ขอเล่าก่อนนะคะ ดิฉันกับแฟน เราแต่งงานเมื่อ 13 ก.ค. 56 เกือบครบ 4 เดือนแล้ว แต่งด้วยค่าสินสอด 320,000 ทอง 5 บ. รวมหมั้น หมั้นเมื่อเดือนมิ.ย55 ของหมั้นเงินสามหมื่น ทอง1บ แหวนเพชร1วง แหวนรวมเงินกันซื้อเอง ที่เหลือพ่อแม่ฝ่ายชายจัดหามา
ผ่านไปหนึ่งปี แม่ดิฉันจึงหาฤกษ์ให้ฝ่ายชายมาตบแต่งให้เรียบร้อย เพราะทางบ้านเป็นคนหัวโบราน เขาถือถ้าหมั้นเกิน 1 ปี และแถวบ้านเราบ้านนอก เป็นคนตจว.ชาวบ้านชอบนินทากัน ไม่อยากให้เขาพูดเสียหาย แฟนเราจึงไปขอให้พ่อแม่หาเงินมาแต่ง
ฝ่ายพ่อแฟนนั้นเข้าใจดี ท่านจึงพยายามหาเงิน แต่ทางฝ่ายแม่เขาพูดแต่ไม่มีเงินๆ และยังพูดว่าไม่เคยคิดจะหาเงินเลย ทำไมไม่หมั้นกันสักสองสามปี มีแล้วค่อยแต่ง
แต่แม่ดิฉันไม่ยอม เพราะเราคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย จบมางานการมีทำแล้ว อยู่ด้วยกันแล้ว หมั้นก็นานแล้ว สมควรแก่เวลา ถ้าลูกหาไม่ได้ พ่อแม่ก็ต้องรับผิดชอบดูแล
ดิฉันทำงานเป็นลูกจ้างในธ.รัฐวิสาหกิจแห่งนึง พึ่งบรรจุพนง. ส่วนแฟนเป็นลูกจ้างสัญญารายปีรัฐวิสาหกิจเช่นกัน แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรจุ เพราะไม่มีตำแหน่งเพิ่มเลย
เมื่อพ่อแม่แฟนหาเงินไม่ได้ ญาติแฟนที่รักดิฉันก็พูดอาสากับดิฉันว่าให้หาฤกษ์และเตรียมไปเลย ถ้าพ่อแม่แฟนหาไม่ได้ เขาจะออกเงินแต่งให้ ดิฉันก็รีบเตรียมงาม พิมพ์การ์ดเลย
ก่อนถึงวันแต่ง 1 อาทิตย์ พ่อแฟนก็ส่งข่าวมาบอกว่าเงินที่ไปขอกู้ไว้ มันยังไม่ออก พ่อหาเงินไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รับปากดิบดีว่าหาได้ ถ้าไม่ได้มีที่อยู่แปลงนึงพอจะเอามาใช้ได้ ฉันจึงให้แฟนถามพ่อถึงที่แปลงนั้น บอกให้โอนมาให้แฟน จะเอาไปจำนองแล้วผ่อนกันเอง สรุปที่แปลงนั้น มันเป็นแค่สวนผักหลังบ้าน 6 ตารางวา ที่อบ่งซื้อเขามาเพราะที่ติดกัน ให้แฟนไปขอกู้อะไรก็ไม่ผ่าน เพราะไม่มีอะไรค้ำ เครดิตไม่มี เงินเดือนก็น้อย ส่วนแม่แฟนก็พูดแต่ว่าไม่มีให้แฟนไปหากู้เอาเอง เราก็เลยบอกแฟนว่าทองสี่บาทท่านไม่ต้องหา หาแต่เงิน ทองเราหาเอง แม่แฟนก็บอกว่างั้นหาเงินเองอีกแสนนึง ดิฉันคิดว่าจะเป็นหนี้มาแต่งกัน มันไม่ดีเริ่มเเบบติดลบ ชาตินี้ไม่มีทางรวย