"ปิยบุตร"ชี้"ก้าวไกล"ยังมีหวังรอดยุบพรรค จาก2ปัจจัย
https://siamrath.co.th/n/530001
เมื่อวันที่ 17 เม.ย.67 นาย
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า อดีตผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเชิญผมไปบรรยายพิเศษให้ สส. เกี่ยวกับสถานการณ์การยุบพรรคที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เคยเป็นเลขาธิการพรรค และเคยผ่านสถานการณ์ยุบพรรคมาแล้ว ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายประเด็น นำมาสรุปสั้นๆในคลิปนี้
โดยในช่วงหนึ่ง นาย
ปิยบุตร กล่าวว่า
"
... อย่าคืดว่าพรรคโดนยุบแน่นอนแล้ว แม้ว่าโอกาสเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์แแต่ต้องเชื่อว่าโอกาสยังเป็นไปได้อยู่ อย่าคิดว่าโดนยุบ 100% มองในมิติกฎหมายมีประเด็นที่สู้อยู่นะ มองมิติการเมือง ไม่แน่ผู้มีอำนาจอาจเห็นความจำเป็นของพรรคก้าวไกลในการเป็นกลไกลในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลชุดนี้ก็ได้เพื่อให้ระบบรัฐสภาพเดินต่อ .... "
https://www.facebook.com/watch/?ref=embed_video&v=365096623191099
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก
Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
#ข่าววันนี้ #ปิยบุตร #ก้าวไกล
ส.ว.ใช้งบฉ่ำๆ 81 ล้าน หนีร้อนบินดูงานยุโรป-เอเชีย ‘บุญสร้าง’ ปัดเที่ยว ไปหาข้อมูลเสริมปัญญา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4532342
ส.ว.หนีร้อนไปใช้งบ 81 ล้าน บินทริปยุโรป-เอเชียคึกคัก อ้างดูงานทำประโยชน์ให้ประเทศ ‘บุญสร้าง’ ยันไม่ได้ไปเที่ยว แต่เป็นการลงทุนเพิ่มสติปัญญา ขณะที่ ‘เสรี’ จวกเตือนแล้วไม่ฟัง โยนใครไปก็ชี้แจงสังคมกันเอง โอดอุตส่าห์หวังกู้ภาพเปิดอภิปราย 152 ว่า ส.ว.มีประโยชน์
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ค.นี้ ปรากฏว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภาได้รับการจัดสรรงบประมาณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานไปประชุมทวิภาคและไปเยือนต่างประเทศของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 81 ล้านบาท
จากการตรวจสอบปรากฏว่ามี กมธ.สามัญ วุฒิสภา หลายคณะ มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปศึกษาดูงาน อาทิ กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ ที่มี พล.อ.
บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน โดยมีกำหนดการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและไปเยือนต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน และจอร์เจีย ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.
กมธ.ท่องเที่ยว ที่มี พล.อ.
ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโครเอเชีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ค. กมธ.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.
อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นประธาน มีกำหนดการเยือนนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค. โดยเดินทางร่วมกับ กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.
ประจิน จั่นตอง เป็นประธาน
ส่วน กมธ.การศึกษา ที่มี นาย
ตวง อันทะไชย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนเมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-16 พ.ค. และเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักร สวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ในส่วนการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-3 มิ.ย.นั้น กมธ.ได้รับเชิญจากกองทุน Robbo ให้ไปศึกษาดูงานด้านการศึกษา และการวิจัยที่มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ณ Aalto University และศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ขณะที่ กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปประชุมทวิภาคี ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวีเนีย และสาธารณรัฐโครเอเชีย กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ มีกำหนดเยือนประเทศเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย.นี้
ทำให้ พล.อ.
บุญสร้างชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เขาไปได้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต ไม่ได้มากมายอะไร เพียงแต่จำนวนคนมันเยอะ ไม่ใช่เรื่องทุจริตอะไร ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว คนปกติทั่วไปเขาไม่คิดอะไร เพราะเป็นงบปกติมาตั้งนานแล้ว ช่วงโควิด-19 ก็ไม่ได้มีการเบิกใช้ ดังนั้น อย่ามองว่าพวกเราไปเที่ยวทิ้งทวน
“ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่อยากไปดูงานต่างประเทศก็เพราะกลัวข้อครหาเช่นนี้ ทำให้เวลาพิจารณาออกกฎหมาย บางทีก็ออกมาอย่างห่วยๆ ไม่มีข้อมูล ไม่ดูของจริง งบประมาณดังกล่าวเป็นงบไปสร้างทวิภาคีกับประเทศต่างๆ โดยการพบปะกับ ส.ว.แต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน” พล.อ.
บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่า ส.ว.ชุดนี้จะหมดวาระในเดือน พ.ค.นี้ การไปหาข้อมูลต่างประเทศจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า มนุษย์เราไม่ใช่จะหาวันนี้แล้วได้ใช้พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ข้อมูลที่จะนำมาเป็นการสร้างความรอบรู้ที่จะใช้ในอนาคต เป็นการลงทุนด้านสติปัญญาที่สามารถทำได้ทั้งชีวิต ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องไปเที่ยว เราเน้นไปดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ บางคนอายุ 70-80 ปี เขาไม่ได้อยากไปเที่ยว
“
ผมเชื่อว่าเราสามารถชี้แจงสังคมได้ เราไม่ได้เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่กิน วัยนี้ก็อยากอยู่กับลูกกับหลาน แม้บางคนสังขารจะไม่ไหว แต่สมองก็ยังดีทำงานได้ ยืนยันว่าพวกเราไปทำงานจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยว คณะของผมไปดูงานที่จอร์เจีย กำหนดเป็นเวลา 9 วัน และในรอบ 5 ปี เราเดินทางไปดูงานต่างประเทศเพียง 2 ครั้ง คิดเป็น 1% เท่านั้น จะบอกว่าพวกเราแก่แล้วไม่ต้องไปมันไม่ได้ เพราะคนแก่สมองยังใช้งานได้” พล.อ.
บุญสร้างกล่าว
ด้าน นาย
เสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้วและไม่เห็นด้วยมาตลอด แต่การเดินทางไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้ไปทั้งหมด มีเพียงบางคณะและบางคนก็ไม่ไป และได้ส่งเงินคืนคลังไปแล้ว เช่น ตน นาย
สถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ นาย
คำนูณ สิทธิสมาน ที่ไม่ได้ไป เป็นต้น เหตุที่ตนไม่เห็นด้วยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเมืองที่ต้องระมัดระวัง การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเราจะตรวจคนอื่นไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ตนยืนยันหลักการนี้มาตลอด
นาย
เสรีกล่าวว่า ส่วนเหตุผลว่าไปดูงานนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ ส.ว.จะหมดวาระเดือนหน้านี้แล้ว จะไปดูอะไร ตอนตนทำรายงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเคยเสนอว่าควรจะยกเลิกการตั้งงบประมาณให้ ส.ว.ไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งมีบางส่วนที่เห็นด้วย แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
“
เมื่อ ส.ว.ชุดนี้เข้ามาใหม่ๆ ผมก็เคยเสนอว่าไม่ควรไปดูงานต่างประเทศ แม้จะอ้างว่าได้ประโยชน์อะไรก็ตามแต่สังคมข้างนอกเขามองว่าเราไปเที่ยว ไม่ได้มองว่าไปดูงานจริง แล้วเราจะทำทำไม แต่ปัญหาคือเมื่อมีการตั้งงบประมาณให้เขา เขาก็เอาไปใช้แล้วเราจะไปตั้งให้ทำไม ประเพณีนี้ควรจะเลิกได้แล้ว เพราะคนเขาด่าทุกปี ดังนั้น ใครจะไปก็ต้องระวังและเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องชี้แจงกันเอาเอง ให้สังคมเข้าใจด้วยว่ามี ส.ว.ไม่ได้ไปด้วย ไม่ใช่เหมารวมหมด” นาย
เสรีกล่าว
นาย
เสรีกล่าวอีกว่า ส่วนที่อ้างว่า ส.ว.ทำงานมา 5 ปีไม่ได้เดินทางไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ไม่ต้อง 5 ปีหรอก ทำงานตลอดชีวิตก็ไม่ควรเอาเงินประเทศไปใช้ หากอยากจะไปก็ควรใช้เงินส่วนตัว ไม่มีใครเขาว่า เป็น ส.ว.มีเงินเดือนเยอะแยะก็ควรจะเอาเงินส่วนตัวไปจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ปัญหามันอยู่ที่ว่ามีการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ยิ่งไปตอนช่วงจะหมดวาระแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหาหลัก ตนเคยเตือนไปแล้วว่าจะโดนตรวจสอบและเป็นประเด็น แต่เขาไม่สนใจก็เลยปล่อยไป อุตส่าห์พยายามให้ภาพ ส.ว.ชุดนี้มันดี ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ให้เห็นว่า ส.ว.ยังมีประโยชน์ แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ระมัดระวังกันเองแล้วกัน
