April, Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา 四月になれば彼女は
เรื่องย่อ
ในเดือนเมษายน “ฟูจิชิโระ” จิตแพทย์หนุ่มได้รับจดหมายจากผู้หญิงคนหนึ่งในอดีตที่เขาควรจะลืม
“ฮารุ” คือเจ้าของจดหมายฉบับนั้น เธอเล่าว่าตนเองกำลังอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ ทะเลสาบอูยูนี ประเทศโบลิเวีย เธอบรรยายถึงความงดงามของภาพกระจกเงาสะท้อนท้องฟ้า และความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาในเดือนเมษายนแห่งความทรงจำเมื่อปีนั้น
ชายหนุ่มผู้ดูสงบเงียบขรึม กลับรู้สึกราวมีแรงสั่นสะเทือนภายในหลังจากที่ได้อ่านจดหมาย เขากับ “ยาโยอิ” แฟนสาวที่เป็นสัตวแพทย์มีแผนจะแต่งงานกันในปีนี้ แต่ฟูจิชิโระกลับไม่รู้สึกยินดียินร้าย เขาไม่อาจบอกได้ว่ายังรักหรือมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับเธออยู่หรือไม่ เขาพยายามหาคำตอบนี้ผ่านน้องสาวของยาโยอิผู้เปี่ยมเสน่ห์, หนุ่มรุ่นน้องคนสนิทที่ดูไม่ชัดเจนในรสนิยมทางเพศ และพยาบาลสาวเพื่อนร่วมงานที่มีอดีตอันซับซ้อน
ฟูจิชิโระจะได้คำตอบที่แน่ชัดจากหัวใจตนเองหรือไม่ว่าเขาต้องการอะไร เขาจะจัดการกับความรู้สึกต่อฮารุในอดีตได้ไหม และจะทำยังไงกับความสัมพันธ์กับยาโยอิที่กำลังจะสูญเสียไป
บอกเลยว่า ส่วนตัวเพิ่งรู้ว่ามีหนังเรื่องนี้ และกำลังเข้าฉายในบ้านเรา ไม่ใช่รู้ เพราะการโปรโมทหรือโปสเตอร์หน้าโรง รวมถึงตัวอย่างที่ฉายในโรงแต่อย่างใด เพราะไม่น่าจะมีให้เห็น สำหรับสถานที่ๆไปดูหนังมา โปรโมทน้อยมากๆ
แต่ที่รู้เพราะว่า ไถTiktokไปเจอคลิปตัวอย่าง คือแบบ.. ตัวอย่างคือน่าดูมากๆ ภาพสวย เพลงเพราะมากกกกกก และน่าจะมีเสียน้ำตาแน่ๆ แล้วดีนะ ที่เลื่อนมาเจอในวันที่หนังยังฉายโรงอยู่ ถึงแม้รอบจะลดเหลือแค่วันละ2 รอบ ในเมื่อวาน
เลยตัดสินใจไปดูทันที เพราะอยากดูมากๆ ช่วงนี้อาจจะติดสงกรานต์ หยุดยาว เลยไม่มีเวลาเข้าโรงเท่าไหร่ ขนาด Ghostbusters: Frozen Empire
และ Civil War หนังดัง ก็ยังไม่ได้ดูเลย แต่ต้องให้คิวเรื่องนี้ก่อน เพราะตัวอย่างคือแบบ ทุบหัวลากเข้าโรงสุดๆ
ความรู้สึกหลังดูจบ
จะบอกว่า ไม่ร้องสักแอะ หนังเนือยมากกกก เนือยกว่าที่คิด เพราะปกติไปดูหนังญี่ปุ่น ก็ต้องเตรียมใจไว้ระดับนึง
ว่าหนังจะต้องมีเนิบๆตามสไตล์ ขนาดหนังผีก็ยังเป็น
แต่เรื่องนี้คือแบบ โคตร Slow Burn ค่อยๆเล่าไปอย่างช้าๆ ตั้งแต่ต้นยันจบ ตลอดเวลา2ชั่วโมง ไม่มีจุดพีคหรือจุดดึงดูดอะไรใดๆ
หนังใช้เวลาเล่าในมุมมองของแต่ละตัวละครนานมากๆ นานจนลืม ว่ามีตัวละครอีก2คน อยู่ในเรื่องด้วย
เล่าจนเราหลุดจากปัจจุบันเข้าไปเลย แล้วก็ย้อนกลับมาปัจจุบันอีก
