ผมทำธุรกิจล้มเหลวครับ เป็นหนี้ครับจากการทำธุรกิจ เลยจำเป็นต้องกลับมาอยู่บ้านที่ต่างจังหวัด
หลังจากอยู่ได้ 1 เดือน พ่อก็เส้นเลือดในสมองแตกและป่วยติดเตียง
ผมกับพ่อ เรียกว่าความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกันครับ เพราะตอนเด็ก ๆ พ่อไม่ดูแลผมเลย ไม่แสดงความรักต่อผม ผิดกับแม่ที่ทำให้ผมรักแม่มาก
แต่ในช่วงพ่อป่วย ผมก็เป็นคนพาไป รพ เฝ้าตลอดการผ่าตัด ช่วงพักฟื้น ผมก็ดูแลดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อแม่ครับ
พอกลับบ้านผมช่วยกันกับแม่ ผมจะคอยทำกายภาพ กับให้อาหารทางสายยาง ให้ยา ส่วนแม่จะคอยเช็ดอึ ฉี่ อาบน้ำให้ พานอนและนอนเฝ้า
ผมบอกแม่ว่า จะอยู่ช่วยซัก 6 เดือน "จะช่วยให้พ่อเดินได้ จะได้แบ่งเบาภาระแม่ ไม่ต้องคอยเช็ดอึ ฉี่ หรืออาบน้ำให้"
หลังจากผ่าน 1 เดือนไป พ่อทานข้าวแข็งได้ ถอดสายยางทุกอย่าง พ่อเริ่มแข็งแรงขึ้นครับ แต่พฤติกรรมพ่อเปลี่ยนไป
ผมพยายามจะช่วยทำกายภาพก็ดื้อ บอกปวด เจ็บ ไม่ยอมทำ
เอาแต่นอนทั้งวัน จะให้ทำอะไร ก็บอกว่าจำไม่ได้ ทำไม่ได้ ลืม
แต่ตอนญาติคนอื่นมาเยี่ยม หรือนอนดูมวย ดูละคร นี่จำได้หมดทุกอย่าง
(ผมรู้สึกได้ว่า ตอนนี้พ่อขี้เกียจไปแล้ว และชินจากการที่มีคนคอยดูแลให้ตลอด จนจิตใจไม่อยากทำอะไรแล้ว)
ผมซึ่งหนี้สินรุมเร้า ธนาคารโทรทวงเงิน สถานการณ์การเงิน ที่บ้านก็ชักหน้าไม่ถึงหลังครับ ก็มีความเครียดสะสมครับ
ยิ่งผมตั้งใจจะช่วยพ่อทำกายภาพมากแค่ไหน แล้วพ่อเริ่มงอแง ไม่อยากทำ บ่นนั่นบ่นนี่ ยิ่งทำให้ผมโมโหครับ
ประโยคที่ผมได้ยินพ่อพูดทีไรผมก็โมโหทุกทีคือ
"เดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็นอนอยู่แบบนี้แหละ"
ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ ผมซึ่งตั้งใจจะให้พ่อเดินได้และแบ่งเบาภาระแม่ ก็เดือดซิครับ
ผมก็มักจะสวนกลับพ่อไปตลอดว่า
"ไม่สงสารลูกเมียเลยเหรอ ที่ต้องมาดูแลขนาดนี้ ตั้งใจให้ซักหน่อยไม่ได้เหรอ"
ทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ทำกายภาพให้พ่อเสร็จ ผมจะจบด้วยอารมณ์เสียทุกครั้ง สุขภาพจิตตัวเองตอนนี้แย่มาก ๆ ครับ พอมันแย่
ทุกอย่างตามมามันก็รวนไปหมด
ส่วนตัวผมนี่ หมดความเชื่อมั่นในตัวเองไปเยอะเหมือนกันครับ ไหนจะหนี้สินรุงรัง ไหนจะต้องมาดูแลพ่อป่วยที่ดื้อแสนดื้อ
ไหนจะไม่มีเงินไว้กินใช้อีก
ตอนนี้เหลืออีก 2 เดือน ตามที่ผมสัญญาว่าจะช่วยพ่อกายภาพให้เดินได้ แต่พ่อเหมือนจะไม่เอาแล้ว ยอมแพ้แล้ว
ผมควรเลือกทางไหนดีครับ ระหว่าง
1. เลือกกายภาพต่อ แล้วยอมอารมณ์เสียต่อไป เครียดต่อไป อีกแค่ 2 เดือนเอง ช่วยแม่ตามสัญญา (ถึงแม้ว่าไม่ได้การันตีว่าพ่อจะเดินได้)
2. กลับไปหางานทำ ปลดหนี้ หาเงินมาให้แม่ใช้ดีกว่า ไหน ๆ พ่อ ก็ไม่ใส่ใจแล้ว เพราะทำให้ขนาดนี้ ก็ทำดีที่สุดแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