ผักหลายชนิดพาเหรดขึ้นราคาหลังสงกรานต์เหตุแหล่งปลูกหน้าร้อนขาดน้ำที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่าเขตเทศบาลนครสงขลา
https://siamrath.co.th/n/529991
ผักในตลาด จ.สงขลา หลายชนิดเริ่มปรับราคาสูงขึ้นหลังสงกรานต์ เนื่องจากแหล่งปลูกผักในภาคกลาง หลายจังหวัดฝนทิ้งช่วง เริ่มขาดน้ำ ส่งผลให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ขณะนี้ผักหลายชนิดเริ่มปรับราคาสูงขึ้นหลังสงกรานต์ เนื่องจากแหล่งปลูกผักในภาคกลาง สภาพอากาศร้อน หลายจังหวัดฝนทิ้งช่วง เริ่มขาดน้ำ ส่งผลกระทบให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และเอเยนต์ที่ส่งผักมีการแจ้งล่วงหน้าว่า ผักยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากผลผลิตที่ออกมาในช่วงนี้ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องปรกติหากผลผลิตน้อย ราคาก็จะมีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นเป็นธรรมดาของการซื้อขาย
สำหรับผักที่มีการปรับราคาขึ้นแล้ว ประกอบด้วย ถั่วฝักยาว จากกิโลกรัมละ 50 บาท ขึ้นเป็น 100 บาท ผักกาดหอม จากกิโลกรัมละ 60 บาท ขึ้นเป็น 100 บาท ผักคะน้า จากกิโลกรัมละ 50 บาท ขึ้นเป็น 60 บาท ผักกึ้นฉ่าย จากกิโลกรัมละ 100 บาท ขึ้นเป็น 150 บาท ผักชี จากกิโลกรัมละ 200 บาท ขึ้นเป็น 250 บาท ต้นหอมจากกิโลกรัมละ 90 บาท ขึ้นเป็น 120 บาท ผักบุ้งจีนจากกิโลกรัมละ 30 บาท ขึ้นเป็น 50 บาท และมะนาวจากกิโลกรัมละ 120 บาท ขึ้นเป็น 150 บาท มะระ จากกิโลกรัมละ 40 บาท ขึ้นเป็น 60 บาท แตงกวา จากกิโลกรัมละ 25 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท โดยเริ่มปรับขึ้นมาตั้งแต่หลังสงกรานต์และคาดว่ายังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอีก หากสภาพอากาศบริเวณแหล่งปลูกในภาคกลางฝนยังทิ้งช่วงอยู่อีก
โดย นาง
ประภา อายุ 45 ปี แม่ค้าขายผัก กล่าวว่า วันนี้ผักแพงหลายอย่าง ทั้งผักกาดหอม ผักกึ้นฉ่าย ต้นหอมผักชี ผักคะน้า ผักบุ้งจีนและมะนาว เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่เริ่มแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในหลายจังหวัดของภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผัก ทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งผลกระทบให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
JJNY : "ปิยบุตร"ชี้"ก้าวไกล"ยังมีหวัง│ส.ว.ใช้งบฉ่ำๆ 81ล.หนีร้อน│ผักพาเหรดขึ้นราคา ร้อนขาดน้ำ│สหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตร
https://siamrath.co.th/n/530001
ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เคยเป็นเลขาธิการพรรค และเคยผ่านสถานการณ์ยุบพรรคมาแล้ว ผมได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายประเด็น นำมาสรุปสั้นๆในคลิปนี้
โดยในช่วงหนึ่ง นายปิยบุตร กล่าวว่า
"... อย่าคืดว่าพรรคโดนยุบแน่นอนแล้ว แม้ว่าโอกาสเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์แแต่ต้องเชื่อว่าโอกาสยังเป็นไปได้อยู่ อย่าคิดว่าโดนยุบ 100% มองในมิติกฎหมายมีประเด็นที่สู้อยู่นะ มองมิติการเมือง ไม่แน่ผู้มีอำนาจอาจเห็นความจำเป็นของพรรคก้าวไกลในการเป็นกลไกลในการตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลชุดนี้ก็ได้เพื่อให้ระบบรัฐสภาพเดินต่อ .... "
