเรียบร้อย การสระผมนวดหัวให้ ก็ห่างหายไปนานพอสมควรเลยครับ (แต่ก็มีตอนที่โตแล้วนี่แหละ ซึ่งถามว่าผมคิดอะไรมั้ย ก็ตอบว่าไม่เลย รู้ว่าถ้าเธอเรียกก็แปลว่าเธอมีเรื่องอยากคุย อีกอย่างนะครับ.. ถ้ามานอนด้วยเนี่ย เห็นเป็นปกติยิ่งกว่าตอนอาบน้ำอีก) แต่ก็จะมีความอายๆเพิ่มจากก่อนนี้ สังเกตได้จากเวลานั่งก็จะหนีบๆสำรวมหน่อย และให้ผมลุกออกไปก่อนเมื่อสระเสร็จ ไม่ใช่ลุกพรวดขึ้นมา
โดยส่วนตัวผม ก็คิดว่า มันก็ค่อยๆเป็นไปตามธรรมชาติของเธอที่โตขึ้น รู้เรื่องรู้ราว รู้จักว่าแค่ไหนเป็นสิ่งที่ทำมาตามปกติของบ้าน เมื่อเริ่มโตเป็นวัยรุ่นก็มีพื้นที่ของเธอเอง ถึงขนาดว่าถ้าเธออยากทำห้องน้ำล็อคได้ ผมก็จะทำ แต่พอถามๆคุยกัน เธอก็บอกว่า อย่าเลย เปลือง มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เธอชอบว่าผมว่า ถ้าเธอโตกว่านี้เธอต้องห่อตัวมิดชิดเลยมั้ย และบางครั้งจะเอ่ยปากสอนเรื่องเพศศึกษา เธอก็จะบอกว่า I'm not a little girl ทำนองว่าเธอรู้แล้วล่ะน่า เดี๋ยวถ้ามีอะไรจะมาถามเอง แต่พอมันเรียนออนไลน์ยาวๆแบบนี้ เธอก็ไม่ได้ไปไหนเลยครับอยู่กันแทบจะทั้งวันทั้งคืนเลยก็ว่าได้
ผมเคยแอบถาม เพราะได้ยินเธอคุยกับเพื่อนๆในห้อง เรื่องรุ่นพี่หล่อ ประเอกหล่อ ก็ถามว่า แล้วยูคุยกับเค้าแล้วใครหล่อ เธอก็มักจะบอกว่า ไม่ค่อยสนเรื่องนั้นหรอก เสียเวลา เอาเวลาไปเล่นเกมส์ ไปทำอย่างอื่นดีกว่า แล้วไม่รู้สึกว่าผู้ชายน่าสนใจ ผมก็แซวว่า นี่จะให้ป๊ารอรับลูกสาวมีแฟนเป็นสายไหนเลยมั้ย จะมาทอมฮะหรือดี้สวย คู่เบี้ยนก็ได้นะป๊าไม่ว่าขอให้เป็นคนดี เธอก็บอกแบบว่า ไร้สาระน่า หนูไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงด้วย 
ด้วยเหตุนี้แหละครับ จึงเริ่มรู้สึกว่า การ"เข้าถึงกัน" มันยากกว่าเมื่อก่อน คนอื่นอาจมองว่า นี่ดูเปิดเผยจนเกินธรรมดาสังคม แต่มันก็ยังมีกำแพงส่วนตัวในใจที่บ่อยครั้งก็รู้สึกว่าเธอเริ่มโตแล้ว เริ่มมีโลกและพื้นที่ของเธอในหลายเรื่อง
แต่เธอยังไม่ยอมซักชั้นในเอง!! ถ้าผมไม่เก็บซักจะหัดให้เธอต้องทำ เธอก็จะแก้ไขด้วยการไม่ได้ใส่มันซะ และให้เหตุผลว่า ก็อยู่บ้านนี่นา ผมก็ได้แต่บอกว่า ระวังเุอะ จะยานตั้งแต่ยังไม่โต เธอก็ตอบกวนๆนิ่งๆว่า It's not the end of the world
เสริม

ลูกสาวผมค่อนข้างจะแก่นๆนะครับด้วยกิจกรรมที่ทำที่โรงเรยนตั้งแต่เด็กๆคือ ชมรมหุ่นยนต์ เขียนโปรแกรม ไปประกวด Robot รวมถึงเรียนเทควันโด อย่างที่บอกว่า เธอตัดผมสั้น(เธอขอเอง) มาตลอดตั้งแต่อนุบาล เพิ่งมาไว้ยาว วิ่งเตะบอลกับเพื่อนผู้ชายในโรงเรียน และต่อยเพื่อนผู้ชายที่มาแกล้งด้วย ทำให้เมื่อก่อนก็ทำใจว่า ได้ลูกเป็นทอมแน่นอน

แต่พอเริ่มผ่าน 9-10 ขวบมา เธอก็เริ่มชอบอะไรหญิงๆ ใช้ของสีชมพู ดูหนังแนวหญิงๆ เล่นเกมส์ก็จริงแต่ก็เลือกตัวละครเป็นสัตว์ เป็นตัวน่ารักๆ รูป profile บน line ก็เป็นตัวน่า
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่