โปรดใช้วิจารณญาณเมื่อดูภาพนี้แล้ว! (เรื่องเล่ากุ๊กกู๋ ตอนสมัยเรียนมัธยมปลายโรงเรียนวัด100ปี+)

กระทู้นี้เกิดจากผมเอาภาพนี้ให้เพื่อนๆในวงสนทนาที่กำลังเล่าเรื่องผีที่ตัวเองเจอกันอย่างเมามันส์ โดยเล่าไปชี้อธิบายไปแล้วแต่จะเชื่อเลยเรื่องมันนานแล้ว
.
ขอเล่าย้อนก่อนว่าช่วงผมนั้น เรียนอยู่สหมัธยมศึกษา เป็นโรงเรียนวัดอายุ 120ปี+ (ขอไม่เอ่ยชื่อแต่คนเคยเรียนที่นี้ถ้าอ่านจะรู้ทันที)
สร้างอยู่ติดกับวัดเนื่องจากพื้นที่ทางโรงเรียนขอหรือทางวัดบริจาคให้ไม่ทราบแน่ชัด
และแน่นอนทุกอาคารเรียนมีการทำใหม่บ้าง สร้างเพิ่มบ้าง แต่มันจะมีอยู่สักอาคารเรียนที่อยู่มาตั้งแต่โรงเรียนก่อตั้ง

ตอนนั้นผมเข้ามาเรียนต่อที่นี้มัธยมปลาย คือ ม.4-5-6 ช่วงนั้นก็มีเรื่องเล่าทั่วๆไปว่า มีนู้นบ้าง ตรงนี้ห้าม ห้องนี้เฮี้ยน ก็ฟังไว้เป็นสีสันไม่ได้คิดอะไร
ด้วยความที่เป็นคนไม่เคยเจอมาก่อน แต่อยู่มาตั้งสามปีจะไม่เจอเลยก็ไม่ใช่ซะทีเดียว
เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่เจอกับตัวเองและเพื่อนแต่จะขอข้ามเรื่องของผมไปก่อน

ช่วงนั้นเหล่านักเรียนม.ปลาย จะมีโครงการพิเศษกันคือหนังสั้นภาษาอังกฤษของแต่ละห้อง ซึ่งแน่นอนว่าก็ต้องคิดบทหนัง ถ่ายทำ ตัดต่อ ตามสถานที่ต่างๆ
แต่อาจารย์ขอให้มีโรงเรียนนี้ติดอยู่ในบทหนังด้วย จะส่วนใดก็ได้แต่ขอให้มองแล้วรู้ว่าอยู่ภายในโรงเรียน ก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรมากสำหรับการถ่ายทำ

ซึ่งหนังสั้นของนร.ส่วนใหญ่จะเน้นที่ถ่ายง่ายๆและไม่ต้องไปสถานที่อื่นๆ ก็เลยทำหนังให้อยู่แต่โรงเรียนไปเลย 
และสิ่งที่ตอบโจทย์กับสถานที่แห่งนี้ ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างที่ว่ากันปากต่อปากว่า เฮี้ยนนะ มีจริงนะ ก็คือหนังผี
ใช่ครับนร.ส่วนใหญ่ไม่ว่าจะชั้นปีไหนเลือกจะถ่ายหนังผีกันเกือบ 50% ของชั้นเรียน

เพราะว่าง่าย สถานที่ก็ไม่ต้องไปที่ไหนไกล เพราะมีสถานที่ถ่ายทำที่ได้บรรยากาศอยู่แล้ว (ตอนดึกบรรยากาศวังเวงมากครับ)
ขนาดตอนผมทำหนังสั้นมี 8เรื่องก็มีหนังผีไปแล้ว 4 เรื่อง (ห้องล่ะ 1 เรื่อง)
และแน่นอนว่าหนังผีมันต้องถ่ายกันตอนกลางคืนอยู่แล้วถึงจะได้อรรถรสที่ถึงใจเหล่าพวกผู้ชมทั้วหลาย 
(การถ่ายทำช่วงกลางคืนที่รร.มีอาจารย์ค่อยควบคุมนะครับ ซึ่งก็มีเรื่องเล่าว่าเจอพร้อมกับนร.ด้วยกันนี่แหละครับ55)