https://www.facebook.com/watch/?ref=embed_video&v=365096623191099
ขอบคุณ เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล
#ข่าววันนี้ #ปิยบุตร #ก้าวไกล
ส.ว.ใช้งบฉ่ำๆ 81 ล้าน หนีร้อนบินดูงานยุโรป-เอเชีย ‘บุญสร้าง’ ปัดเที่ยว ไปหาข้อมูลเสริมปัญญา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4532342
ส.ว.หนีร้อนไปใช้งบ 81 ล้าน บินทริปยุโรป-เอเชียคึกคัก อ้างดูงานทำประโยชน์ให้ประเทศ ‘บุญสร้าง’ ยันไม่ได้ไปเที่ยว แต่เป็นการลงทุนเพิ่มสติปัญญา ขณะที่ ‘เสรี’ จวกเตือนแล้วไม่ฟัง โยนใครไปก็ชี้แจงสังคมกันเอง โอดอุตส่าห์หวังกู้ภาพเปิดอภิปราย 152 ว่า ส.ว.มีประโยชน์
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะหมดวาระการดำรงตำแหน่งในเดือน พ.ค.นี้ ปรากฏว่าสำนักงานเลขาวุฒิสภาได้รับการจัดสรรงบประมาณร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 รายการค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปดูงานไปประชุมทวิภาคและไปเยือนต่างประเทศของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) จำนวน 81 ล้านบาท
จากการตรวจสอบปรากฏว่ามี กมธ.สามัญ วุฒิสภา หลายคณะ มีกำหนดการเดินทางไปต่างประเทศ โดยอ้างว่าไปศึกษาดูงาน อาทิ กมธ.ทหารและความมั่นคงของรัฐ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธาน โดยมีกำหนดการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและไปเยือนต่างประเทศ ณ สาธารณรัฐคาซัคสถาน และจอร์เจีย ระหว่างวันที่ 2-9 พ.ค.
กมธ.ท่องเที่ยว ที่มี พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐโครเอเชีย มอนเตเนโกร บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ระหว่างวันที่ 14-23 พ.ค. กมธ.แรงงาน ที่มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เป็นประธาน มีกำหนดการเยือนนิวซีแลนด์ ระหว่างวันที่ 26 เม.ย.-3 พ.ค. โดยเดินทางร่วมกับ กมธ.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง เป็นประธาน
ส่วน กมธ.การศึกษา ที่มี นายตวง อันทะไชย เป็นประธาน มีกำหนดการเดินทางเยือนเมืองกุ้ยหลิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 11-16 พ.ค. และเดินทางเยือนสาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักร สวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ในส่วนการเดินทางไปประชุมทวิภาคีและศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐฟินแลนด์ ราชอาณาจักรสวีเดน และสาธารณรัฐเอสโตเนีย ระหว่างวันที่ 27 พ.ค.-3 มิ.ย.นั้น กมธ.ได้รับเชิญจากกองทุน Robbo ให้ไปศึกษาดูงานด้านการศึกษา และการวิจัยที่มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ณ Aalto University และศึกษาดูงานการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษา
ขณะที่ กมธ.กิจการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาเตรียมความพร้อมในการเดินทางไปประชุมทวิภาคี ณ สาธารณรัฐออสเตรีย สาธารณรัฐสโลวีเนีย และสาธารณรัฐโครเอเชีย กมธ.ติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ และการจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ มีกำหนดเยือนประเทศเยอรมนี เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ ฟินแลนด์ และสวีเดน ระหว่างวันที่ 19-30 เม.ย.นี้