(แก้คำผิดครับ)
ช่วยด้วยครับ รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วกับพ่อที่ป่วยติดเตียงแล้วดื้อมาก
หลังจากอยู่ได้ 1 เดือน พ่อก็เส้นเลือดในสมองแตกและป่วยติดเตียง
ผมกับพ่อ เรียกว่าความสัมพันธ์ไม่ค่อยลงรอยกันครับ เพราะตอนเด็ก ๆ พ่อไม่ดูแลผมเลย ไม่แสดงความรักต่อผม ผิดกับแม่ที่ทำให้ผมรักแม่มาก
แต่ในช่วงพ่อป่วย ผมก็เป็นคนพาไป รพ เฝ้าตลอดการผ่าตัด ช่วงพักฟื้น ผมก็ดูแลดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อแม่ครับ
พอกลับบ้านผมช่วยกันกับแม่ ผมจะคอยทำกายภาพ กับให้อาหารทางสายยาง ให้ยา ส่วนแม่จะคอยเช็ดอึ ฉี่ อาบน้ำให้ พานอนและนอนเฝ้า
ผมบอกแม่ว่า จะอยู่ช่วยซัก 6 เดือน "จะช่วยให้พ่อเดินได้ จะได้แบ่งเบาภาระแม่ ไม่ต้องคอยเช็ดอึ ฉี่ หรืออาบน้ำให้"
หลังจากผ่าน 1 เดือนไป พ่อทานข้าวแข็งได้ ถอดสายยางทุกอย่าง พ่อเริ่มแข็งแรงขึ้นครับ แต่พฤติกรรมพ่อเปลี่ยนไป
ผมพยายามจะช่วยทำกายภาพก็ดื้อ บอกปวด เจ็บ ไม่ยอมทำ
เอาแต่นอนทั้งวัน จะให้ทำอะไร ก็บอกว่าจำไม่ได้ ทำไม่ได้ ลืม
แต่ตอนญาติคนอื่นมาเยี่ยม หรือนอนดูมวย ดูละคร นี่จำได้หมดทุกอย่าง
(ผมรู้สึกได้ว่า ตอนนี้พ่อขี้เกียจไปแล้ว และชินจากการที่มีคนคอยดูแลให้ตลอด จนจิตใจไม่อยากทำอะไรแล้ว)
ผมซึ่งหนี้สินรุมเร้า ธนาคารโทรทวงเงิน สถานการณ์การเงิน ที่บ้านก็ชักหน้าไม่ถึงหลังครับ ก็มีความเครียดสะสมครับ
ยิ่งผมตั้งใจจะช่วยพ่อทำกายภาพมากแค่ไหน แล้วพ่อเริ่มงอแง ไม่อยากทำ บ่นนั่นบ่นนี่ ยิ่งทำให้ผมโมโหครับ
ประโยคที่ผมได้ยินพ่อพูดทีไรผมก็โมโหทุกทีคือ
"เดินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ก็นอนอยู่แบบนี้แหละ"
ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ ผมซึ่งตั้งใจจะให้พ่อเดินได้และแบ่งเบาภาระแม่ ก็เดือดซิครับ
ผมก็มักจะสวนกลับพ่อไปตลอดว่า
"ไม่สงสารลูกเมียเลยเหรอ ที่ต้องมาดูแลขนาดนี้ ตั้งใจให้ซักหน่อยไม่ได้เหรอ"
ทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ทำกายภาพให้พ่อเสร็จ ผมจะจบด้วยอารมณ์เสียทุกครั้ง สุขภาพจิตตัวเองตอนนี้แย่มาก ๆ ครับ พอมันแย่
ทุกอย่างตามมามันก็รวนไปหมด
ส่วนตัวผมนี่ หมดความเชื่อมั่นในตัวเองไปเยอะเหมือนกันครับ ไหนจะหนี้สินรุงรัง ไหนจะต้องมาดูแลพ่อป่วยที่ดื้อแสนดื้อ
ไหนจะไม่มีเงินไว้กินใช้อีก
ตอนนี้เหลืออีก 2 เดือน ตามที่ผมสัญญาว่าจะช่วยพ่อกายภาพให้เดินได้ แต่พ่อเหมือนจะไม่เอาแล้ว ยอมแพ้แล้ว
ผมควรเลือกทางไหนดีครับ ระหว่าง
1. เลือกกายภาพต่อ แล้วยอมอารมณ์เสียต่อไป เครียดต่อไป อีกแค่ 2 เดือนเอง ช่วยแม่ตามสัญญา (ถึงแม้ว่าไม่ได้การันตีว่าพ่อจะเดินได้)
2. กลับไปหางานทำ ปลดหนี้ หาเงินมาให้แม่ใช้ดีกว่า ไหน ๆ พ่อ ก็ไม่ใส่ใจแล้ว เพราะทำให้ขนาดนี้ ก็ทำดีที่สุดแล้ว
ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
(แก้คำผิดครับ)