ซึ่งเราหลุดไปนานขนาดนี้ แน่นอนว่า เราไม่อินกับช่วงปัจจุบัน และความต่อเนื่องในปัจจุบันแล้ว
เพราะหนังใช้เวลาในการเล่าย้อนกลับไปเยอะ และนานมากๆ
แต่ถึงจะใช้เวลาเล่า ปูเรื่อง และทำความรู้จักกับตัวละครนานขนาดนี้ เรากลับไม่อินกลับตัวละครเลย
ไม่อินกับเหตุผล การกระทำของตัวละคร สักเท่าไหร่
เหมือน 3 ตัวละครนี้ อยู่คนละเส้นเรื่องกัน ไม่มีความเป็นอนึ่งอันเดียวกัน เหมือนอยู่คนละโลกกันเลย
ทำให้อารมณ์ร่วมในหนัง ตัวละคร ความอิน ไม่มีเลย
พอถึงซีนที่จะต้องมีน้ำตา ทำให้คนดูอย่างเรา ไม่เสียน้ำตาเลยสักแอะ เพราะว่าหนังพาเราไปไม่ถึงจุดๆนั้นเลย
หนังมีแต่ถ่ายทอดความคิด มุมมองของแต่ละตัวละคร ซึ่งบางที เราก็เข้าไม่ถึง
เพราะความญี่ปุ่นมันเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร และมีความเฉพาะตัวมาก ยากที่จะเข้าใจ
ชีวิตวัยทำงาน การตัดสินใจของตัวละคร ซึ่งเราอาจจะเข้าไม่ถึง ถ้าเทียบกับหนังฝรั่ง
เราอาจจะซึมซับวัฒนธรรมทางฝั่งตะวันตกมามากกว่า ทำให้เราดูหนังฝรั่งแล้วเราเข้าใจมากกว่าหนังญี่ปุ่น
เคยมีบางคนบอกว่า หนังจิตแพทย์กับผู้หญิงโรคจิต 2 คน คิดอะไรไม่ออก ก็หนีไปก่อน
หายตัวไป ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจ ทำไมไม่เลือกที่จะหันหน้าคุยกัน รักแรกถ้ากลัว ขนาดนั้น แล้วจะไปทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธไปเลย
แล้วคนที่กำลังจะแต่งงาน อย่างยาโยอิ อยู่กันจนจะแต่งงานขนาดนั้น ก็สามารถคุยกันได้เกือบจะทุกเรื่องแล้วมั้ง อยู่ดีๆ ก็หนีไปเฉย
ถ้าความรักมันเจือจาง ก็คุยกัน ไม่ก็ไม่ต้องแต่งไปเลย หรือมันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการแก้ปัญหา มากกว่าการหนี แต่เท่าที่ดู ทำไมเราไม่รู้สึกว่า 3 ตัวละครนี้ รักกันเท่าไหร่เลย ดูชินชาสะมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่างที่กล่าวไป คืออาจจะเพราะตัวเรา อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ และเข้าไม่ถึงสังคม วัฒนธรรม และนิสัยคนบ้านเขาด้วยรึเปล่า เลยจะไปคิดแทนตัวละครมากไม่ได้
นักแสดงไม่ขอพูดถึงการแสดง เพราะมันดูเย็นชามาก ในแต่ละตัวละคร แต่ก็ถือว่าเล่นดีนะ
การเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่อง มันไร้ซึ่งแรงดึงดูด และความน่าสนใจ เนือยจริง เห็นคนบอกว่า หนังสือก็เนือยไม่แพ้กัน
และเราอาจจะเข้าไม่ถึงสไตล์แบบนี้ พล็อตก็คือนิยายรักเลย แต่การถ่ายทอด เลยทำให้หนังออกมาชวนง่วง และน่าเบื่อ