ในเมื่อพ่อบอกจะกู้ได้ เราก็รอเงินพ่อ พอเราแต่งกันแล้วก็ใช้หนี้ช่วย จ่ายให้เป็นเงินเดือนทุกเดือนเอา เงินเดือนท่านโดนหักไปเท่าไหร่ก็จ่ายให้ บวกเงินที่ให้พ่อแม่ทุกเดือน แต่แม่แฟนไม่ยอมจะเอาเงินสดจากเรา ทั้งที่เราไม่มี ดิฉันจึงบอกแฟนว่างั้นล้มเลิกเถอะงานแต่ง ห่างกันไปก่อน มีเงินค่อยมาคุยกันใหม่ ถ้าตอนนั้นยังรักกันอยู่
แต่แม่ดิฉันก็กดดัน ว่ายังไงก็ต้องหามาให้ได้ แต่ไม้ให้ดิฉันเป็นคนยื่นกู้เด็ดขาด แม่พูดว่า"ถ้าเขาทิ้งหนี้ก็เป็นชื่อเรา ยังไงให้เขามาแต่งไห้ได้ แต่งไว้ก่อนดีกว้าให้เขาเอาฟรีๆตั้งหลายปี พ่อแม่เป็นถึงครู สร้างบ้านหลังเท่าวัง สินสอดก็ไม่ได้เรียกร้อง มาพูดเองว่าจะให้เท่านี้เอง แต่งเมียให้ลูกแค่นี้ทำไม่ได้ก็ให้มันอายคนไปเลย" เราก็ได้แต่รอให้เงินกู้พ่อออก ระหว่างนั้นเราก็ทำงานไปเตรียมงานไปจนวันก่อนวันแต่ง น้าที่เป็นญาติแฟน คนที่ว่าจะออกค่าสินสอดให้ บอกว่าตอนนี้มีแสนห้า ขาดอีกแสนสี่จะได้สองแสนเก้า งินกู้พ่อไม่ออก น้ามีแสนเดียว กับทองสองบาท อีกห้าหมื่นจะยืมคนข้างบ้าน คุยกับแม่ให้ได้มั้ย ว่าเอาไปเท่านี้ก่อน พอเงินพ่อออกค่อยเอาให้ครบ เราก็ไม่โอเคแล้ว นี่เราจะแต่งงานแสนเดียว ทองสองบาทเท่าเด็กไม่ได้เรียนหนังสือข้างบ้านได้ยังไง เพื่อนเราเขาแต่งโรงแรมหรู เราแต่งอยู่ที่บ้านนอก เราไม่เคยบ่นนะ คิดว่าดีไม่สิ้นเปลือง เพื่อนเราแต่งน้อยสุดห้าแสนทองสิบบาท คนอื่นก็คิดว่าเราแต่งเท่ากัน สามแสนสองนี่ไม่ได้มากเลย หักเงินหมั้นก็เหลือแค่สองแสนเก้า ทองสี่บาท แต่งเท่านี้เราไม่ยอมแน่ ไม่แต่งดีกว่า ล้มเลิกไปเลย
แม่แฟนจึงขอคุยกับแม่ดิฉัน แม่ก็โอเค ยอม สรุปว่าทางนู้นจะเอามา1แสนบาท กับทองที่รวบรวมกันมาได้แปดบาท และเมื่อเงินกู้ออก จะเอาเงินแสนเก้ามาไถ่ทองคืน แม่ฉันจึงยอม (มารู้ภายหลังว่าอีกห้าหมื่นยืมคนข้างบ้าน ได้แค่ 4หมื่น แต่แม่แฟนใช้หมดก่อนจะมาแต่ง)
พอเป็นอย่างนั้นฉันกับแฟนจึงไปหาเพื่อนคนที่คิดว่าพอจะหยิบยืมเงินได้ เพื่อเอาเงินมาวางใส่พานสินสอดให้ครบ เพื่อไม่ให้อับอายแขกที่มางาน ยืมมาวางเพิ่มอีกสองแสน สรุปวันแต่งมีเงินวางสามแสน กับทองที่คิดว่าแปดบาท ทองของฉัน ฉันจึงไม่ซื้อเอาเงินสดมาเตรียมงาน ซื้อเหล้า เช่าชุด พอเสร็จงานก็เอาเงินสองแสนไปคืนเพื่อน