ทำให้ พล.อ.บุญสร้างชี้แจงว่า การเดินทางไปต่างประเทศของคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ เขาไปได้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณเพื่อหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต ไม่ได้มากมายอะไร เพียงแต่จำนวนคนมันเยอะ ไม่ใช่เรื่องทุจริตอะไร ตนมองว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมแล้ว คนปกติทั่วไปเขาไม่คิดอะไร เพราะเป็นงบปกติมาตั้งนานแล้ว ช่วงโควิด-19 ก็ไม่ได้มีการเบิกใช้ ดังนั้น อย่ามองว่าพวกเราไปเที่ยวทิ้งทวน
“ที่ผ่านมา ส.ว.ไม่อยากไปดูงานต่างประเทศก็เพราะกลัวข้อครหาเช่นนี้ ทำให้เวลาพิจารณาออกกฎหมาย บางทีก็ออกมาอย่างห่วยๆ ไม่มีข้อมูล ไม่ดูของจริง งบประมาณดังกล่าวเป็นงบไปสร้างทวิภาคีกับประเทศต่างๆ โดยการพบปะกับ ส.ว.แต่ละประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน” พล.อ.บุญสร้างกล่าว
เมื่อถามว่า ส.ว.ชุดนี้จะหมดวาระในเดือน พ.ค.นี้ การไปหาข้อมูลต่างประเทศจะนำมาใช้ประโยชน์อย่างไร พล.อ.บุญสร้างกล่าวว่า มนุษย์เราไม่ใช่จะหาวันนี้แล้วได้ใช้พรุ่งนี้ มะรืนนี้ ข้อมูลที่จะนำมาเป็นการสร้างความรอบรู้ที่จะใช้ในอนาคต เป็นการลงทุนด้านสติปัญญาที่สามารถทำได้ทั้งชีวิต ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องไปเที่ยว เราเน้นไปดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์จริงๆ บางคนอายุ 70-80 ปี เขาไม่ได้อยากไปเที่ยว
“ผมเชื่อว่าเราสามารถชี้แจงสังคมได้ เราไม่ได้เห็นแก่เงิน หรือเห็นแก่กิน วัยนี้ก็อยากอยู่กับลูกกับหลาน แม้บางคนสังขารจะไม่ไหว แต่สมองก็ยังดีทำงานได้ ยืนยันว่าพวกเราไปทำงานจริงๆ ไม่ได้ไปเที่ยว คณะของผมไปดูงานที่จอร์เจีย กำหนดเป็นเวลา 9 วัน และในรอบ 5 ปี เราเดินทางไปดูงานต่างประเทศเพียง 2 ครั้ง คิดเป็น 1% เท่านั้น จะบอกว่าพวกเราแก่แล้วไม่ต้องไปมันไม่ได้ เพราะคนแก่สมองยังใช้งานได้” พล.อ.บุญสร้างกล่าว
ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยมานานแล้วและไม่เห็นด้วยมาตลอด แต่การเดินทางไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้ไม่ได้ไปทั้งหมด มีเพียงบางคณะและบางคนก็ไม่ไป และได้ส่งเงินคืนคลังไปแล้ว เช่น ตน นายสถิต ลิ่มพงษ์พันธุ์ นายคำนูณ สิทธิสมาน ที่ไม่ได้ไป เป็นต้น เหตุที่ตนไม่เห็นด้วยเพราะเข้าใจว่าเป็นการเมืองที่ต้องระมัดระวัง การใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน เมื่อเราจะตรวจคนอื่นไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย เราก็ต้องทำเป็นตัวอย่าง ตนยืนยันหลักการนี้มาตลอด
นายเสรีกล่าวว่า ส่วนเหตุผลว่าไปดูงานนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะ ส.ว.จะหมดวาระเดือนหน้านี้แล้ว จะไปดูอะไร ตอนตนทำรายงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศเคยเสนอว่าควรจะยกเลิกการตั้งงบประมาณให้ ส.ว.ไปดูงานต่างประเทศ ซึ่งมีบางส่วนที่เห็นด้วย แต่บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย สุดท้ายเรื่องก็เงียบหายไป
“เมื่อ ส.ว.ชุดนี้เข้ามาใหม่ๆ ผมก็เคยเสนอว่าไม่ควรไปดูงานต่างประเทศ แม้จะอ้างว่าได้ประโยชน์อะไรก็ตามแต่สังคมข้างนอกเขามองว่าเราไปเที่ยว ไม่ได้มองว่าไปดูงานจริง แล้วเราจะทำทำไม แต่ปัญหาคือเมื่อมีการตั้งงบประมาณให้เขา เขาก็เอาไปใช้แล้วเราจะไปตั้งให้ทำไม ประเพณีนี้ควรจะเลิกได้แล้ว เพราะคนเขาด่าทุกปี ดังนั้น ใครจะไปก็ต้องระวังและเป็นเรื่องที่แต่ละคนต้องชี้แจงกันเอาเอง ให้สังคมเข้าใจด้วยว่ามี ส.ว.ไม่ได้ไปด้วย ไม่ใช่เหมารวมหมด” นายเสรีกล่าว
