เครดิตบูโร เปิดสถิติหนี้เสีย Q1/67 แตะ 1.09 ล้านล้าน “รถยนต์-บ้าน” พระเอก

เครดิตบูโร เปิดข้อมูลไตรมาส 1/67 ยอดหนี้เสียสะสม​ 1.09 ล้านล้านบาท เติบโต​ 14.9% “รถยนต์-บ้าน” พระเอก เผยหนี้รถยนต์​ 2.4 แสนล้าน เติบโต​ 32% ​หนี้บ้าน​ 1.99 แสนล้านบาท เติบโต​ 18% ด้านหนีกำลังเสีย SM อยู่ที่​ 6.4แสนล้าน ชี้ บัตรเครดิตมาแรงพุ่ง​ 32.4%

วันที่ 12 พฤษภาคม 2567 นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) ได้โพสต์เฟสบุ๊ก “Surapol Opasatien” ว่า ไตรมาสที่​ 1/2567 ขอรายงานข้อมูล​ ตามที่ได้แจ้งไปวันก่อนดังนี้นะครับ​



1.ภาพหนี้ครัวเรือนไทยเทียบกับ​ GDP​ จะพบว่าปัจจุบันอยู่ที่​ 91.3% ไม่ต้องบอกนะครับว่ามันอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ​และการดำเนินชีวิตผู้คนที่เป็นหนี้​ ผลจาก​ income shock ในช่วงโควิดที่มีการประเมินว่าหายไปถึง​ 2.6ล้านล้านบาท​ และอัตราส่วนนี้มันเลยธง​ 80% ที่มาตรฐานสากลเขาบอกว่าควรต้องกำหนดมาตรการดึงลงมา​ แต่โชคร้ายคือขณะที่พยายามจะดึงมันลง​ โรคระบาดก็มาคั่นกลาง​ ตื่นจากฝันร้ายก็มาเจอเศรษฐกิจ​โตต่ำ​ รายได้ของธุรกิจเคขาลงมัยยังไม่ฟื้นตัว รายได้ผู้คนก็น้อยลง​ ไม่แน่นอน​ ข้าวของค่อยๆมีราคาเพิ่ม​ การดำเนินชีวิตยากลำบากขึ้น​ ขอบคุณ​ธปท.ที่ทำภาพนี้มาให้เห็นชัดเจนว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร

2.ภาพต่อมาคือเจาะลงดูในรายละเอียดจะเห็นว่าเจ้าหนี้แต่ละประเภทนั้นให้กู้กันคนละเท่าไหร่​ จุดที่น่าสนใจมากๆคือ​ หนี้ที่ปล่อย​กู้โดยสหกรณ์​ออมทรัพย์ให้กับสมาชิกโตถึง​ 2.3ล้านล้านบาท​ ในจำนวนนี้​ 8แสนล้านบาทเป็นการให้กู้กับกลุ่มอาชีพคุณครูและบุคลากร​ทางการศึกษา​ ซึ่งเป็นเป้าหมายใหญ่ที่ทางการได้เข้ามาเร่งแก้ไข​ โดยเฉพาะประเด็นการหักเงินหน้าซองเงินเดือน​จนเหลือไม่ถึง​ 30%ของรายได้​

แถมมีการหักหลังซองต่อจนแทบจะดำเนินชีวิตต่อไปไม่ได้​ เรื่องนี้บทบาทของนายจ้างจะมีส่วนสำคัญในการต่อรองกับเจ้าหนี้​ อีกส่วนหนึ่งของข้อม​ูลที่แสดงคือ​ 28%ของหนี้ครัวเรือนไทยที่​ 16.3ล้านล้านบาท​ เป็นการกู้ไปกินไปใช้ที่เรียกว่าบริโภค​ ซึ่งมันต้องเอารายได้ในอนาคตมาผ่อนจ่าย​ คำถามคือถ้ารายได้ไม่มาตามนัด เพราะมีโรคระบาดคั่น​ ไอ้สิ่งที่คิดว่าจะจ่ายได้แน่​ มันก็ไม่แน่​ แถมดอกเบี้ยก็ทับถม​ และแพงพอควร​ มันจึงเป็นปัญหามีหนี้สะสมเกินศักยภาพ​ในวันนี้​ เพราะวันนั้นคิดว่ามันอยู่ในศักยภาพ​ ตรนี้เรียกว่าติดกับดักการเป็นหนี้

