ศิริกัญญา ชําแหละดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ เงินส่อไหลเข้าทุนใหญ่-ร้านสะดวกซื้อ เหตุรบ.สร้างข้อจำกัดกีดกันร้านเล็ก
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4534990
”ก้าวไกล“ จัดเสวนาชําแหละดิจิทัลวอลเล็ต “ศิริกัญญา“ ชี้ เงินส่อไหลเข้าทุนใหญ่-เชนร้านสะดวกซื้อ จี้รบ.สร้างแรงจูงใจ ดึงร้านขนาดเล็กร่วมโครงการ เหตุเงื่อนไขกีดกันเกินไป ด้าน “ณัฐพล” จี้เปิดชื่อร้านลงทะเบียนรายอำเภอ รู้แน่เงินกระจุกที่ใคร
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดเสวนา “
ดิจิทัลวอลเล็ต…เงินกำลังจะหมุนไปไหน?” โดย น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ก.ก. และนาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า ดิจิทัลวอลเล็ตอาจเป็นโครงการที่ทำให้เศรษฐกิจโต เพราะมีการใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าเป็นการโตเฉพาะบางกลุ่ม พร้อมทั้งมีข้อกังวลเกี่ยวกับซุปเปอร์แอพพ์ว่า ตัวระบบจะเสร็จทันหรือไม่ เพราะหากระบบล่มจะส่งปัญหา กับผู้ใช้งานกรณีของแอปพลิเคชั่นไม่เสถียร เหมือนกรณีแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ทันในไตรมาส 4 ตามที่ประกาศออกมาหรือไม่ และขอให้รัฐบาลออกมาสร้างความเชื่อมั่นใจกับประชาชน หากจะมีการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตถึงการอ้างอิงข้อกฎหมายตามมาตรา 28 ว่าสามารถทำได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งคงจะมีการส่งกฤษฎีกาตีความต่อไป
ด้านนาย
ณัฐพล กล่าวว่า หากรัฐบาลยืนยันว่าใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ก็ยิ่งจะต้องตอบให้ได้ว่า เงินทั้งหมดหมุนไปกระจุกอยู่ที่ใคร และหากเป็นโครงการทดลอง ก็อยากทราบว่า เงินกว่า 5 แสนล้านบาท ต้องทดลองกี่ชั่วลูกชั่วหลาน จึงจะสำเร็จ
ขณะที่ช่วงถามตอบ ได้มีประชาชนถามว่า วัตถุประสงค์ของโครงการจะช่วยคนรากหญ้า แต่กลับมีร้านสะดวกซื้อเข้ามาร่วม น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า เราจึงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วม แต่ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าการมีร้านสะดวกซื้อเข้ามา เหมือนเป็นจุดเสริมของโครงการ ที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ด้วยเงื่อนไขทั้งหมดที่มีอยู่ ณ วันนี้ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า เงินจะหมุนกระจุกอยู่ที่ทุนขนาดใหญ่ โดยวิธีการและเงื่อนไขต่างๆ ที่สร้างข้อจำกัดให้กับร้านค้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะเงื่อนไขการแลกเป็นเงินสดได้เฉพาะที่อยู่ในฐานภาษีเท่านั้น ร้านขนาดเล็กที่สายป่านสั้น ยิ่งจะไม่อยากเข้าร่วมโครงการก็ได้ ดังนั้นคนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือร้านค้าขายปลีกที่เป็นเชนขนาดใหญ่ รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ ที่ได้อานิสงส์จากเรื่องนี้ไปเต็มเต็ม
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่เปลี่ยนเงื่อนไข จูงใจให้ร้านขนาดเล็กเข้ามาร่วมได้ เงินก็จะหมุนไปอยู่กับทุนใหญ่เท่านั้น เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ถ้าบล็อกเชนโปร่งใส ทําให้เข้าไปเช็คได้ เห็นว่ามีกระเป๋าเงินไหนได้เงินเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้ยังแก้ไขทัน หากใส่ใจอยากจะให้เงินกระจายไปทั่วๆ
ขณะที่นาย
ณัฐพล กล่าวเสริมว่า นอกจากจะเปิดเผยข้อมูลว่ากระเป๋าใครใหญ่หรือเล็ก แต่ปัจจัยความสำเร็จ จะต้องมีร้านเล็กๆ เข้าระบบมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ คือช่วงลงทะเบียนไตรมาส 3 รัฐบาลต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ลงทะเบียนร้านค้า หากเปิดเป็นรายอำเภอ ก็จะยิ่งได้เห็นว่าเงินจะไปอยู่ที่ไหน
ศิริกัญญา เห็นด้วย ดึง ‘พิชัย’ นั่งรมว.คลัง ฟูลไทม์ จี้ทำงานทันที ห้ามมีช่วงฮันนีมูน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4534985
“ศิริกัญญา” เห็นด้วย ปรับครม.มีชื่อ “พิชัย” นั่งรมว.คลังฟูลไทม์ ชี้ “เศรษฐา” ไม่ควรควบแต่ต้น จี้รมต.หน้าใหม่ เริ่มทํางานทันที ห้ามมีช่วงฮันนีมูน ให้กําลังใจขรก. ต้องแบกภาระดิจิทัลวอลเล็ต
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่านาย
พิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ จะสร้างความแตกต่างหรือไม่ว่า การที่นาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรมาตั้งแต่ต้น เพราะไม่สามารถที่จะทำงานเต็มเวลาได้ งานของกระทรวงที่ฝากรัฐมนตรีช่วยไว้ก็อาจทำไม่ได้เต็มที่ และโดยปกตินายกฯจะไม่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพราะต้องเป็นผู้เสนอแนะ หรือตักเตือนเรื่องการคลังที่น่ากังวล ดังนั้น เป็นเรื่องที่ดี หากมีรัฐมนตรีคลังมาทำงานเต็มเวลา ส่วนนายพิชัยจะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องให้โอกาสเริ่มทำงานก่อน
น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นาย
พิชัยก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบบริหารราชการมาระดับหนึ่ง ดังนั้น ทางพรรคก้าวไกลคงจะไม่ให้โอกาสในช่วงทดลองงาน เมื่อเข้าทำเนียบก็ต้องทำงานทันที ไม่มีช่วงฮันนีมูนเหมือนรัฐมนตรีคนอื่น เพราะถือว่ารัฐบาลทำงานมา 7 เดือนแล้ว จึงคาดหวังว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้รัฐมนตรีหน้าใหม่คงไม่มาเรียนรู้งานกันใหม่ ขอให้ทำงานเต็มที่ตั้งแต่วันแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องให้กำลังใจนาย
พิชัยหรือไม่ เพราะต้องมาสานต่อนโยบายเรือธง อย่างดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.
ศิริกัญญากล่าวว่า เข้าใจว่านาย
พิชัยอยู่ในทีมที่ทำงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เข้าใจว่าครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ 1 รัฐมนตรี และ 2 รัฐมนตรีช่วย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ก็ฝากกำลังใจไปยังกระทรวง และข้าราชการประจำที่จะต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่มาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลคาดหวังไว้
รองประธาน คสรท. ชี้ปรับค่าจ้าง 400 ก๊อก 3 การเมืองชัด ไม่ตอบโจทย์ความเดือนร้อนแรงงาน
https://www.dailynews.co.th/news/3360476/
รองประธาน คสรท. ชี้ ปรับค่าจ้าง 400 ก๊อก 3 การเมืองชัด ไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนแรงงาน ยึกยัก ไม่คุมราคาสินค้าเงิน คนหาเช้ากินค่ำเสีย 2 ต่อ เงินเข้ากระเป๋านายทุน
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นาย
ชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ (บอร์ดค่าจ้าง หรือไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 3/2567 เตรียมปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 รอบที่ 3 ทั้งประเทศ 400 บาท แต่ดำเนินการเฉพาะบางกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มโลจิสติกส์ ว่า ถ้าทำลักษณะนี้ มองแล้วไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะถ้าจะปรับทั้งประเทศก็ปรับเลย ไม่ต้องบอกว่าปรับแค่กลุ่มโลจิสติก์ส์ หรือเฉพาะกลุ่มไหน แต่การปรับอย่างนี้เป็นลักษณะของการเมือง ไม่ได้ปรับเพราะความเดือดร้อนของคนงาน ตนสังเกตและวิเคราะห์ เห็นว่า คนงานที่อยู่ในโรงงานเวลาเงินขาดมือ ไม่พอใช้ อยู่ตรงไหนมันก็ไม่พอใช้ ดังนั้นมาบอกว่าจะปรับโลจิสติกส์ หรืออื่นๆ ถ้าจะปรับทั่วประเทศ ก็เอาให้เท่าๆ กันไปเลย อย่างนั้นถึงจะเป็นการช่วยเหลือคนงาน เอาเงินเข้ากระเป๋าคนงาน แล้วไปคุยกับนายจ้างว่า ถ้าปรับรอบนี้ นายจ้างจะได้อานิสงส์จากการที่แรงงานมีเงินซื้อของที่ท่านผลิตเอง ธุรกิจนั้นก็จะดีขึ้น เหมือนธุรกิจโรงแรม ในบางพื้นที่ ใน 10 จังหวัด ที่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำรอบ 2 ถามว่ามีใครได้แค่ไหน มีคนทำการศึกษาวิจัยหรือไม่
