JJNY : อร่อยดีแจ้งปิดทุกสาขา│พนัสขอเปิดไต่สวนฉุกเฉินด่วน│‘ธงทอง’แจงปมโพสต์ผู้ใหญ่บ่นยุติธรรมมีธง│KIA ยึดฐานสำคัญในคะฉิ่น

สตรีทฟู้ดขึ้นห้างอยู่ยาก! อร่อยดี ร้านในเครือ CRG แจ้งปิดทุกสาขา หมดกันเป้าหมายขยายครบ 300 แห่ง
https://brandinside.asia/crg-aroi-dee-2024/
 
 
อร่อยดี ร้านอาหารแนวสตรีทฟู้ดในเครือ CRG ที่มีสาขาในศูนย์การค้า, สถานีบริการน้ำมัน และเน้นจำหน่ายทั้งช่องทางเดลิเวอรี ประกาศบนเฟสบุ๊กเพจของร้านว่า ทางร้านอร่อยดีจะปิดให้บริการทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. 2024 ถือเป็นสัญญาณร้ายของธุรกิจร้านสตรีทฟู้ดขึ้นห้าง หลังเป็นกระแสมาตั้งแต่ช่วงก่อนโรคโควิด-19 ระบาดเล็กน้อย
 
ปิดฉาก อร่อยดี ร้านสตรีทฟู้ดขึ้นห้างในเครือ CRG
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 29 เม.ย. 2024 เฟสบุ๊กเพจทางการของร้านอร่อยดี ได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพว่า “ขอขอบคุณลูกค้าที่น่ารักของร้านอร่อยดีทุกท่าน ทางร้านอร่อยดีจะปิดให้บริการทุกสาขาตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2567 เป็นต้นไปขออภัยในความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และขอขอบคุณที่ทุกท่านไว้วางใจและใช้บริการอร่อยดีเสมอมา
 
ถือเป็นการปิดฉากร้านอร่อยดี ร้านอาหารในเครือ CRG หลังเริ่มต้นธุรกิจในปี 2019 ผ่านการชูจุดเด่นเรื่องการให้บริการอาหารจานด่วนสไตล์สตรีทฟู้ด มีเมนูหลากหลาย ราคาประหยัด และอยู่ในทำเลสะดวก ทั้งยังเป็นแนวอาหารที่เครือ CRG ยังไม่เคยทำตลาดมาก่อน
 
อ้างอิงข้อมูลรายงานผลประกอบการปี 2023 ของ บมจ. โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา บริษัทแม่ของ CRG จะพบว่าสิ้นปี 2023 ทาง CRG มีร้านอาหาร และเครื่องดื่มในเครือ 21 ร้าน (รวมร้านอร่อยดี) แบ่งเป็น 5 กลุ่มประกอบด้วย
 
เบเกอรี่และเครื่องดื่ม: มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์, โคล สโตน ครีมเมอรี่, บราวน์ คาเฟ่, อาริกาโตะ
ร้านอาหารบริการด่วน: เคเอฟซี
ร้านอาหารญี่ปุ่นและเกาหลี: เปปเปอร์ ลันช์, ชาบูตง ราเมน, โยชิโนยะ, โอโตยะ, เทนยะ, คัตสึยะ, ชินคันเซน ซูชิ, ราเมน คาเก็ตสึ อาราชิ, คีอานิ
ร้านอาหารไทย และจีน: เทอเรสซ์ เดอ บางกอก , อร่อยดี, เกาลูน, ส้มตำนัว, นักล่าหมูกระทะ
ร้านอาหารนานาชาติ: สลัดแฟคทอรี่

