คือแต่ก่อนผมค่อนข้างมีวิตกจริตมาก
(ตรวจสอบตนเองจากเจตสิกที่เกิดบ่อยๆ)
คิดมาก กังวลก่อนจะทำนู่นนี่ กลัวสังคม ฯลฯ
พอมาศึกษาธรรม ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
แรกๆก็รักษาศีล แล้วทำกุศลมากขึ้น
สมาธิฝึกเท่าที่ทำได้ มีศีลแล้วฝึกอานาปานสติ
ฝึกเมตตา ตามกรณียเมตตสูตร หมั่นทำกุศล
ละอกุศล พวกโทสะ วิตกกังวลต่างๆ ด้วยกุศล
ปรากฏว่าภายหลังศึกษาพระอภิธรรมด้วย
เรื่องเหตุปัจจัย อารมณ์ ปรมัตถ์ต่างๆ
จากที่แต่ก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้เข้าใจขึ้นกว่าเดิม
พอตรวจสอบตนเองดู
อ้าว! เราลืมไปเลยว่าเราเคยวิตกกังวลมากๆ
เหมือนมีสัมมาทิฏฐิแล้วการวิตกกังวลนั้นถูกปฏิบัติถูกต้อง
มีความเข้าใจว่ามันเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับจิตควร ละ
ไม่ได้สำคัญว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่
จากแต่ก่อนเขิน อาย กังวลกลัว พอจิตมีกุศลมีเมตตา
มันเบิกบาน พร้อมแผ่ให้ผู้อื่น และนอบน้อมมากขึ้น
อยู่ดีๆเหมือนอาการเหล่านี้ก็หายไปจากจิตเลย
จากที่มันเคยเกิดร่วมกับจิตบ่อยๆ ก็กลายเป็นสภาวะอื่นแทน
สภาวะที่พิจารณาธรรม เหตุและผลของการเกิดของสภาวะแทน
ศึกษาธรรมแล้วจริตเปลี่ยน
(ตรวจสอบตนเองจากเจตสิกที่เกิดบ่อยๆ)
คิดมาก กังวลก่อนจะทำนู่นนี่ กลัวสังคม ฯลฯ
พอมาศึกษาธรรม ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม
แรกๆก็รักษาศีล แล้วทำกุศลมากขึ้น
สมาธิฝึกเท่าที่ทำได้ มีศีลแล้วฝึกอานาปานสติ
ฝึกเมตตา ตามกรณียเมตตสูตร หมั่นทำกุศล
ละอกุศล พวกโทสะ วิตกกังวลต่างๆ ด้วยกุศล
ปรากฏว่าภายหลังศึกษาพระอภิธรรมด้วย
เรื่องเหตุปัจจัย อารมณ์ ปรมัตถ์ต่างๆ
จากที่แต่ก่อนไม่เข้าใจ ตอนนี้เข้าใจขึ้นกว่าเดิม
พอตรวจสอบตนเองดู
อ้าว! เราลืมไปเลยว่าเราเคยวิตกกังวลมากๆ
เหมือนมีสัมมาทิฏฐิแล้วการวิตกกังวลนั้นถูกปฏิบัติถูกต้อง
มีความเข้าใจว่ามันเป็นอกุศลเจตสิกเกิดร่วมกับจิตควร ละ
ไม่ได้สำคัญว่า เราเป็นนั่นเป็นนี่
จากแต่ก่อนเขิน อาย กังวลกลัว พอจิตมีกุศลมีเมตตา
มันเบิกบาน พร้อมแผ่ให้ผู้อื่น และนอบน้อมมากขึ้น
อยู่ดีๆเหมือนอาการเหล่านี้ก็หายไปจากจิตเลย
จากที่มันเคยเกิดร่วมกับจิตบ่อยๆ ก็กลายเป็นสภาวะอื่นแทน
สภาวะที่พิจารณาธรรม เหตุและผลของการเกิดของสภาวะแทน