3.ภาพที่สามคือ​ ตัวเลขหนี้สินภาคครัวเรือนที่อยู่ในระบบของเครดิตบูโร​ครับ​ ตัวเลขมันเท่ากับ​ 13.6ล้านล้านบาท​ ที่ไม่ได้นำมารวมชัดๆคือหนี้ที่ให้กู้โดยสหกรณ์​ออมทรัพย์​และหนี้ของกยศ.​ จะเห็นได้ว่า​ หนี้บ้านเติบโตในไตรมาส​ 1/2567 เท่ากับ​ 3.8%yoy​ หนี้รถยนต์​ เท่ากับ​ -​1.5%yoy ที่น่ากังวลคือหนี้เอาไปทำธุรกิจกับหนี้​ OD​ มันติดลบ​ 5.7%และ5%yoy​ ตามลำดับ​ สินเชื่ออื่นๆที่เติบโตมาจากการส่งข้อมูล​บัญชีดอกเบี้ย​ที่แขวนไว้จากการปรับโครงสร้าง​หนี้​เป็นสำคัญ​ ที่สำคัญยอดหนี้ในภาพรวมเติบโต​ 2.9%yoy​ เรามาดูกันต่อว่า​ GDP​ ไตรมาสหนึ่งที่จะรายงานนี้มันจะโตน้อยกว่าหรือมากกว่า​ เพราะมันจะส่งผลต่อ​ สัดส่วนหนี้ครัวเรือนไทยต่อ​GDP​ ที่เรามีฝันว่าเป้าหมายไกลๆเราจะไปอยู่ที่​ 80%

4.ถ้ามาดูในประเด็นจำนวนบัญชี​บ้าง​ 84.4ล้านบัญชีของ​ 13.6ล้านล้านบาทนั้น​ ส่วนใหญ่ติดลบหมด​ ยกเว้นบัตรเครดิตเติบโต​ 1.5%yoy​ และหนี้อื่นๆก็อย่างที่เล่าในข้อ​ 3ข้างต้น​ การหดตัวในทุกประเภทสินเชื่อ​ จึงไม่แปลกใจที่มีเสียงบ่นกันถึงความเข้มงวดในการให้กู้เวลานี้​ กติกาคือต้องมีศักย​ภาพ​ และศักยภาพ​คือมีรายได้​ แน่นอน​ มั่นคง​ เพียงพอ​ สม่ำเสมอ​ คำถามคือโลกหลังโควิด​ มีลูกค้าแบบนี้น้อยลงหรือมากขึ้น​ ข้อมูล​จากการสอบถามกันเวลานี้คือรายได้​ 5หมื่นต่อเดือนและมีหนี้ไม่มาก​ ถึงจะเติมหนี้ได้

5.Key point ของหน้านี้คือจากตัวเลขหนี้รวม​ 13.64ล้านล้านบาท​ มีตัวเลขหนี้เสีย, หนี้​ NPLs แล้วเป็นยอดสะสม​ 1.09ล้านล้านบาทคิดเป็น​สัดส่วน​ 8% ไอ้ที่รายงานกันคือเฉพาะธนาคาร​พาณิชย์​นะครับ​ และคำนิยามมันอาจจะอ่อนกว่าที่แสดงในภาพ​ สิ่งที่แสดงคือบัญชีสินเชื่อ​ใดก็ตามค้างเกิน​ 90วันก็หยิบมานับ​ ไม่สนใจเรื่อง​สำรองหรือหักหลักประกันออก​ นิยามนี้​ IMF.แนะนำผมให้​ใช้​ เพราะมันบอกถึงความจริงและสะท้อน​ความเป็นจริงได้ดี​ ส่วนเส้นสีดำที่แสดงคือ​ ยอดหนี้สะสมที่เสียไปแล้วจากนั้นนำมาปรับปรุง​โครงสร้าง​หนี้​ที่มีปัญหา​หรือทำ​ TDR​ ปัจจุบัน​ไตรมาสหนึ่งมาอยู่ที่​ 1.07ล้านล้านบาทคิดเป็นสัดส่วน​ 7.9% เส้นสีเหลืองคือหนี้กำลังจะเสีย​ หนี้ค้างชำระ​แต่ยังไม่เกิน​ 90วัน​ หนี้​ SM ตอนนี้มาอยู่ที่​ 6.4แสนล้านแล้วนะครับ​ ถ้ายอดหนี้​ SM​ ไหลมาเพิ่มเร็วและแรง​ มันจะทำให้เกิดโอกาสเป็น​หนี้​ NPLs​เพิ่มสูงในอนาคต​