จบเป้าหมายปี 2025 มี 300 สาขา
 
จากข้อมูลดังกล่าวยังพบอีกว่า สิ้นปี 2023 ร้านอร่อยดี มีสาขาเพียง 11 แห่ง ลดลง 19 แห่ง เมื่อเทียบกับปี 2022 ถือว่าห่างจากเป้าหมายที่ CRG เคยแจ้งไว้เมื่อปี 2020 ที่ต้องการมีสาขาทั้งหมด 300 แห่ง ภายในปี 2025 ผ่านการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ ผ่านการมีสาขาที่บริหารเอง 30% และแฟรนไชส์ 70%
 
ในปี 2020 ร้านอร่อยดีมีทั้งหมด 22 สาขา โดยเป็นการลงทุนเอง และเริ่มขยายแฟรนไชส์ตั้งแต่เวลานั้นผ่านราคาค่าแฟรนไชส์งบประมาณค่าก่อสร้าง และเงินลงทุน 1.3 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมแรกเข้า (Franchise Fee) 400,000 บาท เงินประกันวัตถุดิบ 50,000 บาท  Royalty Fee + Marketing Fee4% + 1% ต่อยอดขาย ประมาณการยอดขายต่อเดือน 400,000 – 450,000 บาท
 
แต่ด้วยการระบาดของโรคโควิด-19 อาจทำให้แผนธุรกิจดังกล่าวต้องมีการปรับเปลี่ยน ประกอบกับการมาถึงของคู่แข่งในกลุ่มร้านสตรีทฟู้ดขึ้นห้าง ไม่ว่าจะเป็น เขียง ของ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป ผู้บุกเบิกตลาดนี้, ตะหลิว กับ กระทะเหล็ก ของ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ CPF ทำให้ร้านสตรีทฟู้ดขึ้นห้างมีการแข่งขันดุเดือด

ถึงจะปิด แต่ CRG ยังแข็งแกร่ง
 
ทั้งนี้สิ้นปี 2023 CRG มีร้านอาหารรวมทั้งหมด 1,621 สาขา เพิ่มขึ้น 41 สาขา หรือเพิ่มขึ้น 3% มีรายได้รวม 12,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% มีรายได้หลักมาจากร้าน เคเอฟซี ในสัดส่วน 58% รองลงมาคือ มิสเตอร์ โดนัท 12%, อานตี้ แอนส์ 7% และ โอโตยะ 7% ที่เหลือเป็นร้านอาหารอื่น ๆ
 
สำหรับภาพรวมของตลาดร้านอาหารในประเทศไทยมีการประเมินมูลค่าไว้ที่ประมาณ 4.8 แสนล้านบาท เติบโตราว 5-7% หากเจาะไปที่ร้าน อานตี้ แอนส์ ในปี 2024 มีแผนขยายเพิ่ม 20 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 222 สาขา โดยตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15% หรือทำได้ราว 1,000 ล้านบาท
 
ด้าน เขียง ของ บมจ. เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป สิ้นปี 2023 มีสาขาทั้งหมด 58 แห่ง ลงทุนเอง 11 แห่ง และที่เหลือเป็นแฟรนไชส์ โดยบริษัทเพิ่งเปิดร้านแฟรนไชส์ เขียง ในประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อเดือน มี.ค. 2024 และเดือน ก.พ. 2024 เพิ่งเปิดร้าน เขียง สาขาใหม่ที่ รามอินทรา กม. 3
 

 
พนัส นำทีมร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว ส.ว. ขอเปิดไต่สวนฉุกเฉินด่วน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4552290

อดีตคณบดี มธ. ควงเพื่อนว่าที่ผู้สมัคร ส.ว. ร้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนระเบียบแนะนำตัว พร้อมคุ้มครองชั่วคราว โวย กกต.มีอำนาจอะไรคิดเงื่อนไขให้ผู้สมัคร ซัดขัดหลักประชาธิปไตย จะให้มี ส.ว. 200 คน แต่ ปชช.ไม่รู้เรื่อง ลั่นมัดมือมัดเท้า ขอไต่สวนฉุกเฉินด่วน หวั่นความผิดเล็กน้อยแต่โทษสูงถึงขั้นติดคุก
 
เมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ศาลปกครองกลาง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ประสงค์จะลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พร้อมคณะ เข้ายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าด้วยการแนะนำตัวในการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2567
 
นายพนัสกล่าวว่า จากระเบียบ กกต.ที่ออกมามีประเด็นที่อยากให้ศาลปกครองวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการแนะนำตัวผู้สมัคร โดยเฉพาะข้อที่ 7, 8 และข้อ 11 โดยเฉพาะข้อห้ามในเรื่องของการแนะนำตัวผ่านสื่อทุกชนิด รวมไปถึงโซเชียลมีเดียด้วย พวกเราคิดว่า กกต.ไม่มีอำนาจมากำหนดและจำกัดสิทธิในการแนะนำตัวผู้สมัคร ซึ่งเราเห็นว่าสิ่งที่ กกต.ออกระเบียบออกมาเป็นการจำกัดสิทธิพวกเรามากเกินไปเกิน
 
นายพนัสกล่าวว่า พวกเราทราบดีว่าระเบียบนี้ยังไม่ได้บังคับใช้เนื่องจากต้องรอพระราชกฤษฎีกา แล้วต้องรอให้เราเป็นผู้สมัคร วันนี้เรายังไม่เป็นผู้สมัคร แต่เป็นผู้ที่ประสงค์จะเข้ามาสมัคร ดังนั้น จึงมองว่าควรมีสิทธิเสรีภาพในการแนะนำตัวให้เป็นที่รู้จักให้ประชาชนทั่วไป เพราะ ส.ว.ตามรัฐธรรมนูญต้องเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทยพี่มีส่วนได้เสียโดยตรง อีกทั้งวันนี้ยังได้ร้องให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวด้วย รวมถึงขอให้ไต่สวนฉุกเฉินต่อระเบียบดังกล่าว ถึงเร็วที่สุดอาจจะเป็นภายในวันนี้ มองว่ายิ่งศาลไต่สวนเร็วเท่าไหร่ได้ก็ยิ่งดี
 
อย่างผมเองผมก็แนะนำตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นคนแรกที่แนะนำตัวผ่านเฟซบุ๊กว่า ผมตั้งใจจะลงสมัคร ส.ว. พอมีระเบียบนี้มันก็เป็นประเด็นขึ้นมาว่าเราจะสามารถทำสิ่งนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เราต้องการให้สิ่งนี้ชัดเจนขึ้นมา โดยเรามองว่า กกต.ไม่น่าจะมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขในการแนะนำตัวได้แคบถึงเป็นระบบปิด อำนาจของ กกต.กับสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจำกัดในการที่ออกระเบียบนี้มา มีความสมดุลมากน้อยแค่ไหน” นายพนัสกล่าว
 
เมื่อถามว่า หากศาลไม่รับคำร้องจะดำเนินการอย่างไรต่อ นายพนัสกล่าวว่า ต้องรอดูคำสั่งของศาลว่าเราจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองหมายความว่าเป็นการคุ้มครองผู้ฟ้อง นั่นคือพวกเรา และข้อบังคับใช้ที่ กกต.จะไม่มีผลต่อพวกเรา
 
เมื่อถามว่า ระเบียบนี้จะมีการเอื้อหรือกระทบต่อใคร นายพนัสกล่าวว่า กระทบต่อพวกเราโดยตรงอยู่แล้ว เราไม่สามารถใช้เสรีภาพในการแนะนำตัวเองได้เลย และที่สำคัญที่สุดคือเป็นการปิดปาก มัดมือมัดเท้าพวกเรา แต่ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นในระดับอำเภอ จังหวัด หรือประเทศ ซึ่งระเบียบนี้เราไม่สามารถไปร้องต่อใครได้เลย
 
เมื่อถามว่ามีการวิเคราะห์กันว่าระเบียบนี้เป็นการสกัด ส.ว.สีส้ม นายพนัสกล่าวว่า เราไม่ได้พิจารณาในประเด็นสีส้มหรือสีอะไร เราก็แค่อยากจะยึดตามสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญโดยระบบตามระบอบประชาธิปไตยควรจะเป็นระบบเปิด เพราะเป็นสิทธิของคนไทยทุกคน
 
การจะมี ส.ว. 200 คน ปรากฏว่าประชาชนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งมันไม่น่าจะถูกต้องกับหลักของประชาธิปไตย” นายพนัสระบุ
 
เมื่อถามอีกว่า กกต.ระบุว่าได้เก็บข้อมูลผู้ประสงค์ที่จะลงสมัครในเว็บไซต์ Senate67 และหากพบว่ามีมูล ถือเป็นการข่มขู่หรือไม่ นายพนัสกล่าวว่า นี่เป็นการข่มขู่อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ กกต.ไม่ได้บอกว่ามีอำนาจอะไรที่สามารถดำเนินการอย่างนั้น และตนได้ฟังข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (30 เม.ย.) ก็เห็นว่าสามารถแนะนำตัวผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ เพียงแต่ว่าห้ามชี้นำ หรือฮั้วกัน หากเป็นจริงตามข่าวก็แสดงว่า กกต.ยอมรับว่าสามารถทำได้
 
นายพนัสกล่าวว่า สิ่งที่เป็นประเด็นน่าเป็นห่วงคือมาตรา 36 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ได้มีการกำหนดโทษไว้ด้วยว่าถ้ากระทำการผิดเงื่อนไขหรือวิธีการที่ กกต.กำหนดมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้ดีว่าระเบียบที่ กกต.ได้ออกมานานเป็นเรื่องที่สำคัญมากหรือไม่ ถึงขนาดว่าถ้าทำผิดเงื่อนไขพวกเราจะต้องติดคุกเป็นปีและถูกตัดสิทธิทางการเมืองเหรอ สิ่งที่เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่ควรมีโทษมากขนาดนี้
 
นายพนัสกล่าวย้ำว่า การจะแนะนำตัวได้ต้องมีการออกสื่อ ดังนั้น หากจะผิดก็ควรจะผิดไปถึงสื่อมวลชนได้



‘ธงทอง’ แจง ปม โพสต์ผู้ใหญ่บ่นกระบวนการยุติธรรมมีธง บอกไม่เจาะจงใครหวังให้ทำงานมีอิสระ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4552329

‘ธงทอง’ แจง ปม โพสต์ผู้ใหญ่บ่นกระบวนการยุติธรรมมีธง บอกไม่เจาะจงใครหวังให้ทำงานมีอิสระ
 
เมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 30 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่เคยโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า คนในกระบวนการยุติธรรมบ่นว่าต้องทำคดีตามธง ซึ่งขัดหลักการหลักกฎหมาย และส่งผลเสียระยะยาวว่า เป็นเรื่องของคนบ่นจุกจิกจู้จี้ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่คนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ ทนายความ และผู้คนที่เกี่ยวข้องอีกมาก ซึ่งหลายครั้งไม่ได้พูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ แต่หวังว่ากระบวนการยุติธรรมในบ้านเราจะเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ผู้มีหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจ และใช้ความรับผิดชอบของเขาได้โดยที่ไม่ต้องมีความกังวลกับข้อสั่งการหรือการกระซิบกระซาบจากใคร คิดว่านี่คือความปรารถนาดีที่เราอยากจะเห็นในบ้านเมือง และทุกคนต้องช่วยกัน
 
ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่ว่าคนที่เป็นพนักงานสอบสวนไม่ว่าจะเรื่องใดก็แล้วแต่ ต้องมีอิสระมากพอที่จะไม่ต้องกังวลว่ามีผู้หลักผู้ใหญ่มาสั่งการเขา ขอให้ทุกคนได้ทำงานโดยอิสระ มีความรับผิดชอบตามกฎหมาย” นายธงทองกล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่