พอเสร็จงานเช้าที่บ้านดิฉัน แขกยังไม่กลับด้วยซ้ำ แม่แฟนก็มาขอยืมเงินรับขวัญที่ดิฉันกับแฟนได้ผูกแขนตามประเพณี เป็นเงินสามหมื่นบาทไป บอกว่าไม่เหลือเงินกลับบ้านซักบาท และจะเอาไปเตรียมงานฉลองตอนเย็นที่บ้านเจ้าบ่าว ฉันก็ให้ยืมไป
พองานเย็นเสร็จ แม่แฟนก็เห็นญาติฝ่ายแฟนที่เขาไม่ได้ไปงานเช้าเราเขามารับขวัญเรามาให้อีก แกก็มาขอยืมอีก เราก็ให้ไป5000บาท แกบอกค่าซองไม่พอค่าใช้จ่าย เราไม่คิดอะไรถือว่าครอบครัวเดียวกัน ช่วยเหลือกัน เงินกู้พ่อออก แกก็จะให้คืน สรุปแกยืมไป 35000 และค่าสินสอดก็เหลือ 190000
จนตอนนี้ผ่านมา เกือบสี่เดือน เราก็ไม่ได้คืน ทองที่ว่าแปดบาท มีแค่สามบาทห้าสิบ ขาดน้ำหนักอีกด้วยซ้ำ ถามก็บอกไม่มี ล่าสุดพูดว่าอย่ามาทวง มีจะให้เอง เงินกู้พ่อก็ไม่ผ่านอนุมัติ ทั้งที่ตอนแรกบอกเราว่าอนุมัติแล้วแค่รอรับเงิน แกไปกู้ที่ใหม่ได้แสนกว่าก็ไม่ให้เรา บอกมีรายจ่าย เงินแสนนึงของญาติแกก็ไม้ได้ให้เราจริง แกไปทวงเอาจากพ่อแม่แฟน
ส่วนเราแต่งงานไม่มีอะไรมาตั้งตัวซักบาท เงินแสนนึงให้แม่หมด แม่ก็เอาจ่ายค่าของขวัญไหว้ญาติพ่อแม่แฟน และใช้หนี้ค่าปรับปรุงบ้านไว้รับแขก ทองก็เก็บไว้ไม่กล้าใช้ แม่ก็คอยแต่ว่าเขาหลอกลวงใช่ไหม
ส่วนแฟนก็กินแต่เหล้า งานการก็ไม่สนใจ ไปบ้างไม่ไปบ้าง จนเราสงสัยว่าองค์กรนี้มีแต่คนไม่มีประสิทธิภาพหรือไง ชวนกันไปแต่กินเหล้า มีแต่งานเลี้ยง งานฉลอง บางวันกินจนเช้า งานก็ขาด ไม่ไปทำ ไปครึ่งวันก็มี เราบอกจนไม่รู้จะบอกยังไง เราเหนื่อย ท้อแท้ เราออกจากห้องมาทำงานต่างอำเภอ 7 โมง กลับทุ่มสองทุ่ม กลับไปไม่เคยเห็นแฟนอยู่ห้อง ต้องโทรตาม ต้องตามหา เหนื่อยมาก อยากจะเลิก ให้โอกาสกี่ครั้งก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คิดว่าเคยทะเลาะกันจนห่างกันไป แล้วกลับมาดีกัน จนแต่งงาน คิดว่าจะเปลี่ยน จะคิดได้ แต่ก็บ้าเพื่อน บ้าเหล้า ไม่สนใจเรา ไม่แคร์ความรู้สึกเราเหมือนเดิม ทุกอย่างแย่ไปหมด เราพักผ่อนน้อย ทะเลาะแทบทุกวัน ได้นอนวันละไม่ถึงหกชม. ท้อหมดกำลังใจสู้แล้ว
เราอยากถามว่าแบบนี้เราพอจะฟ้องเรียกค่าเสียหายอะไรได้บ้างไหม เรียกเงินสินสอดที่ได้ไม่ครบคืนได้ไหม เรียกเงินยืมคืนได้ไหม แจ้งฐานหลอกลวงฉ้อโกง หรืออะไรได้ไหมคะ
