ย้อนไปประมาณ 6-7 ปีที่แล้ว ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มองทุกอย่างเป็นแง่บวก เป็นคนร่าเริงมากๆคนนึงเลย แม้ว่าจะถูกแฟนเก่านอกใจ หรือเจอเรื่องร้ายๆ แค่ไหนแต่ฉันก็ยิ้มสู้จนผ่านมันไปได้ จนฉันได้มาเจอแฟนคนนี้ ฉันก็เริ่มต้นเหมือนคู่รักทั่วไป จีบกัน รู้สึกดีต่อกัน เขาเข้ามาตอนฉันอายุ 25 ปี ช่วงปีแรกเราไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมาก อาศัยคุยโทรศัพท์ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เขาเป็นคนตรงๆ พูดไม่หวาน ดูซื่อๆในความคิดฉันตอนนั้นเขาดูเป็นคนจริงใจคนนึงฉันเลยเลือกคุยกับเขา เข้าปีที่ 2 ฉันได้ไปทำงานที่เดียวกับเขา เลยได้ใกล้ชิดสนิทกันมากขึ้น ยอมรับเลยว่าทะเลาะกันบ่อยมาก เขาเป็นคนหัวร้อน ชอบบ่นฉันตลอด บางเรื่องไม่ควรบ่นก็บ่น ฉันร้องไห้กับการกระทำของเขาบ่อยมากๆเกือบเลิกหลายครั้ง แต่ก็อดทนอยู่กันมา ปรับกันมา จนเข้าปีที่ 3 ที่บ้านอยากให้หมั้นหมายกัน ฉันเลยปรึกษากับเขาเขาก็โอเค เลยช่วยกันเก็บเงิน และที่บ้านของเขาก็ช่วยด้วยครึ่งนึง จนมาหมั้นเสร็จ ฉันมารู้ทีหลังว่าเขากู้เงินที่ทำงานมาเป็นของหมั้น เพราะเขาเอาเงินพ่อแม่กับเงินที่เก็บกันไปเล่นพนันหมดไปแสนกว่า ฉันเสียใจมากตอนนั้น หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาเหมือนจะปรับตัวพูดดีทำดีไม่บ่นไม่หัวร้อนใส่ฉัน ฉันก็เลยให้อภัยเขา แต่ในใจก็ระแวงเรื่องพนันตลอด เพราะมันทำให้ฉันมองเขาไม่เหมือนเดิม แต่ฉันคิดว่าเขาคงรู้สึกผิดและปรับปรุงตัว เข้าปีที่ 4 ปีที่ 5 ระหว่างเรามันก็มีทั้งดีและไม่ดี เขาก็มีมุมดี แต่ติดตรงเล่นพนัน ฉันจับได้เขาก็บอกไม่ได้เล่น ฉันเหมือนตกอยู่ในความหวาดระแวง ฉันรู้สึกว่าหลายๆอย่างในตัวฉันเปลี่ยนไป ความคิดมีแต่เรื่องลบ หวาดระแวง ไม่สดใส ไว้ใจคนยากขึ้น แต่ก็ฝืนมันไว้ทำเหมือนทุกอย่างปกติ เวลาผ่านไปเข้าปีที่ 6 เราทั้งคู่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงขึ้น อายุของเราก็ 30 แล้วเราเลยตัดสินใจจะแต่งงานกัน บางคนสงสัยว่าทำไมฉันถึงไม่เลิกทั้งที่มีเรื่องไม่สบายใจมากมาย แต่เวลานั่น ฉันก็คิดว่าเราสองคนผ่านอะไรมากันนานมาก ค่อยๆปรับกันไปเอา อย่างน้อยเขาก็ไม่เจ้าชู้ ส่วนพนันฉันก็จับไม่ได้คาหนังคาเขาเพราะเรื่องเว็ปพนันหรือเกมฉันไม่ค่อยรู้ อีกอย่างเราใช้เงินคนละกระเป๋า เขาก็ไม่ได้มาทำให้ฉันเดือดร้อน มีแต่ฉันก็ช่วยเหลือเขาบ้างในยามจำเป็นซึ่งไม่ได้ทำให้ฉันเดือดร้อนอะไรมากมาย ฉันก็เลยชั่งใจ และคิดว่าอนาคตเขาต้องดีขึ้นแน่ๆ จนเขาไปกู้เงินมาประมาณ 5 แสนกว่าบาท เราจะเก็บไว้จัดงานบวกค่าสินสอดทั้งหมดก็ประมาณ 3แสนส่วน2แสนเขาจะเอาไว้ทำบ้านพ่อแม่เขาที่กำลังสร้าง พอกู้เงินมา เขาเอาให้ฉัน 1 แสนสำหรับไว้จัดงานต่างๆ ส่วนที่เหลือเขาจะให้ทีหลังเป็นค่าสินสอด ฉันก็เอาเงินไปมัดจำต่างๆ การ์ด ของชำร่วย อาหาร ชุดต่างๆ ที่จะใช้ในงาน ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ ฉันสังเกตความผิดปกติของเขา เขาดูแปลกๆ ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยกิน ฉันใจคอไม่ดี เลยถามว่าเขาเป็นอะไร เขาไม่ยอมบอก อยู่ดีๆฉันนึกอะไรไม่รู้เลยถามขอดูเงินในบัญชีที่กู้มาหน่อย เขาบ่ายเบี่ยง ดูร้อนรน เขาบอกเดี๋ยวค่อยดู เพียงแค่นี้ฉันก็รู้แล้วว่าเขาต้องเอาเงินไปทำอะไรแน่ ฉันตัวชา หน้าชา ไปหมด เหมือนจะเป็นลม ฉันตีเขา ร้องไห้มากเหมือนความรู้สึกเหมือนก่อนมันกลับมาตอนที่เขาแอบเอาเงินที่หมั้นไปเล่นพนัน จนเขายอมรับว่าเงินเหลือเกือบ 4 แสน เขาเอาไปเล่นพนันจนหมด ฉันแทบจะเป็นลม คืนนั้นฉันคิดอย่างเดียวคือเลิก เลิกแน่นอน เขากอดขอโทษฉัน เขาเสียใจ ฉันยิ่งเสียใจ มันช็อคพูดไม่ออก เพียงแค่ 4-5 วัน เงิน 4 แสนหายไปเพราะการพนัน แล้วงานแต่งละ บอกผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว จ่ายค่าของไปแล้ว จะทำยังไงต่อ ฉันเครียดมาก เขาก็เครียดมาก ฉันเห็นสภาพเขาทรุดโทรมมาก ฉันก็แทบเอาตัวไม่รอด ในหัวของฉันมีแต่เรื่องให้คิด ไหนพ่อแม่จะขายหน้ารึป่าว อายคนอื่นไหม แล้วแฟนฉันจะทำยังไงต่อไป เขาไม่มีใครที่จะช่วยเขาได้เพราะพ่อแม่เขาก็ลำบากอยู่แล้ว เขายังมาทำแบบนี้อีก ถ้าฉันทิ้งเขา เขาต้องตายแน่ๆ ตอนนั้นทั้งเกลียดทั้งสงสาร แล้วก็นึกถึงพ่อแม่ตัวเองจะขายหน้าชาวบ้าน ฉันเลยตัดสินใจกู้เงินมาสองแสน เป็นค่าสินสอด สุดท้ายงานแต่งก็ผ่านไป ถึงแม้ทุกคนจะยินดีให้กับฉัน แต่ในใจฉันก็จมกับความรู้สึกแย่ๆไปแล้ว หลังจากงานแต่งเงินของเขาเขาก็เอามาผ่านรถ ผ่อนธนาคาร