“ฉะนั้นที่เขาปรับนี้ เป็นการปรับในเชิงการเมืองมากกว่า เพราะเขาหาเสียงไว้ว่าจะมีการปรับ 400 บาท และจะปรับให้ถึง 600 บาท หากอยู่ครบ 4 ปี ก็เป็นการเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้ไปตลอด ผลสุดท้ายคนงานได้กะปริดกะปรอย” นาย
ชาลี กล่าว
นาย
ชาลี กล่าวต่อว่า ในส่วนของค่าครองชีพที่รัฐบาลบอกว่าจะควบคุมทุกครั้งที่มีการปรับเพิ่มค่าจ้างฯ นั้น ตนมองว่า โดยหลัก หากรัฐบาลคุมราคาวัตถุดิบต้นทางให้ถูก ไม่ขยับเพิ่มเงินไป 3-4 ต่อ ถ้าทำได้แบบนี้ไม่ต้องไปปรับค่าจ้างขั้นต่ำก็ได้ ค่าแรงเท่าที่มีก็อยู่ได้ เพราะค่าครองชีพไม่สูง แต่วันนี้คุณเล่นไปไม่ควบคุมเลย แล้วไปปรับค่าจ้างญ ไล่ตามวัตถุดิบที่เพิ่มไปก่อนแล้ว แบบนี้ไม่มีประโยชน์ ปรับค่าจ้างไปก็ไปอยู่ที่นายทุนหมด แล้วเล่นประกาศให้รู้ล่วงหน้า แม้ไม่รู้ว่าจะได้ปรับจริงๆ เมื่อไหร่ แต่ราคาสินค้าขึ้นไปรอก่อนแล้ว พอถึงวันปรับจริงราคาของก็ปรับเพิ่มอีก เท่ากับว่าราคาสินค้าปรับเพิ่ม 2 เด้ง แรงงานก็เสีย 2 ต่อ ถามว่าเอามันสมองข้างไหนมาคิด ถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าจะทำอะไรต้องให้มีความชัดเจน แล้วดำเนินการ ไม่ใช่ป่าวประกาศหลายรอบ ย้ำว่า นี่ไม่ได้โจมตีรัฐบาล แต่โจมตีหลักคิดของรัฐบาลที่คิดอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เล่นเอาออกมาเพื่อต้องกาหาเสียง ต้องการเอาหน้าจากประชาชนที่อาจจะคิดไม่เท่าทัน เหมือนเงินดิจิทัล ประกาศมากี่ทีแล้ว แต่เอาจริงก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่
รัสเซียยกระดับคุมเข้ม การเดินทางไปต่างประเทศของเจ้าหน้าที่รัฐ
https://www.dailynews.co.th/news/3360716/
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลมอสโก ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่เข้มงวดมากน้อยแตกต่างกันไป ในการเดินทางไปต่างประเทศ "ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า นาย
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานรัฐทุกแห่งของรัสเซียมีกฎระเบียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในสังกัดต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดมากน้อยลดหลั่นกันไป ในกรณีต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ มีกฎสำหรับหน่วยงานบางแห่ง ซึ่งเข้มงวดถึงขั้นว่า ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ และบุคลากรของหน่วยงานบางแห่งสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนภายใน
แม้
เปสคอฟไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก แต่การชี้แจงดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสื่อตะวันตกหลายแห่งรายงาน โดยอ้างข้อมูลขจากแหล่งข่าวของตัวเอง ว่าเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานหลายแห่งในรัสเซีย กำลังเผชิญกับ “
ความวุ่นวาย” ในการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ ซึ่งครอบคลุมแม้แต่กับประเทศที่รัสเซียระบุว่า “
เป็นมิตร”
เดิมที รัฐบาลมอสโกเริ่มเพิ่มความเข้มงวด ในการพิจารณาอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐเดินทางไปต่างประเทศ ตั้งแต่หลังสงครามกับยูเครนปะทุ เมื่อปี 2565 แต่ในเวลานั้น ยังไม่มีการประกาศกฎระเบียบออกมาอย่างเป็นทางการ และเน้นเฉพาะหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงาน “
ในพื้นที่อ่อนไหวด้านข้อมูลข่าวกรอง”
จนกระทั่ง มีการประกาศข้อบังคับออกมาอย่างเป็นทางการ เมื่อกลางปี 2566 ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกระดับ ในทุกกระทรวงของรัสเซีย.