ปรึกษาปัญหากฎหมายครอบครัวค่ะ แต่งงานใหม่ยังไม่จดทะเบียน แฟนเบี้ยวค่าสินสอด และไม่ดูแลเรา
ผ่านไปหนึ่งปี แม่ดิฉันจึงหาฤกษ์ให้ฝ่ายชายมาตบแต่งให้เรียบร้อย เพราะทางบ้านเป็นคนหัวโบราน เขาถือถ้าหมั้นเกิน 1 ปี และแถวบ้านเราบ้านนอก เป็นคนตจว.ชาวบ้านชอบนินทากัน ไม่อยากให้เขาพูดเสียหาย แฟนเราจึงไปขอให้พ่อแม่หาเงินมาแต่ง
ฝ่ายพ่อแฟนนั้นเข้าใจดี ท่านจึงพยายามหาเงิน แต่ทางฝ่ายแม่เขาพูดแต่ไม่มีเงินๆ และยังพูดว่าไม่เคยคิดจะหาเงินเลย ทำไมไม่หมั้นกันสักสองสามปี มีแล้วค่อยแต่ง
แต่แม่ดิฉันไม่ยอม เพราะเราคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัย จบมางานการมีทำแล้ว อยู่ด้วยกันแล้ว หมั้นก็นานแล้ว สมควรแก่เวลา ถ้าลูกหาไม่ได้ พ่อแม่ก็ต้องรับผิดชอบดูแล
ดิฉันทำงานเป็นลูกจ้างในธ.รัฐวิสาหกิจแห่งนึง พึ่งบรรจุพนง. ส่วนแฟนเป็นลูกจ้างสัญญารายปีรัฐวิสาหกิจเช่นกัน แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรจุ เพราะไม่มีตำแหน่งเพิ่มเลย
เมื่อพ่อแม่แฟนหาเงินไม่ได้ ญาติแฟนที่รักดิฉันก็พูดอาสากับดิฉันว่าให้หาฤกษ์และเตรียมไปเลย ถ้าพ่อแม่แฟนหาไม่ได้ เขาจะออกเงินแต่งให้ ดิฉันก็รีบเตรียมงาม พิมพ์การ์ดเลย
ก่อนถึงวันแต่ง 1 อาทิตย์ พ่อแฟนก็ส่งข่าวมาบอกว่าเงินที่ไปขอกู้ไว้ มันยังไม่ออก พ่อหาเงินไม่ได้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้รับปากดิบดีว่าหาได้ ถ้าไม่ได้มีที่อยู่แปลงนึงพอจะเอามาใช้ได้ ฉันจึงให้แฟนถามพ่อถึงที่แปลงนั้น บอกให้โอนมาให้แฟน จะเอาไปจำนองแล้วผ่อนกันเอง สรุปที่แปลงนั้น มันเป็นแค่สวนผักหลังบ้าน 6 ตารางวา ที่อบ่งซื้อเขามาเพราะที่ติดกัน ให้แฟนไปขอกู้อะไรก็ไม่ผ่าน เพราะไม่มีอะไรค้ำ เครดิตไม่มี เงินเดือนก็น้อย ส่วนแม่แฟนก็พูดแต่ว่าไม่มีให้แฟนไปหากู้เอาเอง เราก็เลยบอกแฟนว่าทองสี่บาทท่านไม่ต้องหา หาแต่เงิน ทองเราหาเอง แม่แฟนก็บอกว่างั้นหาเงินเองอีกแสนนึง ดิฉันคิดว่าจะเป็นหนี้มาแต่งกัน มันไม่ดีเริ่มเเบบติดลบ ชาตินี้ไม่มีทางรวย ในเมื่อพ่อบอกจะกู้ได้ เราก็รอเงินพ่อ พอเราแต่งกันแล้วก็ใช้หนี้ช่วย จ่ายให้เป็นเงินเดือนทุกเดือนเอา เงินเดือนท่านโดนหักไปเท่าไหร่ก็จ่ายให้ บวกเงินที่ให้พ่อแม่ทุกเดือน แต่แม่แฟนไม่ยอมจะเอาเงินสดจากเรา ทั้งที่เราไม่มี ดิฉันจึงบอกแฟนว่างั้นล้มเลิกเถอะงานแต่ง ห่างกันไปก่อน มีเงินค่อยมาคุยกันใหม่ ถ้าตอนนั้นยังรักกันอยู่
