Abang Adik #รีวิวหนัง
=======================
1
#KeyHighlight
ใครจะไปคิดว่าพฤษภาช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยหนังบล็อกบัสเตอร์จะมีสุดยอดหนังที่สุดแห่งปีอยู่ และมีหนังไม่กี่เรื่องหรอก ที่ดูแล้วอิมแพ็คกับการแสดงที่ทรงพลังสุดๆ ซึ่ง Abang Adik คือหนึ่งในหนังเรื่องนั้น
2.
เรื่องย่อ
Abang Adik เรื่องราวของ เด็กกำพร้า 2 คน อาบัง (พี่ชาย) และ อาดิ (น้อง) ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ไม่เคยเห็นผู้ให้กำเนิดและไม่มีบัตรประชาชน มีเพียงเจ๊มันนี่สาวสองที่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ทำให้ทั้งคู่ผูกพันเป็นพี่น้อง
3.
อาบังเป็นคนหูหนวกและทำงานหนักเก็บเงิน ส่วนอาดิผู้มีความฝันยิ่งใหญ่ ไม่อยากเลือกหนทางลำบากแบบพี่ชาย ขณะที่ทางการก็เริ่มกำจัดคนไร้สัญชาติ ทำให้ทั้งคู่ลำบากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งบททดสอบครั้งสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินครั้งสำคัญในชีวิต
4.
#เป็นยังไงบ้าง
ถึงแม้จะเป็นหนังมาเลเซียแต่สะท้อนปัญหาไม่ต่างจากปัญหาในบ้านเรา เห็นได้ชัดคือเรื่องความเหลื่อมล้ำผ่านตัวละคร “อาบังและอาดิ” ที่แสดงให้เห็นถึงระบบที่พุพังจนเห็นช่องโหว่ ลองคิดดูขนาดเราเป็นประชาชนสวัสดิการณ์บางอย่างยังเข้าถึงได้ยากเลย แต่คนไร้สัญชาติที่เข้าไม่ถึงแม้แต่สิทธิขั้นพื้นฐาน ถูกเลือกปฏิบัติและกีดกันจากสังคมชีวิต
ยากขนาดไหน
5.
แม้กระทั่งการปากว่าตาขยิบของเจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยคนไร้สัญชาติเข้ามาก่อนแล้วตามจับทีหลัง หากินกับสินบนและความลำบากของคนเหล่านี้ ซึ่งอิจนท.ในหนังก็คือสนามอารมณ์ของคนดู ดูไปก็อยากด่าไปสะใจดี 5555
6.
หนังแบ่งการเล่าเรื่องครึ่งแรกกับครึ่งหลังอย่างชัดเจน ชอบที่ครึ่งแรกพูดถึงความยากลำบากของคนไร้สัญชาติในมาเลเซีย ในขณะเดียวกันก็ดื่มด่ำไปกับสิ่งเล็กน้อยที่ทำให้พวกเขามีความสุข มันคือสิ่งเล็กน้อยที่ดูแล้วยิ่งใหญ่และใจฟูมากสำหรับเรา
7.
ในขณะที่ครึ่งหลังหนังขับเคลื่อนด้วยตัวละคร และการแสดงที่โคตรสุดยอด หนังมีการแสดงที่เป็นภาพจำอยู่หลายซีน เช่นฉากการเต้นรำในวันเกิดของเจ๊มันนี่ หรือฉากนึงที่ดูแล้วรู้สึกตลกร้ายแบบขมขื่น ทำให้นึกถึงสะพานลอยที่เขียนว่า “กรุงเทพ ชีวิตดีๆที่ลงตัว” ในบ้านเราขึ้นมาเลย
8.
นอกจากประเด็นเกี่ยวกับสังคม ยังพูดถึงมิตรภาพของพี่น้องได้ประทับใจ ยิ่งใครมีพี่น้องยิ่งต้องมาดู เอาจริงนี่ไม่ใช่แค่หนังที่พูดถึงคนชายขอบ แต่มันคือการก้าวผ่านและเติบโตที่ดีมากเรื่องหนึ่งของปีนี้เลยทีเดียว
9.
ถ้าคุณใจแข็งกับซีนอารมณ์มาตลอดทั้งเรื่อง ต้องเจอองค์สุดท้ายของหนังที่ผู้กำกับปล่อยให้นักแสดงได้ “ระเบิดการแสดงอันทรงพลังออกมา” ในระดับที่ว่าถ้าคุณเคยรักการแสดงระดับเทพของ วาคีน ฟีนิกซ์ หรือ เบรนแดน เฟรเซอร์ มาแล้ว คุณจะต้องรักการแสดงของ “อาบัง” อย่างสุดหัวใจ
.
