สูตรลับ sex education กับลูก ผลพลอยได้จากกระทู้อัดอั้นใน pantip

จากกระทู้ที่มาบ่น เรื่องอัดอั้นในใจของผม (พ่อเลี้ยงเดี่ยวลูกสาว 13 ปี)  และได้เพื่อนๆน้องๆในพันทิป ช่วยให้ความเห็นเยอะแยะมากมาย จนปลดล็อคปัญหาที่เกิดขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากอย่างไม่น่าเชื่อ เลยจะมาสรุปเป็นข้อหลักๆให้พ่อๆ แม่ๆ นำไป ปรับเพื่อใช้กันดูนะครับ

ก่อนอื่น ผมขออธิบายว่า sex education ไม่ใช่การสอนเรื่อง"เพศสัมพันธ์" อย่างเดียวเท่านั้นครับ มันรวมไปถึงเรื่องของสรีระ ร่างกาย  เพศสภาพ การแสดงออกและสุขอนามัยของลูกน้อยด้วย เพียงแต่ พ่อแม่ทั้งหลาย จะมารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้พูดยากก็ต่อเมื่อลูกเริ่มโตขึ้นมาแล้ว และยากที่จะพูดคุยสอนอธิบายกันได้ จะด้วยความเขินอาย หรือความกระดาก ของทั้งพ่อแม่ลูก กันก็ตามที แต่ ผมสรุปออกมาเป็น 3 ข้อต่อไปนี้ ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ได้ยิ่งดีครับ

ข้อแรก ร่างกายไม่ใช่เรื่องน่าอาย
ว๊าย โป๊ๆๆ น่าเกลียดๆๆ ... เป็นสิ่งที่เราพบกันบ่อยๆในสังคมเรา แต่นึกภาพกันดีๆนะครับ เด็กน้อยทั้งหลายก็วิ่งแก้ผ้าเล่นกันมาตั้งแต่โบร่ำโบราณ  จนมาโตเป็นหนุ่มเป็นสาว คุณๆท่านๆ ก็แก้ผ้าเดินในบ้านไปจนถึงเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า กับแฟนคุณกันทั้งนั้น  เพราะนั่นคือเรื่องธรรมชาติ(เรียกร้อง)  ดังนั้น สำหรับผม ตั้งแต่ที่ครอบครัวยังพร้อมหน้า เราก็หยิบเอาธรรมเนียมต่างประเทศมาใช้ โดยการ อาบน้ำ ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันเป็นเรื่องปกติครับ สิ่งที่ตามมาคือ ลูกสาวเค้าก็เห็นสิ่งต่างๆมาตั้งแต่จำความได้ จนโตมานี่ก็ไม่ได้มองว่ามันคือเรื่องบัดสี อุจาดตา  แน่นอนว่า เค้าจะถามเรื่องต่างๆเยอะมากๆครับ ถามมาเรื่อยๆตลอดเวลา กว่าจะหยุดถามก็ราวๆ 7-8 ขวบโน่น ถามตั้งแต่เลเวลเบบี๋ว่า ทำไมพ่อมีอันนี้ ทำไมพ่อมีอันนั้น ทำไมของแม่มีหนวด ไปจนโตมาเริ่มถามว่า หน้าอกหนูจะเป็นแบบแม่มั้ย แต่ทั้งหมดนี้ เชื่อสิครับว่า เค้าถามแค่เพียง หนเดียวเท่านั้นครับ  แต่ละคำถาม ถามมารอบเดียวแล้วจบเลย ไม่ได้มาถามซ้ำๆทุกรอบ
สำหรับท่านๆที่มองว่า นี่มัน extreme มาก ผมก็แนะนำให้ลองทอนๆลงมาครับเช่น  การนุ่งผ้าเช็ดตัวผลัดผ้า การเปลี่ยนเสื้อผ้า สิ่งที่คุณทำอย่างไรกับภรรยา กับ สามีของคุณ คุณก็สามารถทำกับลูกได้เช่นกัน คิดดูสิครับว่า คู่ชีวิตข้างๆของคุณ เพิ่งมาเจอกันตอนหมาเลียก้นไม่ถึงด้วยซ้ำ แต่ เจ้าตัวเล็กเนี่ย โผล่ออกมาจากร่างของคุณ หรือ รับเอาพันุกรรมคุณไปด้วยซ้ำ คุณจะไปปิดกั้นอะไรให้มันเป็นอีกมาตรฐาน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พ่อกับลูกชาย แม่กับลูกสาว 
ขั้นตอนนี้ เป็นกุญแจสำคัญของการเริ่มสอนเรื่อง"เพศ" ให้ลูกได้ตั้งแต่ต้นเลยครับ  เพราะ ตั้งแต่การสอนเรื่องความต่างของสรีระร่างกาย การดูแลสุขอนามัยของสรีระที่ต่างกันชายและหญิง จนเริ่มโตมาถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายเค้า ทั้งหมดนี้เค้าจะเรียนรู้ได้ง่ายและไวมากๆ จะไม่มีอาการอยากรู้อยากเห็นในช่วงวัยเด็ก เพราะยิ่ง บ้านไหนปิดกั้นเท่าไหร่ เมื่อไปโรงเรียน ก็จะยิ่งอยากรู้ว่า เพื่อนคนอื่นเค้าต่างจากเราอย่างไรบ้าง
ซึ่งก็แน่นอนครับว่า ในการสอน เราก็สามารถอธิบายได้ว่า นี่คือ สิ่งที่ทำได้ในคนใกล้ชิดเท่านั้น  เมื่อไหร่ที่เค้ามีคู่ชีวิต เค้าก็จะเป็นผู้ตัดสินใจได้เอง (แต่เอาจริงๆเถอะครับ ถามมนุษย์รอบตัวมา เกือบจะทั้งหมดเคยอาบน้ำกับแฟนทั้งนั้นแหละ)

