สวัสดี เราชื่อแก้มหมวย แต่ใช้แค่ชื่อท้ายคือหมวย
ฉันก็แค่อยากมาเล่าประสบการณ์ชีวิตการต่อสู้ของฉันก่อนที่ฉันจะมาประสบความสำเร็จ เอิ่ม…… มันก็ไม่เชิงสำเร็จหรอกนะแต่ผลที่ได้ก็ถือว่าภูมิใจเป็นอย่างมาก
อย่างอื่นเลยฉันเริ่มต้นจากการที่พ่อกับแม่ของฉันเลิกกันมันเลยทำให้ฉันต้องแยกจากครอบครัวออกมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยลำพังไม่ใช่เพราะตั้งใจหรอกนะแต่เพราะแม่ของฉันไล่ออกจากบ้านเพราะหนีไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เพราะแม่ของฉันอยากให้มีชีวิตที่ดีและไม่อยากให้ใช้เงินแต่ทำงานทีไรแม่ก็ขอไปหมดจนแทบไม่เหลือให้ฉันติดตัว ช่วงแรกๆนะ เงินจะกินข้าวและเงินติดตัวไม่มีสักบาท แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เสมอ ฉันเจอกับพี่ทรายและเพื่อนที่ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อที่ฉันเคยงานอยู่และเจอกับป้าอ้วนร้านขายอาหารตามสั่ง นั่นแหละอย่างที่ฉันบอกไป ฉันไม่มีเงินสักบาทเพราะโดนไล่ออกจากบ้าน พี่ทรายได้ให้ฉันทำการกู้ยืมเป็นเงินจำนวน 7000 บาทเพื่อทำการเช่าหอช่วงแรกๆฉันเหมือนเด็กเร่ร่อนคนนึงที่หาทางออกไม่เจอทำได้แค่ตื่นไปทำงานแล้วกลับห้อง ส่วนข้าวป้าอ้วนจะทำมาให้ที่ทำงานโดยที่ไม่ให้ฉันจ่ายเงินแต่ให้ช่วยงานที่ร้านหลังจากเลิกงานหรือวันหยุดจากงานประจำ ฉันยอมรับข้อเสนอนี้เพราะมันเป็นทางที่ดีที่สุดในชีวิตฉันในตอนนั้น และฉันทำมันมาในระยะเวลา 2 ปีเต็ม และมีอยู่วันนึ่งฉันเจอกับความรักช่วงแรกๆทุกอย่างมันดีหมดเลยแหละ.... แต่พอมาช่วงหลังชีวิตฉันเหมือนถูกขังอีกครั้ง คนรักเก่าของฉันไม่ให้ฉันออกไปเจอใครๆเลิกงานต้องกลับบ้านให้ตรงเวลาไม่อย่างงั้นเขาจะตามมาหาเรื่องฉันในที่ทำงาน มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นความคิดที่ฉันอยากจะหนีไปจากที่ที่ฉันเคยอยู่ ฉันได้ปรึกษากับเพื่อนที่สนิทว่าฉันควรทำไงดีเพราะไม่มีความสุขเลยที่อยู่กับแฟนเก่าของฉันคนนี้ ที่อยู่เพราะแม่ของแฟนเก่าฉันขอร้องให้อยู่ที่ฉันยอมอดทนอยู่เพราะท่านป่วยเป็นโรคหัวใจฉันเลยอดสงสารไม่ได้เลยทำได้แค่อดทนอยู่ แต่แล้วฉันก็อดทนไม่ไหวเพราะนับวันยิ่งอยู่ยิ่งทะเลาะ 1 วันทะเลากัน 2 ครั้ง 3 ครั้ง ฉันเลยจบปัญหาด้วยการหนีไปอยู่อีกจังหวัดนึง ด้วยความที่เพื่อนของฉันบอกด้วยแหละว่าลองย้ายไปทำโรงงานดูเพราะโอทีได้เยอะกว่างานเก่า ด้วยความเป็นคนที่คิดน้อยของฉัน ฉันเลยตัดสินใจไปทันที ทุกคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น …55555 นั่นแหละฉันล้มเหลวอีกครั้ง โรงงานฉันตกอยู่ในช่วงวิกฤตโควิดระบาด