6.Key points อีกอันหนึ่งที่ชัดเจนมากๆในไตรมาส​ 1/2567 ก็คือ​ หนี้เสีย​ 1.09ล้านล้านบาทนั้นมันเติบโต​ 14.9%yoy​ มีพระเอกคือหนี้รถยนต์​ 2.4แสนล้านเติบโต​ 32%yoy​ มาตรการแก้ไขคือ…. หนี้บ้าน​ 1.99แสนล้านบาทเติบโต​ 18%yoy​ มีการเร่งปรับโครงสร้างหนี้มากเช่นการไปยืดหนี้ออกให้ยอดผ่อนสอดคล้องกับรายรับ​ ตามมาด้วย​ PLoan​ 2.6แสนล้านบาทเติบโต​ 12%yoy​ ขณะที่หนี้บัตรเครดิตเติบโต​ 14.6%yoy​ อย่างที่เล่าไปวันก่อน​
ในส่วนของหนี้กำลังจะเสีย, หนี้​ SM​ ในไตรมาสที่​ 1/2567 หนี้บ้านเป็นพระเอกครับ​ 1.86แสนล้านบาท​เติบโต​ 15%yoy​หนี้รถยนต์​ 2.04แสนล้านบาทเติบโตแผ่วลงไปที่​ 7%yoy​ แต่ที่กำลังมาแรงคือหนี้บัตรเครดิต​ เพราะมีการเติบโต​ 32.4%yoy พร้อมกับมาตรการเพิ่ม​ %การชำระหนี้ขั้นต่ำจาก​ 5%มาเป็น​ 8% อย่างที่สื่อนำไปวิพากษ์วิจารณ์​กัน(ผมไม่ได้บอกว่าดีไม่ดีนะครับ​ อย่ามาหาเรื่อง​ ไปเคลียร์​กับสื่อที่เขาวิเคราะห์​นะครับ​ ไม่ต้องไปบอกใครคนนั้นให้มาบอกผมว่าไม่สบายใจในการให้ข้อมูล​ของผมนะครับ) ในภาพรวมการเติบโตของ​ SM​ ก็คือ​ 7.3% yoy ถือว่าไม่แรงมากแบบเทกระจาดหรือเขื่อนแตก​

7.เป็นต้นไปถึง​ 10.ก็เป็นสิ่งที่วิทยากรจากธปท.นำเสนอในงานบรรยายของสมาคม​นักวางแผนทางการเงินไทย​ ที่ผมเห็นว่าดีและน่าสนใจครับว่า​ ในเชิงนโยบายของผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินในระบบส่วนใหญ่กำลังคิด​อยู กำลังทำ​อยู่​ และกำลังทำต่อ​ ท่านได้นำเสนออะไร​ ท่านมีคำแนะนำต่อลูกหนี้ที่กำลังประสบปัญหา​อย่างไร​ ในโอกาสหน้าท่านคงจะมีโอกาสมาให้ข้อมูล​ว่า​ ผลลัพธ์, ผลผลิต​ ของนโยบาย​ มาตรการนั้น​ ได้ก่อดออก​ผลมาเป็นไปตามเป้าประสงค์​หรือไม่​ เช่น​ หนี้เสียบัตรเครดิตยอด ณ​ มีนาคม​ 2567​ จำนวน​ 1.029ล้านสัญญา​นั้น​ ชวนเข้าคลีนิคแก้หนี้ได้กี่สัญญา​ครับ​ หนี้เสีย​ PLoan​ จำนวน​ 5ล้านสัญญา​ สามารถ​เข้าคลีนิคแก้หนี้​ได้จริงๆกี่สัญญา​ ทำตารางง่ายๆก็ได้ครับ​ เป้าหมายกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็พอ​
ข้อมูล​ไตรมาส​ 1/2567 ในภาพใหญ่​ ก็เป็นไปตามข้างต้นครับ​ ผมไม่ได้รู้สึกดีใจที่มาแจ้งข่าวร้ายหรือปัญหานะครับ​ แต่นี่คือข้อมูล​ครับ​ ข้อมูล​ไม่เคยหลอกใคร​ ยกเว้นเราหลอกตัวเองด้วยการอ่านข้อมูล​แบบอยากให้เป็นอย่างใจเราคิด​ นำเสนอเพื่อให้นำไปคิดให้เกิดผลเพราะเรากินเงินเดือนมาแก้ไขปัญหาครับ​ ต่างคนต่างมีหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย​... 

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/finance/news-1562000
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่