สียงปรมมือเกรียว! ผู้ว่าฯ แบงค์ชาติ เปิดใจระบายความรู้สึก เผย 'รัฐบาลมาแล้วไป แต่สถาบัน องค์กร ธปท.ต้องอยู่ และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง'
4 พ.ค.67 บนโลกโซเซียลแวดวงการเมืองได้มีการแชร์กระหึ่ม เนื้อหาคำพูดบางส่วนบางตอนของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความรู้สึกในระหว่างพิธีรับมอบทองคำแท่งเข้าคลังแผ่นดิน เมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ ผ่านช่อง Thai PBS
โดย นายเศรษฐาพุฒิ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนมารับตำแหน่งในช่วง 3 ปีครึ่ง ตนและเพื่อนร่วมงานใน ธปท. ทำงานหนักหน่วงมาพอสมควร และสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด คือ กำลังใจที่มหาศาล ไม่เคยคิดว่ามีบุญขนาดนี้ที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน และจะไม่ลืมมัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้ช่วยแค่ตนเท่านั้น แต่ยังช่วยไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการเตือนสติเราด้วยในการทำหน้าที่ ว่าหน้าที่ของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ
“จริงๆ แล้ว ถ้าว่าไปแล้ว รัฐบาลมาแล้วไป ผู้ว่าฯ ก็มาแล้วก็ไป แต่สถาบัน องค์กรธนาคารแห่งประเทศไทยต้องอยู่ และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง” นายเศรษฐาพุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อนายเศรษฐาพุฒิ กล่าวอยู่ได้เรียกเสียงปรบมือให้แก่ผู้ร่วมพิธีอย่างกึกก้อง
อย่างไรก็ตาม การแชร์คำพูดของผู้ว่าฯธปท.ครั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากประเด็นเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต
“เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า” น.ส.แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ได้มีเสียงวิพากวิจารณ์ออกมาทันที หลังจากที่ น.ส.แพทองธารกล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น อาจเป็นการแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่
ล่าสุด วันที่ 4 พ.ค.67 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวถึง กรณีการวิจารณ์คำแถลง น.ส.แพทองธาร ประเด็นความเป็นอิสระและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และได้ยืนยันว่า “รัฐบาลไม่ได้แทรกแซงความเป็นอิสระของ ธปท. แต่อย่างใด การที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร แสดงออกในความคิดคือ ต้องการให้ ธปท. รับฟังเสียงของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการคลัง และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังสอดคล้องและเป็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลซึ่งนำโดยนายกฯ เศรษฐา กำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกันเพื่อการพัฒนาประเทศ”
https://www.naewna.com/politic/802761
แชร์กระหึ่ม!!! ผู้ว่าฯแบงค์ชาติ ระบายความรู้สึก 'รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่ธปท.ต้องอยู่ และอยู่อย่างเข้มแข็ง'
4 พ.ค.67 บนโลกโซเซียลแวดวงการเมืองได้มีการแชร์กระหึ่ม เนื้อหาคำพูดบางส่วนบางตอนของนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงความรู้สึกในระหว่างพิธีรับมอบทองคำแท่งเข้าคลังแผ่นดิน เมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑลสาย 3 กรุงเทพฯ ผ่านช่อง Thai PBS
โดย นายเศรษฐาพุฒิ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนมารับตำแหน่งในช่วง 3 ปีครึ่ง ตนและเพื่อนร่วมงานใน ธปท. ทำงานหนักหน่วงมาพอสมควร และสิ่งหนึ่งที่ช่วยเราได้มากที่สุด คือ กำลังใจที่มหาศาล ไม่เคยคิดว่ามีบุญขนาดนี้ที่ได้รับกำลังใจจากทุกคน และจะไม่ลืมมัน ซึ่งตนคิดว่าไม่ได้ช่วยแค่ตนเท่านั้น แต่ยังช่วยไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการเตือนสติเราด้วยในการทำหน้าที่ ว่าหน้าที่ของเรานั้นศักดิ์สิทธิ์และสำคัญ
“จริงๆ แล้ว ถ้าว่าไปแล้ว รัฐบาลมาแล้วไป ผู้ว่าฯ ก็มาแล้วก็ไป แต่สถาบัน องค์กรธนาคารแห่งประเทศไทยต้องอยู่ และต้องอยู่อย่างเข้มแข็ง” นายเศรษฐาพุฒิ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อนายเศรษฐาพุฒิ กล่าวอยู่ได้เรียกเสียงปรบมือให้แก่ผู้ร่วมพิธีอย่างกึกก้อง
อย่างไรก็ตาม การแชร์คำพูดของผู้ว่าฯธปท.ครั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากประเด็นเมื่อวานนี้ (3 พ.ค.67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต
“เพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า” น.ส.แพทองธาร กล่าวตอนหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ได้มีเสียงวิพากวิจารณ์ออกมาทันที หลังจากที่ น.ส.แพทองธารกล่าวถึงธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น อาจเป็นการแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือไม่
ล่าสุด วันที่ 4 พ.ค.67 น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชระโรจน์ สส. แบบบัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวถึง กรณีการวิจารณ์คำแถลง น.ส.แพทองธาร ประเด็นความเป็นอิสระและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และได้ยืนยันว่า “รัฐบาลไม่ได้แทรกแซงความเป็นอิสระของ ธปท. แต่อย่างใด การที่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร แสดงออกในความคิดคือ ต้องการให้ ธปท. รับฟังเสียงของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการคลัง และเพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินการคลังสอดคล้องและเป็นไปในทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลซึ่งนำโดยนายกฯ เศรษฐา กำหนดเป้าหมายในการฟื้นฟูและผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตไปด้วยกันเพื่อการพัฒนาประเทศ”
https://www.naewna.com/politic/802761