ไม่มีโอทีให้และวันหยุดเยอะกว่าวันทำงาน ไปทำงานวันแรกที่เจอสังคมโรงงาน ฉันโดนแกล้งโดยการถูกเพื่อนเจียบัดจีใส่เหล็กร้อนและโยนมันมาใส่หัวฉัน แต่ฉันไม่พูดอะไรทำได้แค่เงียบและอดทนต่อ วันทำงานวันที่สองฉันโดนน้ำยาแอร์ที่เพื่อนใส่น็อตไม่แน่นทำให้มันแตกและพุ่งใส่มือฉันจดเป็นแผลที่โครตปวดแสบปวดร้อนมากกกกก แต่ก็เหมือนเดิมฉันไม่สู้และนิ่งเพราะฉันคิดว่าฉันมาทำงานไม่ได้มามีปัญหา และช่วงระหว่างนั้นแม่ของฉันก็ส่งข้อความมาด่าอยู่เรื่อยๆ อีเด็กเร่ร่อน เหลือขอ ตัวซวย ฉันบล็อคไปแม่ก็สมัครไลน์ใหม่เพื่อมาตามด่าฉันอยู่ดี 55555555 … แต่ฉันไม่ตอบโต้หรอกนะแค่นี้สบายมาก และฉันอดทนในโรงงานนี้มาเรื่อยๆจนครบ 1 เดือนฉันโดนแกล้งเกือบทุกวันโดนลัดคิวเวลาซื้อข้าวกับน้ำ โดนเตะขาเวลาออกเบรคช่วงนั้นฉันคิดแค่ต้องอดทนเพราะต้องการทำงานหาเงินทำได้แค่ยิ้มสู้ แต่มันกลับกลายทำให้ฉันป่วยทางจิตก็คือ โรคซึมเศร้าไงล่ะ! ฉันไม่เคยพูดหรือแสดงอาการว่าฉันป่วยหลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ทำงาน ที่รู้ว่าตัวเองเป็นก็ตอนกลับมาถึงห้องแล้วร้องไห้ไม่อยากอยู่เลยซัดยาแก้แพ้กับยาพาราไปกระปุกใหญ่เลยแหละ และเริ่มกีดข้อมือเบาๆเหมือนโรคจิต อยากรู้มั้ยทำไมถึงรอด ……………………? เดี๋ยวมาต่อกระทู้ถัดไป มันยาวมากกกก เจอกันกระทู้ถัดไปนะ😉
เด็กเร่ร่อนแต่ไม่เร่ร่อน!?
ฉันก็แค่อยากมาเล่าประสบการณ์ชีวิตการต่อสู้ของฉันก่อนที่ฉันจะมาประสบความสำเร็จ เอิ่ม…… มันก็ไม่เชิงสำเร็จหรอกนะแต่ผลที่ได้ก็ถือว่าภูมิใจเป็นอย่างมาก
อย่างอื่นเลยฉันเริ่มต้นจากการที่พ่อกับแม่ของฉันเลิกกันมันเลยทำให้ฉันต้องแยกจากครอบครัวออกมาใช้ชีวิตคนเดียวโดยลำพังไม่ใช่เพราะตั้งใจหรอกนะแต่เพราะแม่ของฉันไล่ออกจากบ้านเพราะหนีไปเที่ยวทะเลกับเพื่อน เพราะแม่ของฉันอยากให้มีชีวิตที่ดีและไม่อยากให้ใช้เงินแต่ทำงานทีไรแม่ก็ขอไปหมดจนแทบไม่เหลือให้ฉันติดตัว ช่วงแรกๆนะ เงินจะกินข้าวและเงินติดตัวไม่มีสักบาท แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่เสมอ ฉันเจอกับพี่ทรายและเพื่อนที่ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อที่ฉันเคยงานอยู่และเจอกับป้าอ้วนร้านขายอาหารตามสั่ง นั่นแหละอย่างที่ฉันบอกไป ฉันไม่มีเงินสักบาทเพราะโดนไล่ออกจากบ้าน พี่ทรายได้ให้ฉันทำการกู้ยืมเป็นเงินจำนวน 7000 บาทเพื่อทำการเช่าหอช่วงแรกๆฉันเหมือนเด็กเร่ร่อนคนนึงที่หาทางออกไม่เจอทำได้แค่ตื่นไปทำงานแล้วกลับห้อง ส่วนข้าวป้าอ้วนจะทำมาให้ที่ทำงานโดยที่ไม่ให้ฉันจ่ายเงินแต่ให้ช่วยงานที่ร้านหลังจากเลิกงานหรือวันหยุดจากงานประจำ ฉันยอมรับข้อเสนอนี้เพราะมันเป็นทางที่ดีที่สุดในชีวิตฉันในตอนนั้น และฉันทำมันมาในระยะเวลา 2 ปีเต็ม และมีอยู่วันนึ่งฉันเจอกับความรักช่วงแรกๆทุกอย่างมันดีหมดเลยแหละ.... แต่พอมาช่วงหลังชีวิตฉันเหมือนถูกขังอีกครั้ง คนรักเก่าของฉันไม่ให้ฉันออกไปเจอใครๆเลิกงานต้องกลับบ้านให้ตรงเวลาไม่อย่างงั้นเขาจะตามมาหาเรื่องฉันในที่ทำงาน มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นความคิดที่ฉันอยากจะหนีไปจากที่ที่ฉันเคยอยู่ ฉันได้ปรึกษากับเพื่อนที่สนิทว่าฉันควรทำไงดีเพราะไม่มีความสุขเลยที่อยู่กับแฟนเก่าของฉันคนนี้ ที่อยู่เพราะแม่ของแฟนเก่าฉันขอร้องให้อยู่ที่ฉันยอมอดทนอยู่เพราะท่านป่วยเป็นโรคหัวใจฉันเลยอดสงสารไม่ได้เลยทำได้แค่อดทนอยู่ แต่แล้วฉันก็อดทนไม่ไหวเพราะนับวันยิ่งอยู่ยิ่งทะเลาะ 1 วันทะเลากัน 2 ครั้ง 3 ครั้ง ฉันเลยจบปัญหาด้วยการหนีไปอยู่อีกจังหวัดนึง ด้วยความที่เพื่อนของฉันบอกด้วยแหละว่าลองย้ายไปทำโรงงานดูเพราะโอทีได้เยอะกว่างานเก่า ด้วยความเป็นคนที่คิดน้อยของฉัน ฉันเลยตัดสินใจไปทันที ทุกคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น …55555 นั่นแหละฉันล้มเหลวอีกครั้ง โรงงานฉันตกอยู่ในช่วงวิกฤตโควิดระบาด ไม่มีโอทีให้และวันหยุดเยอะกว่าวันทำงาน ไปทำงานวันแรกที่เจอสังคมโรงงาน ฉันโดนแกล้งโดยการถูกเพื่อนเจียบัดจีใส่เหล็กร้อนและโยนมันมาใส่หัวฉัน แต่ฉันไม่พูดอะไรทำได้แค่เงียบและอดทนต่อ วันทำงานวันที่สองฉันโดนน้ำยาแอร์ที่เพื่อนใส่น็อตไม่แน่นทำให้มันแตกและพุ่งใส่มือฉันจดเป็นแผลที่โครตปวดแสบปวดร้อนมากกกกก แต่ก็เหมือนเดิมฉันไม่สู้และนิ่งเพราะฉันคิดว่าฉันมาทำงานไม่ได้มามีปัญหา และช่วงระหว่างนั้นแม่ของฉันก็ส่งข้อความมาด่าอยู่เรื่อยๆ อีเด็กเร่ร่อน เหลือขอ ตัวซวย ฉันบล็อคไปแม่ก็สมัครไลน์ใหม่เพื่อมาตามด่าฉันอยู่ดี 55555555 … แต่ฉันไม่ตอบโต้หรอกนะแค่นี้สบายมาก และฉันอดทนในโรงงานนี้มาเรื่อยๆจนครบ 1 เดือนฉันโดนแกล้งเกือบทุกวันโดนลัดคิวเวลาซื้อข้าวกับน้ำ โดนเตะขาเวลาออกเบรคช่วงนั้นฉันคิดแค่ต้องอดทนเพราะต้องการทำงานหาเงินทำได้แค่ยิ้มสู้ แต่มันกลับกลายทำให้ฉันป่วยทางจิตก็คือ โรคซึมเศร้าไงล่ะ! ฉันไม่เคยพูดหรือแสดงอาการว่าฉันป่วยหลังจากที่รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ทำงาน ที่รู้ว่าตัวเองเป็นก็ตอนกลับมาถึงห้องแล้วร้องไห้ไม่อยากอยู่เลยซัดยาแก้แพ้กับยาพาราไปกระปุกใหญ่เลยแหละ และเริ่มกีดข้อมือเบาๆเหมือนโรคจิต อยากรู้มั้ยทำไมถึงรอด ……………………? เดี๋ยวมาต่อกระทู้ถัดไป มันยาวมากกกก เจอกันกระทู้ถัดไปนะ😉