แต่แม่ดิฉันก็กดดัน ว่ายังไงก็ต้องหามาให้ได้ แต่ไม้ให้ดิฉันเป็นคนยื่นกู้เด็ดขาด แม่พูดว่า"ถ้าเขาทิ้งหนี้ก็เป็นชื่อเรา ยังไงให้เขามาแต่งไห้ได้ แต่งไว้ก่อนดีกว้าให้เขาเอาฟรีๆตั้งหลายปี พ่อแม่เป็นถึงครู สร้างบ้านหลังเท่าวัง สินสอดก็ไม่ได้เรียกร้อง มาพูดเองว่าจะให้เท่านี้เอง แต่งเมียให้ลูกแค่นี้ทำไม่ได้ก็ให้มันอายคนไปเลย" เราก็ได้แต่รอให้เงินกู้พ่อออก ระหว่างนั้นเราก็ทำงานไปเตรียมงานไปจนวันก่อนวันแต่ง น้าที่เป็นญาติแฟน คนที่ว่าจะออกค่าสินสอดให้ บอกว่าตอนนี้มีแสนห้า ขาดอีกแสนสี่จะได้สองแสนเก้า งินกู้พ่อไม่ออก น้ามีแสนเดียว กับทองสองบาท อีกห้าหมื่นจะยืมคนข้างบ้าน คุยกับแม่ให้ได้มั้ย ว่าเอาไปเท่านี้ก่อน พอเงินพ่อออกค่อยเอาให้ครบ เราก็ไม่โอเคแล้ว นี่เราจะแต่งงานแสนเดียว ทองสองบาทเท่าเด็กไม่ได้เรียนหนังสือข้างบ้านได้ยังไง เพื่อนเราเขาแต่งโรงแรมหรู เราแต่งอยู่ที่บ้านนอก เราไม่เคยบ่นนะ คิดว่าดีไม่สิ้นเปลือง เพื่อนเราแต่งน้อยสุดห้าแสนทองสิบบาท คนอื่นก็คิดว่าเราแต่งเท่ากัน สามแสนสองนี่ไม่ได้มากเลย หักเงินหมั้นก็เหลือแค่สองแสนเก้า ทองสี่บาท แต่งเท่านี้เราไม่ยอมแน่ ไม่แต่งดีกว่า ล้มเลิกไปเลย
แม่แฟนจึงขอคุยกับแม่ดิฉัน แม่ก็โอเค ยอม สรุปว่าทางนู้นจะเอามา1แสนบาท กับทองที่รวบรวมกันมาได้แปดบาท และเมื่อเงินกู้ออก จะเอาเงินแสนเก้ามาไถ่ทองคืน แม่ฉันจึงยอม (มารู้ภายหลังว่าอีกห้าหมื่นยืมคนข้างบ้าน ได้แค่ 4หมื่น แต่แม่แฟนใช้หมดก่อนจะมาแต่ง)
พอเป็นอย่างนั้นฉันกับแฟนจึงไปหาเพื่อนคนที่คิดว่าพอจะหยิบยืมเงินได้ เพื่อเอาเงินมาวางใส่พานสินสอดให้ครบ เพื่อไม่ให้อับอายแขกที่มางาน ยืมมาวางเพิ่มอีกสองแสน สรุปวันแต่งมีเงินวางสามแสน กับทองที่คิดว่าแปดบาท ทองของฉัน ฉันจึงไม่ซื้อเอาเงินสดมาเตรียมงาน ซื้อเหล้า เช่าชุด พอเสร็จงานก็เอาเงินสองแสนไปคืนเพื่อน