งานภาพ สวยมาก สวยจริง ฉากที่ไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ คือสวยทุกฉาก ชอบสุดคือ ฉากทะเลสาบอูยูนี ประเทศโบลิเวีย สวยมากกกกกก
ฉากนี้คือที่สุดเลยของหนัง ว้าวมาก
และส่วนที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้ ต้องยกให้เพลงประกอบภาพยนตร์ อันนี้ให้คะแนน 1,000,000/10 เลย
ไม่ได้อวยนะ แต่เพราะจริง เพราะมากๆๆๆๆ ไม่ค่อยอินกับหนัง แต่อินกับเพลงสุดๆ และหลายๆคน ก็น่าจะชอบเช่นกัน
เพราะหลังหนังจบ รอบที่เราไปดู คนไม่ลุกเลยสักคน นั่งฟังเพลงEnd Creditจนจบ เราก็คือหนึ่งในนั้น เพราะมากจริงๆ
Fujii Kaze - Michi Teyu Ku (Overflowing) อยากให้ทุกคนได้ฟังจริงๆ โคตรดี
หนังมีวลีเด็ดๆ และแง่คิด มุมมองในด้านความรักให้เราได้คิดตามอยู่เยอะ
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
คืออย่างที่กล่าวไป หนังเนือยมากๆ และเข้าไม่ถึงความคิด การตัดสินใจ เหตุผลของตัวละคร
ถึงแม้จะพอรับรู้ได้บางส่วน แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่อินอยู่ดี เพราะว่า สไตล์การเล่าเรื่อง ไม่มีแรงดึงดูดเลยแม้แต่น้อย
มันเรียบง่าย และแสนธรรมดา และการที่หนังเล่าเรื่องย้อนอดีตนานเกินไป จนเราหลุดเข้าไป พอมาถึงปัจจุบัน
เรากลับมองว่า เหมือนหนังมันเดินคนละเส้นเรื่องไปแล้ว
สุดท้ายแล้ว ถ้าคนชอบหนังญี่ปุ่น สไตล์นี้ ก็อยากให้ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง เพราะบางคนอาจจะอิน และชอบหนังเรื่องนี้
ก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ชอบ ก็อาจจะเป็นยานอนหลับชั้นดี ตอนที่เราไปดู มีคนข้างหน้า หลับและกรนไปหลายรอบมาก
แต่เราก็ไม่ถึงกับหลับหรือง่วง เพราะก่อนดู ก็นอนไปเยอะ แต่ก็สัมผัสได้ว่า หนังเนือยจริงๆ เล่าเรื่องช้าๆ เนิบๆ แทบทั้งเรื่อง
แต่ก็นั่งดูไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้บทสรุป และอยากรู้ว่าจะมีจุดดึงดูด และอิน กี่โมง แต่สุดท้ายก็ไม่เลย
ขนาดตอนท้ายเรื่อง ที่เป็นบทสรุป เราก็ยังไม่ค่อยอินเลย
ถ้าเราเป็นตัวละครนะ เราจะไม่ขอเลือกใครเลยสักคน เพราะรักแรก ถ้าเรารักกันมากพอ เราจะไม่หนีหายกันไป เป็น10ปีขนาดนี้
ไม่ว่าจะกลัวหรืออะไรก็ตาม นี่หายไป10ปี พอรู้ว่าตัวเองจะตาย เพิ่งจะมีนึกถึงความรัก? อันนี้ไม่น่าใช่ละ
ส่วนคนที่กลังจะแต่งงานด้วย ถ้าคบกันมาจนจะแต่งงานขนาดนี้ แสดงว่าความรักต้องสุกงอมเต็มที่ แต่นี่คือกำลังจะแต่งงาน
ในวันที่ความรักเจือจางมากๆ คือเอาเหตุผลอะไรตัดสินใจ และหนีไป เพื่อเป็นการหนีปัญหา ถ้าเป็นเรา เราจะไม่เลือกสักคน
เพราะรู้สึกว่า เรายังรักกันไม่มากพอ
สำหรับคะแนนความชอบ ส่วนตัวให้ 6/10 คะแนน