JJNY : 5in1 ชําแหละดิจิทัลวอลเล็ต│เห็นด้วยดึง‘พิชัย’นั่งคลัง│ปรับค่าจ้างไม่ตอบโจทย์│รัสเซียคุมเข้มเดินทาง│อิรักเร่งสอบ
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4534990
”ก้าวไกล“ จัดเสวนาชําแหละดิจิทัลวอลเล็ต “ศิริกัญญา“ ชี้ เงินส่อไหลเข้าทุนใหญ่-เชนร้านสะดวกซื้อ จี้รบ.สร้างแรงจูงใจ ดึงร้านขนาดเล็กร่วมโครงการ เหตุเงื่อนไขกีดกันเกินไป ด้าน “ณัฐพล” จี้เปิดชื่อร้านลงทะเบียนรายอำเภอ รู้แน่เงินกระจุกที่ใคร
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) จัดเสวนา “ดิจิทัลวอลเล็ต…เงินกำลังจะหมุนไปไหน?” โดย น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ก.ก. และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ดิจิทัลวอลเล็ตอาจเป็นโครงการที่ทำให้เศรษฐกิจโต เพราะมีการใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับด้วยว่าเป็นการโตเฉพาะบางกลุ่ม พร้อมทั้งมีข้อกังวลเกี่ยวกับซุปเปอร์แอพพ์ว่า ตัวระบบจะเสร็จทันหรือไม่ เพราะหากระบบล่มจะส่งปัญหา กับผู้ใช้งานกรณีของแอปพลิเคชั่นไม่เสถียร เหมือนกรณีแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า พรรคก้าวไกลจะติดตามโครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างใกล้ชิดต่อไป ว่ารัฐบาลจะสามารถดำเนินการได้ทันในไตรมาส 4 ตามที่ประกาศออกมาหรือไม่ และขอให้รัฐบาลออกมาสร้างความเชื่อมั่นใจกับประชาชน หากจะมีการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตถึงการอ้างอิงข้อกฎหมายตามมาตรา 28 ว่าสามารถทำได้ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งคงจะมีการส่งกฤษฎีกาตีความต่อไป
ด้านนายณัฐพล กล่าวว่า หากรัฐบาลยืนยันว่าใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ก็ยิ่งจะต้องตอบให้ได้ว่า เงินทั้งหมดหมุนไปกระจุกอยู่ที่ใคร และหากเป็นโครงการทดลอง ก็อยากทราบว่า เงินกว่า 5 แสนล้านบาท ต้องทดลองกี่ชั่วลูกชั่วหลาน จึงจะสำเร็จ
ขณะที่ช่วงถามตอบ ได้มีประชาชนถามว่า วัตถุประสงค์ของโครงการจะช่วยคนรากหญ้า แต่กลับมีร้านสะดวกซื้อเข้ามาร่วม น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราจึงต้องทำงานหนัก เพื่อให้ร้านค้าขนาดเล็กเข้าร่วม แต่ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะทำหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มองว่าการมีร้านสะดวกซื้อเข้ามา เหมือนเป็นจุดเสริมของโครงการ ที่ทำให้โครงการประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ด้วยเงื่อนไขทั้งหมดที่มีอยู่ ณ วันนี้ยิ่งทำให้เห็นชัดว่า เงินจะหมุนกระจุกอยู่ที่ทุนขนาดใหญ่ โดยวิธีการและเงื่อนไขต่างๆ ที่สร้างข้อจำกัดให้กับร้านค้าขนาดเล็ก โดยเฉพาะเงื่อนไขการแลกเป็นเงินสดได้เฉพาะที่อยู่ในฐานภาษีเท่านั้น ร้านขนาดเล็กที่สายป่านสั้น ยิ่งจะไม่อยากเข้าร่วมโครงการก็ได้ ดังนั้นคนที่ได้รับประโยชน์เต็มๆ คือร้านค้าขายปลีกที่เป็นเชนขนาดใหญ่ รวมถึงร้านค้าสะดวกซื้อต่างๆ ที่ได้อานิสงส์จากเรื่องนี้ไปเต็มเต็ม