เขาไม่มีเงินเหลือใช้ ตอนแรกฉันก็คิดจะช่วยกันผ่อนอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ฉันต้องช่วยเรื่องค่ากินอยู่เขา แล้วยังมาผ่อนค่าสินสอดอีก ยอมรับว่าเหนื่อยกายไม่เท่าไหร่ แต่เหนื่อยใจนี่สุดๆเลย ฉันทำงานที่จังหวัดบ้านเกิดเขา ซึ่งบ้านเกิดฉันอยู่อีกจังหวัดนึง ไกลกันพอสมควร ตอนนี้ฉันอยากย้ายไปทำงานที่บ้านแล้ว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ ครอบครัวเขาตอนแรกก็ดีกับฉัน แต่มาพักหลังครอบครัวเขาไม่รู้ว่าการเงินลูกของตัวเองแย่ขนาดไหน เขาไม่เคยให้เงินที่บ้านเลย ของฝากส่วนใหญ่ก็เป็นฉันที่ซื้อไปให้ตลอด พักหลังฉันก็ไม่ค่อยได้ซัพพอร์ตหรือซื้ออะไรไปให้พ่อแม่เขาเท่าไหร่ เพราะลำพังแค่ช่วยเหลือเขา ฉันก็หนักแล้วไหนจะพ่อแม่ฉันอีกมันเลยทำให้ฉันรู้สึกว่าพ่อแม่เขาเปลี่ยนไปคงคิดว่าฉันเอาเงินผัวไปใช้จนไม่มีมาให้พ่อกับแม่ บ้านก็ไม่ได้ทำ เพราะเขากู้เงินมาทำบ้าน แต่เขาก็เอาไปเล่นพนัน ทั้งหมดพ่อแม่เขาไม่รู้ ฉันก็ไม่กล้าบอก ฉันตอนนี้ก็เหมือนคนโง่ ที่รู้ว่าต้องเดินจากไปได้แล้ว แต่ก็ยังอยู่ที่เดิม ห่วงคนอื่น แต่ไม่ห่วงตัวเอง หวังว่าเขาจะปรับปรุงตัวใหม่ แต่มาวันนี้เขาก็ไม่เปลี่ยน ซ้ำกว่านั้นเขายังมาโกรธฉันที่ฉันมาก้าวก่ายการเงินเขา เพราะฉันกลัวว่าเขาจะเล่นพนันอีก สุดท้ายมันทำให้ฉันรู้ว่าความดีของเราจะมีค่าก็ต่อเมื่อเราให้ถูกคน กว่าฉันจะคิดได้ ฉันก็ดิ่งจนกลับมาเป็นฉันที่เคยมองโลกในแง่ดีใจดีเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฉันมีแต่ความคิดลบๆ บางครั้งอารมณ์ดีบางครั้งอารมณ์ฉุนเฉียวเร็วมาก เหมือนเป็นไบโพล่า ระแวงวิตกจริตไปหมด ฉันไม่รู้ว่าฉันจะกลับไปรู้สึกแบบเดิมได้มั้ย แต่สิ่งแรกที่ฉันควรแยกย้ายกันไป ถึงแม้ฉันเคยวาดฝันจะแต่งงานมีลูกที่น่ารักเหมือนกับคนอื่น ฉันเคยหวังว่ามันจะดีขึ้น มันยากนะที่จะจบทุกอย่างในวัย 30 แต่ถ้าฉันพยายามหวังว่ามันจะดีขึ้นอยู่คนเดียว แต่อีกฝ่ายเขาไม่ได้หวังเหมือนกับเรา ก็คงเสียเวลาจริงๆ เพราะถ้ามันจะดีมันคงดีไปนานแล้วเนาะ บางทีเขาก็คงมีชีวิตที่ดี และฉันก็คงมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ความรัก 7 ปีของเรามันเดินทางมาถึงจุดจบแล้วสินะ 🙃
ทำใจยังไงกับความรักครั้งนี้