นายเสรีกล่าวอีกว่า ส่วนที่อ้างว่า ส.ว.ทำงานมา 5 ปีไม่ได้เดินทางไปไหนเลย โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 เรื่องนี้ไม่เกี่ยว ไม่ต้อง 5 ปีหรอก ทำงานตลอดชีวิตก็ไม่ควรเอาเงินประเทศไปใช้ หากอยากจะไปก็ควรใช้เงินส่วนตัว ไม่มีใครเขาว่า เป็น ส.ว.มีเงินเดือนเยอะแยะก็ควรจะเอาเงินส่วนตัวไปจะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้าน ปัญหามันอยู่ที่ว่ามีการเอาเงินภาษีประชาชนไปใช้ ยิ่งไปตอนช่วงจะหมดวาระแบบนี้ยิ่งเป็นปัญหาหลัก ตนเคยเตือนไปแล้วว่าจะโดนตรวจสอบและเป็นประเด็น แต่เขาไม่สนใจก็เลยปล่อยไป อุตส่าห์พยายามให้ภาพ ส.ว.ชุดนี้มันดี ด้วยการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ให้เห็นว่า ส.ว.ยังมีประโยชน์ แต่ก็มาเกิดเรื่องนี้ขึ้น ก็ระมัดระวังกันเองแล้วกัน
ผักหลายชนิดพาเหรดขึ้นราคาหลังสงกรานต์เหตุแหล่งปลูกหน้าร้อนขาดน้ำที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่าเขตเทศบาลนครสงขลา
https://siamrath.co.th/n/529991
ผักในตลาด จ.สงขลา หลายชนิดเริ่มปรับราคาสูงขึ้นหลังสงกรานต์ เนื่องจากแหล่งปลูกผักในภาคกลาง หลายจังหวัดฝนทิ้งช่วง เริ่มขาดน้ำ ส่งผลให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 18 เม.ย.67 ที่ตลาดทรัพย์สินพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา ขณะนี้ผักหลายชนิดเริ่มปรับราคาสูงขึ้นหลังสงกรานต์ เนื่องจากแหล่งปลูกผักในภาคกลาง สภาพอากาศร้อน หลายจังหวัดฝนทิ้งช่วง เริ่มขาดน้ำ ส่งผลกระทบให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และเอเยนต์ที่ส่งผักมีการแจ้งล่วงหน้าว่า ผักยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากผลผลิตที่ออกมาในช่วงนี้ไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเป็นเรื่องปรกติหากผลผลิตน้อย ราคาก็จะมีการฉวยโอกาสปรับราคาสูงขึ้นเป็นธรรมดาของการซื้อขาย
สำหรับผักที่มีการปรับราคาขึ้นแล้ว ประกอบด้วย ถั่วฝักยาว จากกิโลกรัมละ 50 บาท ขึ้นเป็น 100 บาท ผักกาดหอม จากกิโลกรัมละ 60 บาท ขึ้นเป็น 100 บาท ผักคะน้า จากกิโลกรัมละ 50 บาท ขึ้นเป็น 60 บาท ผักกึ้นฉ่าย จากกิโลกรัมละ 100 บาท ขึ้นเป็น 150 บาท ผักชี จากกิโลกรัมละ 200 บาท ขึ้นเป็น 250 บาท ต้นหอมจากกิโลกรัมละ 90 บาท ขึ้นเป็น 120 บาท ผักบุ้งจีนจากกิโลกรัมละ 30 บาท ขึ้นเป็น 50 บาท และมะนาวจากกิโลกรัมละ 120 บาท ขึ้นเป็น 150 บาท มะระ จากกิโลกรัมละ 40 บาท ขึ้นเป็น 60 บาท แตงกวา จากกิโลกรัมละ 25 บาท ขึ้นเป็น 40 บาท โดยเริ่มปรับขึ้นมาตั้งแต่หลังสงกรานต์และคาดว่ายังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอีก หากสภาพอากาศบริเวณแหล่งปลูกในภาคกลางฝนยังทิ้งช่วงอยู่อีก
โดย นางประภา อายุ 45 ปี แม่ค้าขายผัก กล่าวว่า วันนี้ผักแพงหลายอย่าง ทั้งผักกาดหอม ผักกึ้นฉ่าย ต้นหอมผักชี ผักคะน้า ผักบุ้งจีนและมะนาว เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวนในหลายพื้นที่เริ่มแห้งแล้ง ฝนทิ้งช่วง โดยเฉพาะในหลายจังหวัดของภาคกลาง ซึ่งเป็นแหล่งปลูกผัก ทำให้ผลผลิตที่ออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ส่งผลกระทบให้ปริมาณผักที่ส่งให้ลูกค้าต่างจังหวัดเริ่มลดน้อยลง และยังมีแนวโน้มที่จะปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง