ภิกษุทั้งหลาย!
อานาปานสติอันบุคคลเจริญกระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่ ก็อานาปานสติ อันบุคคลเจริญแล้วอย่างไร กระทำให้มากแล้วอย่างไงจึงมีผลใหญ่ อานิสงส์ใหญ่ ?
ภิกษุทั้งหลาย! ในกรณีนี้ ภิกษุเข้าไปสู่ป่า หรือ โคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเขามาโดยรอบ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า
เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว
ื
เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่ากายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า"เราเป็นผู้
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
ทำกายสังขารให้รำงับหายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปิติ หายใจเข้า" ว่า ""เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปิติ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษา "เราเป็นผู้
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้เฉพาะซึ่งสุข หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขารหายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออกยาว"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
ทำจิตตสังขารให้รำงับ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจจะออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
ทำจิตใจให้ตั้งมั่น หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็น
ผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่ประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
เห็นซึ่งความดับไม่เหลือประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งดับไม่เหลืออยู่เป็นประจำหายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้
เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
ภิกษุทั้งหลาย!
อานาปานสติ อันบุคคลแล้ว กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่.
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่ออาปานสติ เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้วอยู่อย่างนี้ ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดา
ผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้
คือ
อรหัตตผลในปัจจุบัน
หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็น
อนาคามี.
อานิสงส์สูงสุดแห่งอานาปานสติ ๒ ประการ
ภิกษุทั้งหลาย! ในกรณีนี้ ภิกษุเข้าไปสู่ป่า หรือ โคนไม้ หรือเรือนว่างก็ตาม นั่งคู้ขาเขามาโดยรอบ ตั้งกายตรง ดำรงสติเฉพาะหน้า
เธอนั้น มีสติหายใจเข้า มีสติหายใจออก
เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกยาว
ื เมื่อหายใจเข้าสั้น ก็รู้ชัดว่ากายใจเข้าสั้น เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่าเราหายใจออกสั้น
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า"เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งกายทั้งปวง หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับหายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้รำงับ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปิติ หายใจเข้า" ว่า ""เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปิติ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษา "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุข หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้เฉพาะซึ่งสุข หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขารหายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตสังขาร หายใจออกยาว"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตตสังขารให้รำงับ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจเข้า ว่า "เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิต หายใจจะออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่ง หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำจิตใจให้ตั้งมั่น หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่น หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่ประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความดับไม่เหลือประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งดับไม่เหลืออยู่เป็นประจำหายใจออก"
เธอย่อมทำการฝึกหัดศึกษาว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจเข้า" ว่า "เราเป็นผู้เห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำ หายใจออก"
ภิกษุทั้งหลาย! อานาปานสติ อันบุคคลแล้ว กระทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่.
ภิกษุทั้งหลาย! เมื่ออาปานสติ เมื่ออานาปานสติ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้วอยู่อย่างนี้ ผลอานิสงส์อย่างใดอย่างหนึ่ง ในบรรดาผล ๒ ประการ เป็นสิ่งที่หวังได้
คือ อรหัตตผลในปัจจุบัน
หรือว่าถ้ายังมีอุปาทิเหลืออยู่ ก็จักเป็นอนาคามี.