ข้อสอง ทำให้เป็นเรื่องปกติ
เวลาเห็นสามีคุณเดินเปลือยอกล่ำๆหล่อๆผ่านหน้าไปอาบน้ำ หรือเห็นภรรยานั่งให้นมลูกเสร็จกำลังโกยเก็บเต้า มีใครคึกคักไฟติดต้องจับมาขย้ำให้หนำใจใส่กันป้าบๆมั้ยครับ?  ถ้าไม่ ก็แสดงว่า ไม่ใช่ทุกครั้งที่เราเห็นสรีระของอีกเพศเราจะต้องมีความเชื่อมโยงไปสู่"เซ็กส์" เสมอไป เช่นเดียวกันครับ  ไม่ว่าจะสอนจากรูปหรืออะไรก็ตาม การพูดด้วยศัพท์ที่ง่าย ธรรมดาที่สุด เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกเข้าใจได้ง่ายและจบเลย ดีกว่าการโกหกเรื่องต่างๆเช่น "หนูมาจากกระบอกไม้ มีนางฟ้ามาเสกไว้" หรือ "จุ๊ดจู๋ของหนูจะหล่นไปนะถ้าหนูเล่นซนเกินไป" ในเมื่อมันก็คืออวัยวะไม่ต่างจากมือ หู นิ้ว  เมื่อเราอธิบายเรื่องสรีระกับเค้า ก็แค่บอไง่ายๆ ตรงๆเท่านั้นเอง
พ่อมีช้างน้อย แม่มีหอยสังข์ มันก็เรือ่งปกติ ถ้าหนูเป็นลูกสาวแล้วมีช้างน้อยสิ ควรจะรีบตกใจกันถูกมั้ยครับ และ ถ้าคุณพูดกับลูกของคุณในเรื่องนี้ได้ อนาคต ก็สามารถเอ่ยปากถาม ตอบ หารือ เรื่องต่างๆกันได้ง่ายกว่า
อย่าได้คาดหวังเอาไว้กับวิชาสุขศึกษามากนักครับ เพราะ นั่นคือเนื้อหาการเรียนในตำรา คำศัพท์ที่ใช้ การพูดคุย ไม่มีทางเหมือนกับที่ในบ้านคุณคุยกันอย่างแน่นอน ต่อให้เค้าเรียนรู้ จำได้ ก็ไม่ใช่ว่า จะเข้าไปอยู่ในจิตใจเค้าทั้งหมด  อย่างผมเอง ต้องสอนลูกสาวเรื่องความสะอาดเวลาไปฉี่ที่ไหนๆ เรื่องการติดเชื้อที่เกิดขึ้นได้ เวลาอธิบายก็ต้องพูด บอก สอน เรียกส่วนต่างๆให้เค้ารู้ว่า ทำไมต้องซับให้แห้ง จนต่อมาเรื่องร่างกายที่เปลี่ยนแปลง หน้าอก หัวนม ก็สอนกันด้วยคำง่ายๆที่สามารถสร้างขึ้นมาเองในบ้านได้ 
เด็กชายก็เช่นกันครับ เค้าก็มีสุขอนามัยที่ต้องดูแลเหมือนกัน ถ้าไม่เริ่มมาจากวัยเด็กที่คุยได้เป็นธรรมชาติ โตมายิ่งพูดยาก จะเอ่ยปากก็เขินไปแล้ว