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่เปลี่ยนเงื่อนไข จูงใจให้ร้านขนาดเล็กเข้ามาร่วมได้ เงินก็จะหมุนไปอยู่กับทุนใหญ่เท่านั้น เรื่องนี้สามารถพิสูจน์ได้ถ้าบล็อกเชนโปร่งใส ทําให้เข้าไปเช็คได้ เห็นว่ามีกระเป๋าเงินไหนได้เงินเป็นพิเศษ ซึ่งเรื่องนี้ยังแก้ไขทัน หากใส่ใจอยากจะให้เงินกระจายไปทั่วๆ
ขณะที่นายณัฐพล กล่าวเสริมว่า นอกจากจะเปิดเผยข้อมูลว่ากระเป๋าใครใหญ่หรือเล็ก แต่ปัจจัยความสำเร็จ จะต้องมีร้านเล็กๆ เข้าระบบมากขึ้น ดังนั้นสิ่งที่จะช่วยให้สามารถตรวจสอบได้ คือช่วงลงทะเบียนไตรมาส 3 รัฐบาลต้องเปิดเผยรายชื่อผู้ลงทะเบียนร้านค้า หากเปิดเป็นรายอำเภอ ก็จะยิ่งได้เห็นว่าเงินจะไปอยู่ที่ไหน
ศิริกัญญา เห็นด้วย ดึง ‘พิชัย’ นั่งรมว.คลัง ฟูลไทม์ จี้ทำงานทันที ห้ามมีช่วงฮันนีมูน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4534985
“ศิริกัญญา” เห็นด้วย ปรับครม.มีชื่อ “พิชัย” นั่งรมว.คลังฟูลไทม์ ชี้ “เศรษฐา” ไม่ควรควบแต่ต้น จี้รมต.หน้าใหม่ เริ่มทํางานทันที ห้ามมีช่วงฮันนีมูน ให้กําลังใจขรก. ต้องแบกภาระดิจิทัลวอลเล็ต
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 20 เมษายน ที่อาคารอนาคตใหม่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกระแสข่าวว่านายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ จะสร้างความแตกต่างหรือไม่ว่า การที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่ไม่สมควรมาตั้งแต่ต้น เพราะไม่สามารถที่จะทำงานเต็มเวลาได้ งานของกระทรวงที่ฝากรัฐมนตรีช่วยไว้ก็อาจทำไม่ได้เต็มที่ และโดยปกตินายกฯจะไม่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง เพราะต้องเป็นผู้เสนอแนะ หรือตักเตือนเรื่องการคลังที่น่ากังวล ดังนั้น เป็นเรื่องที่ดี หากมีรัฐมนตรีคลังมาทำงานเต็มเวลา ส่วนนายพิชัยจะมีความเหมาะสมหรือไม่นั้น ต้องให้โอกาสเริ่มทำงานก่อน
น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า อย่างไรก็ตาม นายพิชัยก็ไม่ใช่คนหน้าใหม่ เพราะเป็นที่ปรึกษานายกฯ ก็น่าจะคุ้นเคยกับระบบบริหารราชการมาระดับหนึ่ง ดังนั้น ทางพรรคก้าวไกลคงจะไม่ให้โอกาสในช่วงทดลองงาน เมื่อเข้าทำเนียบก็ต้องทำงานทันที ไม่มีช่วงฮันนีมูนเหมือนรัฐมนตรีคนอื่น เพราะถือว่ารัฐบาลทำงานมา 7 เดือนแล้ว จึงคาดหวังว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้รัฐมนตรีหน้าใหม่คงไม่มาเรียนรู้งานกันใหม่ ขอให้ทำงานเต็มที่ตั้งแต่วันแรก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องให้กำลังใจนายพิชัยหรือไม่ เพราะต้องมาสานต่อนโยบายเรือธง อย่างดิจิทัลวอลเล็ต น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า