เครดิตบูโร กางข้อมูลสินเชื่อบ้าน Q1 Gen Y มีหนี้เสีย 1.24 แสนล้าน ค้างชำระเกิน 50%

เครดิตบูโร กางข้อมูลสินเชื่อบ้านไตรมาส 1/67 ชี้ สัญญาณขอสินเชื่อใหม่หดตัว เหตุแบงก์เข้มงวด ยอดรีเจ็กต์สูง 50% หนี้เอ็นพีแอล-หนี้กำลังจะเสียทะยาน พบ Gen Y มีสัดส่วน 50% ของหนี้เสีย 2 แสนล้านบาท และ SM อีก 1.8 แสนล้านบาท

วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้โพสต์เฟสบุ๊ก “Surapol Opasatien” ว่า รายงานสินเชื่อบ้านไตรมาสที่​ 1/2567 จากข้อมู​ลสถิติของเครดิตบูโรในไตรมาสที่​ 1/2567 เครดิตบูโร​เห็นอะไรจากข้อมู​ลที่สมาชิก​สถาบันการเงิน​ส่งเข้ามาในระบบ​

1.บรรยากาศ​ที่พบเจอกันในการยื่นขอสินเชื่อบ้านจะพบว่ามีเสียงอื้ออึงว่าถูกปฎิเสธสูงมาก​ เรียกได้ว่า​ 100 ใบสมัครผ่านการพิจารณา​เบื้องต้น​ 50 ใบ​ เหตุเพราะมีการตรวจประเมินรายได้เข้มข้น​ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ขอกู้มีศักยภาพ​ คำว่าศักยภาพมันก็ต้องมีรายได้แน่นอน​ มั่นคง​ เพียงพอ​ สม่ำเสมอ​ เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์​ว่าลูกหนี้จะต้องมีความสามารถ​ในการชำระหนี้ตามตารางการชำระหนี้ได้ตลอด​รอดฝั่ง​ ตรวจรายได้เสร็จก็ไปตรวจเครดิตบูโร​ต่อว่า​ มีหนี้มากแค่ไหน​ มีประวัติการค้างชำระหรือไม่​ เพื่อประเมินความตั้งใจในการชำระหนี้​ เพราะมันก็เป็นไปตามกฎว่ากรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา

2.ภาพต่อไปคือบัญชีที่เปิดใหม่ของสินเชื่อบ้านในแต่ละปีมีกี่มากน้อย​ และคนวัยไหนเป็นผู้ได้สินเชื่อ​ พบว่าส่วนใหญ่คือ​ Gen Y​ ครับ​ สัดส่วนสูงขึ้นทุกๆปี​ ที่สำคัญคือ​ วงเงินสินเชื่อบ้านระดับที่ไม่เกิน​ 3 ล้านบาท​น่าจะเป็นกลุ่มหลัก

3.เมื่อเราดูตารางการเปิดบัญชี​ใหม่ของสินเชื่อบ้านในแต่ละปีก็จะพบว่า​ปี​ 2018​ หรือ​ 2561 มีจำนวนเกินกว่า​ 4.3 แสนบัญชี​ ปีก่อนโควิดก็อยู่ที่ระดับ​ 3.7​ แสนบัญชี​ ปีที่แล้วอยู่ที่​ 3.3แสนบัญชี​ ไตรมาสแรกของปีนี้​ได้เพียง 5.9 หมื่นบัญชี​ ดูแล้วมันมีแต่แผ่วลง​ ซึ่งฝั่งผู้ประกอบการต่างก็บ่นกันมากเรื่องขายได้ยาก​ กู้ไม่ผ่าน​ ของเหลือมาก​ อยากให้ลดเงื่อนไขเช่น​ LTV​ หลังที่สองหลังที่สาม​ แต่ยังไม่มีเสียงตอบรับที่ปลายสาย​ เป็นต้น

4.- 6. สามภาพต่อมาคือสถานการณ์​ในภาพรวมของสินเชื่อบ้านครับ​ เส้นสีดำที่พุ่งขึ้นคือหนี้บ้านที่เคยเป็น​ NPLs แล้วมีการนำมาปรับโครงสร้างหนี้ที่มีปัญหา(หนี้ทำ​ TDR)​ ภาพมันบอกว่าปรับกันมาก​ เส้นสีแดงคือหนี้เสียครับ​ ไตรมาสนี้มีการยกตัวขึ้นมาอยู่ที่​ 2.0 แสนล้านบาทเติบโต​ 18%yoy​ สัดส่วนในหนี้เสียรวม (1.09 ล้านล้านบาท) ก็ประมาณ​ 20% ถือว่าไม่น้อยนะครับ​
เส้นสีเหลืองคือหนี้บ้านที่เริ่มค้างชำระแต่ยังไม่เลย​ 90วัน​ เรียกหนี้ตรงนี้ว่าหนี้กำลังจะเสียหรือ​ SM มันมาหยุดที่​ 1.8 แสนล้านบาทเติบโต​ 15%yoy ดีขึ้นกว่า​ Q4/2566 ที่เติบโต​ 31%yoy​ ที่สำคัญคือ​ 1.2 แสนล้านบาทอยู่ในความดูแลขอแบงก์​รัฐครับ​ การปรับโครงสร้างหนี้จะมีความยืดหยุ่น​ ผ่อนปรน​ ไม่ขึงตึงเท่าทางฝั่งเอกชนครับ​ ท่านจะดูเป็นยอดเงิน, จำนวนบัญชี, หรือเป็น​ %ก็ตามสะดวกนะครับ
 
