ชิมแล้วมันขมคอ... ที่ว่าอร่อยคือหล่นปุ๊บกินปั๊บ หรือเปล่า ถ้ารอระยะรอขนส่งด้วย ไม่ว่าไปประเทศไหนก็คงปลาร้าหมด
จะว่าไปผลไม้ส่วนใหญ่ในโลกนี้ยกเว้นตระกูล Tree nuts ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล น้อยหน่า มะละกอ องุ่น ชมพู่ สาลี่ ขนุน ฯลฯ ถ้าสุกร่วงจากต้น คือพ้นระยะ showcase ที่สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ชอบกินแล้วทั้งนั้น แล้วทำไม มูซานคิงถึงรอด ? หมอนทองยังไม่รอดเลยถ้ารอสุกจนร่วง เป็นธรรมชาติของมันจริงๆ หรือเป็นการบิวท์วิธีการกินแบบปลาร้า สร้างค่านิยมขึ้นมาภายหลังครับ ? เช่นทุเรียนพื้นบ้านเดิม ต้นทั้งสูงทั้งใหญ่ ไม่หล่นก็ไม่ได้กิน รอหล่นอย่างเดียว จึงต้องกินอย่างนั้น ซึ่งถ้าร่วงปุ๊บกินปั๊บ ก็คงอร่อย แต่ถ้านอนอยู่ใต้ต้นอีกซักอาทิตย์ค่อยกิน ผมว่าคนพื้นบ้านเองก็คงเมินเหมือนกันมั้ง แต่ในเมื่อในทางเศรษฐกิจจะให้ขนส่งฉับไวปานจรวดก็ไม่ได้ ก็เลยต้องสร้างค่านิยมกินทุเรียนที่หล้นจากตันมาอาทิตย์นึงแล้วแทนกินสดๆ
แล้วนอกจากทุเรียน มูซานคิงแล้ว มีผลไว้อะไรอีกที่ต้องรอร่วงมนุษย์ถึงบอกว่าอร่อย ?
แอบคิดว่า มูซานคิง ที่หล่นแล้วขาย คือพ้นระยะอร่อยสุดของมันมาแล้ว ระยะอร่อยที่สุดน่าจะช่วง ร่วงปุ๊บกินปั๊บป่ะนะ
จะว่าไปผลไม้ส่วนใหญ่ในโลกนี้ยกเว้นตระกูล Tree nuts ไม่ว่าจะเป็น แอปเปิ้ล น้อยหน่า มะละกอ องุ่น ชมพู่ สาลี่ ขนุน ฯลฯ ถ้าสุกร่วงจากต้น คือพ้นระยะ showcase ที่สิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์ชอบกินแล้วทั้งนั้น แล้วทำไม มูซานคิงถึงรอด ? หมอนทองยังไม่รอดเลยถ้ารอสุกจนร่วง เป็นธรรมชาติของมันจริงๆ หรือเป็นการบิวท์วิธีการกินแบบปลาร้า สร้างค่านิยมขึ้นมาภายหลังครับ ? เช่นทุเรียนพื้นบ้านเดิม ต้นทั้งสูงทั้งใหญ่ ไม่หล่นก็ไม่ได้กิน รอหล่นอย่างเดียว จึงต้องกินอย่างนั้น ซึ่งถ้าร่วงปุ๊บกินปั๊บ ก็คงอร่อย แต่ถ้านอนอยู่ใต้ต้นอีกซักอาทิตย์ค่อยกิน ผมว่าคนพื้นบ้านเองก็คงเมินเหมือนกันมั้ง แต่ในเมื่อในทางเศรษฐกิจจะให้ขนส่งฉับไวปานจรวดก็ไม่ได้ ก็เลยต้องสร้างค่านิยมกินทุเรียนที่หล้นจากตันมาอาทิตย์นึงแล้วแทนกินสดๆ
แล้วนอกจากทุเรียน มูซานคิงแล้ว มีผลไว้อะไรอีกที่ต้องรอร่วงมนุษย์ถึงบอกว่าอร่อย ?