ดูจบแล้วทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ชีวิตของคุณมีค่าแค่ไหนในเมืองนี้ ?” #ABANGADIK #ล่าฝันเมืองเดือด มีกำหนดเข้าฉายพฤหัสนี้ 16 พฤษภาคมเป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์ค่ะ
[SR] หนังที่ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ชีวิตของคุณมีค่าแค่ไหนในเมืองนี้ ?” #ABANGADIK #ล่าฝันเมืองเดือด
=======================
1
#KeyHighlight
ใครจะไปคิดว่าพฤษภาช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยหนังบล็อกบัสเตอร์จะมีสุดยอดหนังที่สุดแห่งปีอยู่ และมีหนังไม่กี่เรื่องหรอก ที่ดูแล้วอิมแพ็คกับการแสดงที่ทรงพลังสุดๆ ซึ่ง Abang Adik คือหนึ่งในหนังเรื่องนั้น
2.
เรื่องย่อ
Abang Adik เรื่องราวของ เด็กกำพร้า 2 คน อาบัง (พี่ชาย) และ อาดิ (น้อง) ที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทั้งคู่ไม่เคยเห็นผู้ให้กำเนิดและไม่มีบัตรประชาชน มีเพียงเจ๊มันนี่สาวสองที่คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ ทำให้ทั้งคู่ผูกพันเป็นพี่น้อง
3.
อาบังเป็นคนหูหนวกและทำงานหนักเก็บเงิน ส่วนอาดิผู้มีความฝันยิ่งใหญ่ ไม่อยากเลือกหนทางลำบากแบบพี่ชาย ขณะที่ทางการก็เริ่มกำจัดคนไร้สัญชาติ ทำให้ทั้งคู่ลำบากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งบททดสอบครั้งสำคัญที่ทำให้ทั้งคู่ต้องตัดสินใจเลือกทางเดินครั้งสำคัญในชีวิต
4.
#เป็นยังไงบ้าง
ถึงแม้จะเป็นหนังมาเลเซียแต่สะท้อนปัญหาไม่ต่างจากปัญหาในบ้านเรา เห็นได้ชัดคือเรื่องความเหลื่อมล้ำผ่านตัวละคร “อาบังและอาดิ” ที่แสดงให้เห็นถึงระบบที่พุพังจนเห็นช่องโหว่ ลองคิดดูขนาดเราเป็นประชาชนสวัสดิการณ์บางอย่างยังเข้าถึงได้ยากเลย แต่คนไร้สัญชาติที่เข้าไม่ถึงแม้แต่สิทธิขั้นพื้นฐาน ถูกเลือกปฏิบัติและกีดกันจากสังคมชีวิตยากขนาดไหน
5.
แม้กระทั่งการปากว่าตาขยิบของเจ้าหน้าที่รัฐ ปล่อยคนไร้สัญชาติเข้ามาก่อนแล้วตามจับทีหลัง หากินกับสินบนและความลำบากของคนเหล่านี้ ซึ่งอิจนท.ในหนังก็คือสนามอารมณ์ของคนดู ดูไปก็อยากด่าไปสะใจดี 5555
6.
หนังแบ่งการเล่าเรื่องครึ่งแรกกับครึ่งหลังอย่างชัดเจน ชอบที่ครึ่งแรกพูดถึงความยากลำบากของคนไร้สัญชาติในมาเลเซีย ในขณะเดียวกันก็ดื่มด่ำไปกับสิ่งเล็กน้อยที่ทำให้พวกเขามีความสุข มันคือสิ่งเล็กน้อยที่ดูแล้วยิ่งใหญ่และใจฟูมากสำหรับเรา
7.
ในขณะที่ครึ่งหลังหนังขับเคลื่อนด้วยตัวละคร และการแสดงที่โคตรสุดยอด หนังมีการแสดงที่เป็นภาพจำอยู่หลายซีน เช่นฉากการเต้นรำในวันเกิดของเจ๊มันนี่ หรือฉากนึงที่ดูแล้วรู้สึกตลกร้ายแบบขมขื่น ทำให้นึกถึงสะพานลอยที่เขียนว่า “กรุงเทพ ชีวิตดีๆที่ลงตัว” ในบ้านเราขึ้นมาเลย
8.
นอกจากประเด็นเกี่ยวกับสังคม ยังพูดถึงมิตรภาพของพี่น้องได้ประทับใจ ยิ่งใครมีพี่น้องยิ่งต้องมาดู เอาจริงนี่ไม่ใช่แค่หนังที่พูดถึงคนชายขอบ แต่มันคือการก้าวผ่านและเติบโตที่ดีมากเรื่องหนึ่งของปีนี้เลยทีเดียว
9.
ถ้าคุณใจแข็งกับซีนอารมณ์มาตลอดทั้งเรื่อง ต้องเจอองค์สุดท้ายของหนังที่ผู้กำกับปล่อยให้นักแสดงได้ “ระเบิดการแสดงอันทรงพลังออกมา” ในระดับที่ว่าถ้าคุณเคยรักการแสดงระดับเทพของ วาคีน ฟีนิกซ์ หรือ เบรนแดน เฟรเซอร์ มาแล้ว คุณจะต้องรักการแสดงของ “อาบัง” อย่างสุดหัวใจ
.
ดูจบแล้วทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ชีวิตของคุณมีค่าแค่ไหนในเมืองนี้ ?” #ABANGADIK #ล่าฝันเมืองเดือด มีกำหนดเข้าฉายพฤหัสนี้ 16 พฤษภาคมเป็นต้นไป ในโรงภาพยนตร์ค่ะ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้