เข้าใจว่านายพิชัยอยู่ในทีมที่ทำงานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด แต่เข้าใจว่าครั้งนี้จำเป็นต้องใช้ 1 รัฐมนตรี และ 2 รัฐมนตรีช่วย ในการขับเคลื่อนนโยบาย ก็ฝากกำลังใจไปยังกระทรวง และข้าราชการประจำที่จะต้องมาแบกรับภาระตรงนี้ เพราะเป็นโครงการที่ใหญ่มาก และมีความเสี่ยงสูงที่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือคุ้มค่าทางเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลคาดหวังไว้
รองประธาน คสรท. ชี้ปรับค่าจ้าง 400 ก๊อก 3 การเมืองชัด ไม่ตอบโจทย์ความเดือนร้อนแรงงาน
https://www.dailynews.co.th/news/3360476/
รองประธาน คสรท. ชี้ ปรับค่าจ้าง 400 ก๊อก 3 การเมืองชัด ไม่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนแรงงาน ยึกยัก ไม่คุมราคาสินค้าเงิน คนหาเช้ากินค่ำเสีย 2 ต่อ เงินเข้ากระเป๋านายทุน
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. นายชาลี ลอยสูง รองประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำ (บอร์ดค่าจ้าง หรือไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 3/2567 เตรียมปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 รอบที่ 3 ทั้งประเทศ 400 บาท แต่ดำเนินการเฉพาะบางกลุ่มอาชีพ เช่น กลุ่มโลจิสติกส์ ว่า ถ้าทำลักษณะนี้ มองแล้วไม่ได้ตอบโจทย์ เพราะถ้าจะปรับทั้งประเทศก็ปรับเลย ไม่ต้องบอกว่าปรับแค่กลุ่มโลจิสติก์ส์ หรือเฉพาะกลุ่มไหน แต่การปรับอย่างนี้เป็นลักษณะของการเมือง ไม่ได้ปรับเพราะความเดือดร้อนของคนงาน ตนสังเกตและวิเคราะห์ เห็นว่า คนงานที่อยู่ในโรงงานเวลาเงินขาดมือ ไม่พอใช้ อยู่ตรงไหนมันก็ไม่พอใช้ ดังนั้นมาบอกว่าจะปรับโลจิสติกส์ หรืออื่นๆ ถ้าจะปรับทั่วประเทศ ก็เอาให้เท่าๆ กันไปเลย อย่างนั้นถึงจะเป็นการช่วยเหลือคนงาน เอาเงินเข้ากระเป๋าคนงาน แล้วไปคุยกับนายจ้างว่า ถ้าปรับรอบนี้ นายจ้างจะได้อานิสงส์จากการที่แรงงานมีเงินซื้อของที่ท่านผลิตเอง ธุรกิจนั้นก็จะดีขึ้น เหมือนธุรกิจโรงแรม ในบางพื้นที่ ใน 10 จังหวัด ที่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำรอบ 2 ถามว่ามีใครได้แค่ไหน มีคนทำการศึกษาวิจัยหรือไม่
“ฉะนั้นที่เขาปรับนี้ เป็นการปรับในเชิงการเมืองมากกว่า เพราะเขาหาเสียงไว้ว่าจะมีการปรับ 400 บาท และจะปรับให้ถึง 600 บาท หากอยู่ครบ 4 ปี ก็เป็นการเล่นแร่แปรธาตุแบบนี้ไปตลอด ผลสุดท้ายคนงานได้กะปริดกะปรอย” นายชาลี กล่าว