เพลงประกอบภาพยนตร์ อันนี้ให้คะแนน 1,000,000/10
ค่อนข้างผิดหวัง เพราะจากดูตัวอย่าง คิดว่าหนังจะเรียกความอิน เรื่องความรัก และเสียน้ำตา แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้รับสิ่งนั้นเลย
แต่ยอมรับว่ากระแสและรายได้ดีจริง ถึงกับมีการเพิ่มรอบกันเลยทีเดียว
ใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กันได้นะ รออ่านอยู่
https://www.facebook.com/MouthMoyMovie/
April, Come She Will เมษายน พาใครบางคนกลับมา (6/10) l ถ้าเป็นคุณ..จะเลือกระหว่าง “รักแรก” หรือ “รักสุดท้าย” !?! (สปอยล์)
เรื่องย่อ
ในเดือนเมษายน “ฟูจิชิโระ” จิตแพทย์หนุ่มได้รับจดหมายจากผู้หญิงคนหนึ่งในอดีตที่เขาควรจะลืม
“ฮารุ” คือเจ้าของจดหมายฉบับนั้น เธอเล่าว่าตนเองกำลังอยู่ในโรงแรมใกล้ ๆ ทะเลสาบอูยูนี ประเทศโบลิเวีย เธอบรรยายถึงความงดงามของภาพกระจกเงาสะท้อนท้องฟ้า และความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาในเดือนเมษายนแห่งความทรงจำเมื่อปีนั้น
ชายหนุ่มผู้ดูสงบเงียบขรึม กลับรู้สึกราวมีแรงสั่นสะเทือนภายในหลังจากที่ได้อ่านจดหมาย เขากับ “ยาโยอิ” แฟนสาวที่เป็นสัตวแพทย์มีแผนจะแต่งงานกันในปีนี้ แต่ฟูจิชิโระกลับไม่รู้สึกยินดียินร้าย เขาไม่อาจบอกได้ว่ายังรักหรือมีความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับเธออยู่หรือไม่ เขาพยายามหาคำตอบนี้ผ่านน้องสาวของยาโยอิผู้เปี่ยมเสน่ห์, หนุ่มรุ่นน้องคนสนิทที่ดูไม่ชัดเจนในรสนิยมทางเพศ และพยาบาลสาวเพื่อนร่วมงานที่มีอดีตอันซับซ้อน
ฟูจิชิโระจะได้คำตอบที่แน่ชัดจากหัวใจตนเองหรือไม่ว่าเขาต้องการอะไร เขาจะจัดการกับความรู้สึกต่อฮารุในอดีตได้ไหม และจะทำยังไงกับความสัมพันธ์กับยาโยอิที่กำลังจะสูญเสียไป
บอกเลยว่า ส่วนตัวเพิ่งรู้ว่ามีหนังเรื่องนี้ และกำลังเข้าฉายในบ้านเรา ไม่ใช่รู้ เพราะการโปรโมทหรือโปสเตอร์หน้าโรง รวมถึงตัวอย่างที่ฉายในโรงแต่อย่างใด เพราะไม่น่าจะมีให้เห็น สำหรับสถานที่ๆไปดูหนังมา โปรโมทน้อยมากๆ
แต่ที่รู้เพราะว่า ไถTiktokไปเจอคลิปตัวอย่าง คือแบบ.. ตัวอย่างคือน่าดูมากๆ ภาพสวย เพลงเพราะมากกกกกก และน่าจะมีเสียน้ำตาแน่ๆ แล้วดีนะ ที่เลื่อนมาเจอในวันที่หนังยังฉายโรงอยู่ ถึงแม้รอบจะลดเหลือแค่วันละ2 รอบ ในเมื่อวาน
เลยตัดสินใจไปดูทันที เพราะอยากดูมากๆ ช่วงนี้อาจจะติดสงกรานต์ หยุดยาว เลยไม่มีเวลาเข้าโรงเท่าไหร่ ขนาด Ghostbusters: Frozen Empire
และ Civil War หนังดัง ก็ยังไม่ได้ดูเลย แต่ต้องให้คิวเรื่องนี้ก่อน เพราะตัวอย่างคือแบบ ทุบหัวลากเข้าโรงสุดๆ
ความรู้สึกหลังดูจบ