ส่วนภาพที่จะให้ชมนี้เกิดจากการที่ นร.กลุ่มนี้ได้เข้าไปถ่ายทำกันตอนกลางคืนไม่ทราบเวลาแน่ชัด ที่อาคารไม้เก่า ถ่ายทำกันตรงชั้นที่ว่ากันว่า มีจริง
ซึ่งชั้นนี้จะมีห้องเรียนที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ห้องนี้จะมีพระพุทธรูปองค์เล็กใหญ่สลับกัน 
จะเป็นห้องที่อยู่ริมสุดติดกับทางบรรไดหนีไฟขนาดพอเดิน 2 คน 
และถ้าหากหันหน้าออกไปทางระเบียงหน้าห้องเรียน ก็จะมองเห็นวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโรงเรียน พร้อมกับเมรุ 
ที่ว่ากันปากต่อปากว่า เมื่อมีเผาใดๆจากเมรุควันจากปล่องจะลอยเข้ามาถึงที่ชั้นนี้

-
และภาพต่อไปนี้ จิตอ่อนอย่าเปิดดูเด็ดขาด !!!!!!!!!
ขอทุกท่านโปรดใช้วิจารณญาณในการดูนะครับ วิเคราะห์กันด้วยสติ จะคิดว่าตัดต่อหรือสิ่งใดก็ขอให้อยู่ในหลักความเป็นจริงครับ
ภาพนี้เป็นภาพของกลุ่มนักเรียนชั้นม.5 ที่ถ่ายทำหนังกันเสร็จและกำลังยืนเรียงหน้ากระดานเพื่อถ่ายภาพหมู่ และทุกคนต่างมั่นใจแล้วว่า ทุกๆคน ณ ที่ตรงนั้นยืนเรียงหน้ากระดานกันครบทุกคน ภาพนี้กลายเป็นประเด็นในหมู่นร.ที่นั้นอย่างมากและต่างพากันแชร์ประสบการณ์ที่ได้เจอมาที่อาคารไม้หลังนั้นอยู่บ่อยๆตอนถ่ายทำ บ้างก็มีเสียงคนลากเก้าอี้บ้าง บ้างก็เจอเงาดำๆเดินขึ้นบรรไดบ้าง
(ขออนุญาตตัดภาพมาจากสตอรี่fbเท่านี้นะครับ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*
และแน่นอนว่าตัวผมก็ได้เจอกับเหตุการณ์แปลกๆที่คล้ายๆกันแต่เป็นช่วงเวลาเย็น 
ผมกับเพื่อนสองคนกำลังกลับจากการเรี่ยไร่เงินทำบุญให้กับการทอดพระป่าที่โรงเรียน ตอนนั้นผมกับเพื่อนได้ช่วยกัน
หิ้วถังต้นกล้วยปักธงแบงค์กลับมาเพื่อจะไปเก็บไว้ในห้องพระ (ห้องเรียนพระพุทธศาสนา) 
พวกเราต้องใช้ทางบรรไดหนีไฟที่อยู่ริมสุดของอาคารเก่าเพื่อเดินขึ้นไป เนื่องจากบรรไดอาคารเรียน 
ภารโรงได้ทำการปิดหมดแล้วจะเหลือแต่บรรไดหนีไฟที่เปิดไว้ให้
ผมกับเพื่อนเดินขึ้นไปได้สักพัก เดินคุยกันปกติสักพักขึ้นไปจนเกือบถึงชั้นห้องพระ 
มีเสียงผู้หญิงกรี๊ดอัดลงมาจากชั้นบน เสียงหวีดลากยาวลงมาจนสุดเสียง ผมหยุดชะงัก หันไปมองเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนสีหน้าไม่ดีแล้ว 
ผมเลยพูดออกไปว่าอย่าวิ่ง และจากนั้นผมก็หันหลังเดินกลับลงไปเรื่อยๆ
แต่เดินได้ไม่นาน มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามหลังลงมาจากชั้นบนอย่างเร็ว เหมือนคนวิ่งซอยขาลงมาตามขั้นบรรได 
ผมก็พาเพื่อนวิ่งกันกระเจิงขนหัวลุกไปหาอาจารย์แล้ววันถัดมาก็ขอลาป่วยหยุดไปเลยทั้งคู่

ยังเรื่องเล่าอีกมากมายของที่นี้โรงเรียนแห่งนี้ ไว้รวบรวมจากเพื่อนสมัยเรียนหรือรุ่นน้องได้มากๆ จะเอามาเล่าให้ฟังอีกครั้งครับ
สำหรับกระทู้นี้ สวัสดีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่