นายชาลี กล่าวต่อว่า ในส่วนของค่าครองชีพที่รัฐบาลบอกว่าจะควบคุมทุกครั้งที่มีการปรับเพิ่มค่าจ้างฯ นั้น ตนมองว่า โดยหลัก หากรัฐบาลคุมราคาวัตถุดิบต้นทางให้ถูก ไม่ขยับเพิ่มเงินไป 3-4 ต่อ ถ้าทำได้แบบนี้ไม่ต้องไปปรับค่าจ้างขั้นต่ำก็ได้ ค่าแรงเท่าที่มีก็อยู่ได้ เพราะค่าครองชีพไม่สูง แต่วันนี้คุณเล่นไปไม่ควบคุมเลย แล้วไปปรับค่าจ้างญ ไล่ตามวัตถุดิบที่เพิ่มไปก่อนแล้ว แบบนี้ไม่มีประโยชน์ ปรับค่าจ้างไปก็ไปอยู่ที่นายทุนหมด แล้วเล่นประกาศให้รู้ล่วงหน้า แม้ไม่รู้ว่าจะได้ปรับจริงๆ เมื่อไหร่ แต่ราคาสินค้าขึ้นไปรอก่อนแล้ว พอถึงวันปรับจริงราคาของก็ปรับเพิ่มอีก เท่ากับว่าราคาสินค้าปรับเพิ่ม 2 เด้ง แรงงานก็เสีย 2 ต่อ ถามว่าเอามันสมองข้างไหนมาคิด ถึงออกมาเป็นแบบนี้ ถ้าจะทำอะไรต้องให้มีความชัดเจน แล้วดำเนินการ ไม่ใช่ป่าวประกาศหลายรอบ ย้ำว่า นี่ไม่ได้โจมตีรัฐบาล แต่โจมตีหลักคิดของรัฐบาลที่คิดอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เล่นเอาออกมาเพื่อต้องกาหาเสียง ต้องการเอาหน้าจากประชาชนที่อาจจะคิดไม่เท่าทัน เหมือนเงินดิจิทัล ประกาศมากี่ทีแล้ว แต่เอาจริงก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่
รัสเซียยกระดับคุมเข้ม การเดินทางไปต่างประเทศของเจ้าหน้าที่รัฐ
https://www.dailynews.co.th/news/3360716/
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลมอสโก ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับที่เข้มงวดมากน้อยแตกต่างกันไป ในการเดินทางไปต่างประเทศ "ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ว่า นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ตอนนี้หน่วยงานรัฐทุกแห่งของรัสเซียมีกฎระเบียบ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในสังกัดต้องปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดมากน้อยลดหลั่นกันไป ในกรณีต้องการเดินทางไปต่างประเทศ
ทั้งนี้ มีกฎสำหรับหน่วยงานบางแห่ง ซึ่งเข้มงวดถึงขั้นว่า ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ และบุคลากรของหน่วยงานบางแห่งสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ แต่ต้องมีการดำเนินการตามขั้นตอนภายใน
แม้เปสคอฟไม่ได้กล่าวอะไรเพิ่มเติมอีก แต่การชี้แจงดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสื่อตะวันตกหลายแห่งรายงาน โดยอ้างข้อมูลขจากแหล่งข่าวของตัวเอง ว่าเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานหลายแห่งในรัสเซีย กำลังเผชิญกับ “ความวุ่นวาย” ในการเดินทางไปต่างประเทศ เนื่องจากกฎระเบียบใหม่ ซึ่งครอบคลุมแม้แต่กับประเทศที่รัสเซียระบุว่า “เป็นมิตร”
เดิมที รัฐบาลมอสโกเริ่มเพิ่มความเข้มงวด ในการพิจารณาอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐเดินทางไปต่างประเทศ ตั้งแต่หลังสงครามกับยูเครนปะทุ เมื่อปี 2565 แต่ในเวลานั้น ยังไม่มีการประกาศกฎระเบียบออกมาอย่างเป็นทางการ และเน้นเฉพาะหน่วยงาน หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงาน “ในพื้นที่อ่อนไหวด้านข้อมูลข่าวกรอง”
จนกระทั่ง มีการประกาศข้อบังคับออกมาอย่างเป็นทางการ เมื่อกลางปี 2566 ครอบคลุมเจ้าหน้าที่ทุกคน และทุกระดับ ในทุกกระทรวงของรัสเซีย.