พอเสร็จงานเช้าที่บ้านดิฉัน แขกยังไม่กลับด้วยซ้ำ แม่แฟนก็มาขอยืมเงินรับขวัญที่ดิฉันกับแฟนได้ผูกแขนตามประเพณี เป็นเงินสามหมื่นบาทไป บอกว่าไม่เหลือเงินกลับบ้านซักบาท และจะเอาไปเตรียมงานฉลองตอนเย็นที่บ้านเจ้าบ่าว ฉันก็ให้ยืมไป
พองานเย็นเสร็จ แม่แฟนก็เห็นญาติฝ่ายแฟนที่เขาไม่ได้ไปงานเช้าเราเขามารับขวัญเรามาให้อีก แกก็มาขอยืมอีก เราก็ให้ไป5000บาท แกบอกค่าซองไม่พอค่าใช้จ่าย เราไม่คิดอะไรถือว่าครอบครัวเดียวกัน ช่วยเหลือกัน เงินกู้พ่อออก แกก็จะให้คืน สรุปแกยืมไป 35000 และค่าสินสอดก็เหลือ 190000
จนตอนนี้ผ่านมา เกือบสี่เดือน เราก็ไม่ได้คืน ทองที่ว่าแปดบาท มีแค่สามบาทห้าสิบ ขาดน้ำหนักอีกด้วยซ้ำ ถามก็บอกไม่มี ล่าสุดพูดว่าอย่ามาทวง มีจะให้เอง เงินกู้พ่อก็ไม่ผ่านอนุมัติ ทั้งที่ตอนแรกบอกเราว่าอนุมัติแล้วแค่รอรับเงิน แกไปกู้ที่ใหม่ได้แสนกว่าก็ไม่ให้เรา บอกมีรายจ่าย เงินแสนนึงของญาติแกก็ไม้ได้ให้เราจริง แกไปทวงเอาจากพ่อแม่แฟน
ส่วนเราแต่งงานไม่มีอะไรมาตั้งตัวซักบาท เงินแสนนึงให้แม่หมด แม่ก็เอาจ่ายค่าของขวัญไหว้ญาติพ่อแม่แฟน และใช้หนี้ค่าปรับปรุงบ้านไว้รับแขก ทองก็เก็บไว้ไม่กล้าใช้ แม่ก็คอยแต่ว่าเขาหลอกลวงใช่ไหม
ส่วนแฟนก็กินแต่เหล้า งานการก็ไม่สนใจ ไปบ้างไม่ไปบ้าง จนเราสงสัยว่าองค์กรนี้มีแต่คนไม่มีประสิทธิภาพหรือไง ชวนกันไปแต่กินเหล้า มีแต่งานเลี้ยง งานฉลอง บางวันกินจนเช้า งานก็ขาด ไม่ไปทำ ไปครึ่งวันก็มี เราบอกจนไม่รู้จะบอกยังไง เราเหนื่อย ท้อแท้ เราออกจากห้องมาทำงานต่างอำเภอ 7 โมง กลับทุ่มสองทุ่ม กลับไปไม่เคยเห็นแฟนอยู่ห้อง ต้องโทรตาม ต้องตามหา เหนื่อยมาก อยากจะเลิก ให้โอกาสกี่ครั้งก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คิดว่าเคยทะเลาะกันจนห่างกันไป แล้วกลับมาดีกัน จนแต่งงาน คิดว่าจะเปลี่ยน จะคิดได้ แต่ก็บ้าเพื่อน บ้าเหล้า ไม่สนใจเรา ไม่แคร์ความรู้สึกเราเหมือนเดิม ทุกอย่างแย่ไปหมด เราพักผ่อนน้อย ทะเลาะแทบทุกวัน ได้นอนวันละไม่ถึงหกชม. ท้อหมดกำลังใจสู้แล้ว
เราอยากถามว่าแบบนี้เราพอจะฟ้องเรียกค่าเสียหายอะไรได้บ้างไหม เรียกเงินสินสอดที่ได้ไม่ครบคืนได้ไหม เรียกเงินยืมคืนได้ไหม แจ้งฐานหลอกลวงฉ้อโกง หรืออะไรได้ไหมคะ