รู้สึกนอยพ่อแม่ ควรจัดการความคิดยังไงดี

ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นลูกคนโตเพิ่งจะเรียนจบไม่ถึงปี มีน้องที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
เราเป็นคนชอบภาษามากๆ พยายามตั้งใจเรียนมากๆ เพื่อวันนึงเราจะได้ไปแลกเปลี่ยนตปท.เหมือนเพื่อนๆคนอื่นบ้าง
ส่วนตัวคืออยากไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ อยากฝึกภาษาอังกฤษด้วยการไปอยู่ตรงนั้นเลย

ตอนม.ปลายเราเลยลองสอบทุนแลกเปลี่ยน ผลออกมาคือผ่าน สิ่งที่แม่เราบอกคือ ไม่ต้องไปหรอก เด็กอยู่ ตอนนั้นเราก็ยังไม่คิดอะไร เพราะก็กลัวๆ เลยคิดว่างั้นค่อยไปโครงการ Work&Travel ละกัน สักครั้งนึงต้องไปให้ได้
จนตอนนี้เราเรียนจบแล้ว โครงการนี้มันจะไปง่ายถ้าไปภายใน 1 ปีหลังเรียนจบ เราก็ขอแม่ เพราะเราอยากไปจริงๆ แต่แม่เราก็บอกว่า "ยังไม่ต้องไปหรอก อีกหน่อยตัวเองก็ได้ไป ตอนทำงาน" เรานอยนะ แต่ก็พยายามเข้าใจแม่ว่าเขาอาจจะจ่ายค่าเรียนให้เรามามากพอแล้ว
แม่เราเวลาเห็นลูกเพื่อนแม่ไปเวิร์คแบบนี้ก็ชอบมาพูดให้เราฟังตลอดว่าคนนั้นไปนะ คนนี้ไปนะ เราก็ต้องมารับรู้เรื่องพวกนี้ทุกครั้งละก็นอยทุกครั้ง

ล่าสุดน้องสาวเรากำลังจะเข้ามหาลัย เอกเกาหลี ซึ่งทางสาขาก็มีโครงการให้ไปแลกเปลี่ยนที่เกาหลีด้วย แม่เราก็ชอบมาปรึกษาเราเรื่องอยากให้น้องไปให้ได้ตลอด จะเก็บเงินส่งน้องไปให้ได้ เพราะอยากให้น้องได้ประสบการณ์ อยากให้น้องได้ภาษา เราฟังทุกครั้งก็นอยทุกครั้ง จนเราต้องพูดออกไปตรงๆว่า แล้วทำไมไม่ส่งเราบ้าง ก็ตอบเหมือนเดิม "ตัวเองทำงานแล้วนิ่ เดี๋ยวก็ได้ไป" 

ไม่พอแค่นั้น น้องเราอยากมาเรียนที่กทม. พ่อเราที่ไม่ค่อยอยากให้ไปเพราะห่วงเรื่องเงิน ก็มาบอกเราตลอดว่า จบแล้วก็ส่งน้องเรียนบ้างนะ...

เราไม่รู้ว่าเราควรจัดการความรู้สึกตัวเองยังไงดี เราก็เพิ่งเริ่มทำงานได้ไม่นาน เรามีความคิดว่าอยากเก็บเงินส่งตัวเองไปเรียนโทที่เมืองนอกให้ได้ ตอนนี้เรารู้สึกกดดันและคิดมาก รู้สึกน้อยใจที่เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราพยายามมาตลอด เราคิดทุกครั้งว่าทำไมต้องเป็นหน้าที่เราที่ต้องส่งน้องเรียน ในเมื่อเราก็อยากมีชีวิตของเราบ้างแค่นั้นเอง เราไม่เคยคิดจะเนรคุณพ่อแม่ แต่เราโดนพ่อแม่พูดคำว่าเนรคุณใส่บ่อยมาก เราไม่เคยเกเรจนไม่ร่ำเรียนเลยด้วยซ้ำ พอเริ่มพูดเหตุผลส่วนตัวก็มองเราไม่ดีตลอด เราเหนื่อยมาก

เรากลายเป็นคนขี้อิจฉาคนที่พ่อแม่ซัพพอร์ตในสิ่งที่อยากทำ เรากลายเป็นคนเครียดกับเรื่องเดิมๆ ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราก็ไม่ค่อยชอบตัวเองเวอร์ชั่นแบบนี้เหมือนกัน แต่มันก็หยุดไม่ได้สักที T T

ตอนนี้เรามาทำงานกับคนรู้จัก ยิ่งทำให้เราเปรียบเทียบตัวเองกับลูกเขามากขึ้นไปอีก คนรู้จักของเราเป็นเจ้าของร้านอาหารใหญ่ มีเงินใช้ไม่ขาด เราก็มาทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทำนู่นนี่นั่น เราต้องเจอลูกเขาทุกวัน ลูกเขาอยากไปแลกเปลี่ยนตปท. เขาก็หาเงินให้ลูกเก็บให้ลูกทั้ง3คน เพื่อที่จะให้ลูกทั้ง3คนได้ประสบการณ์และฝึกภาษา ซัพพอร์ตลูกในทุกทาง เรารับรู้เรื่องพวกนี้มาตลอดและอดไม่ได้ที่จะเทียบกับชีวิตของตัวเองจริงๆ

ใครเจอเหตุการณ์แบบนี้มาแชร์กันได้นะคะ เราเหงามาก ไม่รู้จะระบายกับใคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่