ข้อสาม เพศไม่ใช่เรื่องไกล
สำหรับพ่อแม่ลูกเข้าวัยรุ่น อย่าได้คิดว่า"เซ็กส์" เป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กๆ ต่อให้เลี้ยงกันรัดกุมชนิดกรงทองขนาดไหน เดี๋ยวนี้ ดลกมันมีช่องทางต่างๆให้เค้าเข้าถึงได้เยอะแยะ (ไปถามเพื่อนผู้ชายท่านๆดูว่า เรียนรู้เรื่องเพศจากไหน กว่าครึ่งของชายไทยยุค 80s-90s รู้มาจากหนังสือโป๊ของที่บ้านนั่นแหละ) และในความจริง เวลาเราออกไปไหนมาไหน ภาพของหมา แมว กำลังผสมพันธ์กัน หรือสารคิดีสัตว์ดลก มีให้เห็นเป็นปกติ ดังนั้น มันจะแปลกอะไรถ้าเราจะคอยสอนเค้าในสิ่งนี้ แบบไม่ต้องปิดบัง อุจาด อุบาทว์
ยิ่งคุณสามารถพูดกันได้มากแค่ไหน โอกาสที่จะมีความลับก็น้อยลงไปด้วย แน่นอนว่าเราไม่ได้ยุยง สนับสนุนให้ คุณหนู คุณชาย ของเราไปซั่มจริงๆ ในทางกลับกัน เรายังไม่อยากให้เค้ามีกิจกรรมทางเพศก่อนเวลาอันควร ซึ่งเทคนิกการพูดคุยอย่างเปิดเผยนั้น เป็นสิ่งนึงที่ทำให้การให้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นไปได้ง่ายขึ้น
มันไม่ได้แปลกนะครับ ถ้าเด็กผู้หญิงวัย 13-14 ปี จะเริ่มรู้ว่า ช่องทางพิเศษของเค้า มันจะมีอะไรล่วงล้ำเข้าไป และสำหรับเด็กชาย ก็ไม่ใช่เรื่องประหลาด ถ้าเค้าจะพบว่า ตื่นเช้ามาแล้วเพลิดเพลินกับะงชาติของตัวเอง
แทนที่คุณจะปล่อยให้เค้าค้นหาทางออก สำรวจสิ่งต่างๆเอง หรือไปคุย ไปถามจากเพื่อน หรือแฟนเค้า ผมว่า ครอบครัวพ่อแม่นี่แหละ น่าจะเป็นคนที่บอก และสอนเค้าได้อย่างปลอดภัยที่สุดในโลก

มันดูยากมากเลยสำหรับหลายๆคน แต่ เมื่อคุณทำลายกำแพงไปได้ และสร้างพื้นฐานนี้มาตั้งแต่เนิ่นๆ อนาคตข้างหน้า หลายๆอย่างจะง่ายขึ้นเยอะ สมัยก่อนผมก็ไม่คิดหรอกครับว่า ผมจะต้องมาเลี้ยงลูกสาวคนเดียว ถ้าไม่คิดว่าเรื่องเพศเป็นเหมือนเรื่องปกติที่เราต้องสอนตั้งแต่เด็กๆมา วันที่ชีวิตเปลี่ยนต้องแยกทางกับภรรยา มาเลี้ยงคนเดียว ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างยังไม่รู้เลย

อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายสื่อหลายช่องทางที่ช่วยได้ครับ ตั้งแต่ คลิปยูทูปดีๆ หนังสือที่ช่วยอธิบายได้ (สมัยก่อนก็จะมีรายการชูรักชูรส และ เสพสมบ่มิสม)  แต่ลองแอดวานซ์ขึ้นอีกขั้นด้วยการ อ่านหรือดูไป"พร้อมกัน" กับเขา อย่างน้อยที่สุด เราจะสามารถสังเกตปฏิกิริยาของเค้าได้ด้วยครับ
ปัญหาหลายอย่างของเรื่องเพศในวัยรุ่น เกิดจากการปิดกั้น บิดเบือน และไม่สื่อสารกันของพ่อแม่กับเด็ก ผมเชื่อว่า เด็กๆ สงสัยเสมอครับ ตั้งแต่เล็ก จนมาโต แม้แต่ผู้ใหญ่อีกมากมายก็ยังสงสัยในเรื่องเหล่านี้ จนต้องมีโค้ชเรื่องบนเตียงคอยช่วยเหลือ แล้วถ้าผู้ใหญ่ยังสัปดี้ สัปดน อยากรู้อยากเห็น อยากลอง  ก็อย่าไปคิดว่าเด็กเค้าจะไม่อยากครับ แต่เราเอากรอบไปครอบเค้าเอาไว้ จนวันนึง เค้าก็ไปหาความรู้ ไปลอง ไปหาเอาจากนอกบ้าน แล้ววันนั้น โอกาสที่จะผิดพลาดพบทางที่พาไปสู่จุดเปลี่ยนของเค้าก็อาจจะเกิดขึ้นได้ 

หลังจากที่ผมกลัดกลุ้มเรื่องจะสอนลูกสาวที่เริ่มโตอย่างไร แต่พอปลดล็อคแล้วเปิดปากคุยกัน ในเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง มันก็ผ่านพ้นไป และเราก็ดำเนินชีวิตต่อไปได้แบบไม่มีอะไรมาคาใจ เค้าเองก็ได้ถามคำถามบางอย่างให้พ่อตอบ เราเองก็ได้เอ่ยปากสอนในสิ่งที่เราเป็นห่วง
ซึ่งพอมาเรียงทั้งหมดนี้ ปัจจัยสำคัญที่เป็นได้คือ สามข้อ ที่ผมทำมานั่นเองครับ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่วิธีเดียวที่ดีที่สุด แต่ก็ขอนำมาแบ่งปันเรื่องราวนี้ครับ เพราะต้องขอบคุณสังคมในนี้ ที่ทำให้ผมได้รับความเห็นที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้

กระทู้ต้นเรื่อง
https://ppantip.com/topic/40935017/comment12-2
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่