ภาพที่​ 6.เป็นการขยายความเพิ่มครับ​ กราฟแท่งสีแดงคือหนี้ที่ค้างเกิน​ 90วันหรือหนี้เสียของสินเชื่อบ้าน​ แท่งสีเหลืองคือหนี้กำลังจะเสียหรือ​ SM สินเชื่อบ้าน​ กราฟแทงด้านซ้ายคือจำนวนบัญชีแยกตามช่วงวัยของ​ Generation ในแต่ละไตรมาสครับ​ เช่นไตรมาส​ 1ปี​ 2567​ Gen Y ถือสัญญาสินเชื่อบ้านที่เป็น​ NPL เท่ากับ​ 83,281 สัญญา​ คิดเป็นเงิน​ 1.24 แสนล้านบาท​
ในกรณีของ​ SM​ บ้านที่อยู่ในมือคน​ Gen Y​ ช่วงเวลาเดียวกันนี้​มีจำนวน​ 76,276 สัญญา​ คิดเป็นเงิน​ 1.18 แสนล้านบาท​ คิดแบบเร็วๆครับ​ คน​ Gen Y​ เป็นหนี้เสียบ้านกว่า​ 50% ของหนี้เสียบ้านทั้งหมด​(1.24/2.0แสนล้านบาท) และก็กว่า​ 50% อีกเหมือนกันที่คน​ Gen Y​ เป็นหนี้กำลังจะเสียส่วนใหญ่(1.18/1.8แสนล้านบาท) คนวัยกำลังทำงานจะไปต่ออย่างไรในบรรยากาศ​เศรษฐกิจ​โตต่ำ​ มีปัญหาให้แก้แทบทุกด้าน​ จะเป็นหลานอาม่าในวันนี้มันไม่ง่ายเหมือนในหนังที่มีคนรุ่นก่อนเก็บเงินไว้ให้นะครับ​ ชีวิตจริงกับในหนังมันแตกต่างกันพอสมควร

7.ผมขอเสนอภาพความรู้สึก​ การประเมิน​ และข่าวร้ายๆเกี่ยวกับคนที่เป็นลูกหนี้​ ว่าในสภาพที่รุมเร้าแบบนี้​ ทางออกของใครบางคนมันก็ไม่พึงประสงค์​ แต่คนเรานะครับ​ เมื่อมันสุดของสุด​ การตัดสินใจแบบนี้เราอาจจะเห็นมากขึ้น​ ได้แต่ภาวนาว่าอย่าเป็นเช่นนั้นเลย อันนี้มาจากภาพข่าวของสื่อ
ภาพที่เหลือคือขอเชิญชวนทุกๆท่านไปฟังการบรรยาย​ หนี้ครัวเรือนไทยและการแก้ไขปัญหาในมุมมองของคนที่รับผิดชอบโดยตรงก็คือวิทยากรจากแบงค์​ชาติ​ ในงาน​ Money expo ที่เมืองทองธานีในวันที่​ 18 พฤษภาคม​ 2567นี้นะครับ​ ไปฟัง​ ไปถามครับ​ ว่าเราจะทำอย่างไรถ้าเราคือคนที่มีปัญหาการค้างชำระหนี้บ้านในเวลานี้​

แต่งงานในเวลาที่เหมาะสม​ แต่งกับงานที่สร้างรายได้ให้ทันกับค่าใช้จ่าย​ กู้บ้านกู้รถเอาตามความเหมาะควรของตัวเรา​ อย่าไปเอามาตรฐานที่คนอื่นมาบอกว่าเราควรทำอย่างไร​ เพราะบางครั้งคนที่บอกให้เราทำอย่างไร​ เขาคนนั้นอาจจะยังไม่รอดจากความอยากของตัวเค้าเองอยู่เลย กระเป๋าใครกระเป๋ามัน​ สำหรับตัวผมได้แต่บอกว่า​ ถ้าคิดจะมีลูกกันในปีพ.ศ. นี้​ คิดกันเยอะๆ​ คิดกันให้มาก​ คิดแล้วคิดอีก​ “การไม่มีลูก​ อาจเป็นลาภอันประเสริฐ” ​ ในช่วงเวลาที่ยังมี​ Long​ covid-19​ ด้านการเงินอย่างในเวลานี้นะครับ​ ลองไตร่ตรอง​ดูครับ... 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1565117
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่