จะบอกว่า ไม่ร้องสักแอะ หนังเนือยมากกกก เนือยกว่าที่คิด เพราะปกติไปดูหนังญี่ปุ่น ก็ต้องเตรียมใจไว้ระดับนึง
ว่าหนังจะต้องมีเนิบๆตามสไตล์ ขนาดหนังผีก็ยังเป็น
แต่เรื่องนี้คือแบบ โคตร Slow Burn ค่อยๆเล่าไปอย่างช้าๆ ตั้งแต่ต้นยันจบ ตลอดเวลา2ชั่วโมง ไม่มีจุดพีคหรือจุดดึงดูดอะไรใดๆ
หนังใช้เวลาเล่าในมุมมองของแต่ละตัวละครนานมากๆ นานจนลืม ว่ามีตัวละครอีก2คน อยู่ในเรื่องด้วย
เล่าจนเราหลุดจากปัจจุบันเข้าไปเลย แล้วก็ย้อนกลับมาปัจจุบันอีก
ซึ่งเราหลุดไปนานขนาดนี้ แน่นอนว่า เราไม่อินกับช่วงปัจจุบัน และความต่อเนื่องในปัจจุบันแล้ว
เพราะหนังใช้เวลาในการเล่าย้อนกลับไปเยอะ และนานมากๆ
แต่ถึงจะใช้เวลาเล่า ปูเรื่อง และทำความรู้จักกับตัวละครนานขนาดนี้ เรากลับไม่อินกลับตัวละครเลย
ไม่อินกับเหตุผล การกระทำของตัวละคร สักเท่าไหร่
เหมือน 3 ตัวละครนี้ อยู่คนละเส้นเรื่องกัน ไม่มีความเป็นอนึ่งอันเดียวกัน เหมือนอยู่คนละโลกกันเลย
ทำให้อารมณ์ร่วมในหนัง ตัวละคร ความอิน ไม่มีเลย
พอถึงซีนที่จะต้องมีน้ำตา ทำให้คนดูอย่างเรา ไม่เสียน้ำตาเลยสักแอะ เพราะว่าหนังพาเราไปไม่ถึงจุดๆนั้นเลย
หนังมีแต่ถ่ายทอดความคิด มุมมองของแต่ละตัวละคร ซึ่งบางที เราก็เข้าไม่ถึง
เพราะความญี่ปุ่นมันเป็นอะไรที่ไม่เหมือนใคร และมีความเฉพาะตัวมาก ยากที่จะเข้าใจ
ชีวิตวัยทำงาน การตัดสินใจของตัวละคร ซึ่งเราอาจจะเข้าไม่ถึง ถ้าเทียบกับหนังฝรั่ง
เราอาจจะซึมซับวัฒนธรรมทางฝั่งตะวันตกมามากกว่า ทำให้เราดูหนังฝรั่งแล้วเราเข้าใจมากกว่าหนังญี่ปุ่น
เคยมีบางคนบอกว่า หนังจิตแพทย์กับผู้หญิงโรคจิต 2 คน คิดอะไรไม่ออก ก็หนีไปก่อน
หายตัวไป ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจ ทำไมไม่เลือกที่จะหันหน้าคุยกัน รักแรกถ้ากลัว ขนาดนั้น แล้วจะไปทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธไปเลย
แล้วคนที่กำลังจะแต่งงาน อย่างยาโยอิ อยู่กันจนจะแต่งงานขนาดนั้น ก็สามารถคุยกันได้เกือบจะทุกเรื่องแล้วมั้ง อยู่ดีๆ ก็หนีไปเฉย
ถ้าความรักมันเจือจาง ก็คุยกัน ไม่ก็ไม่ต้องแต่งไปเลย หรือมันมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ในการแก้ปัญหา มากกว่าการหนี แต่เท่าที่ดู ทำไมเราไม่รู้สึกว่า 3 ตัวละครนี้ รักกันเท่าไหร่เลย ดูชินชาสะมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็อย่างที่กล่าวไป คืออาจจะเพราะตัวเรา อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ และเข้าไม่ถึงสังคม วัฒนธรรม และนิสัยคนบ้านเขาด้วยรึเปล่า เลยจะไปคิดแทนตัวละครมากไม่ได้
นักแสดงไม่ขอพูดถึงการแสดง เพราะมันดูเย็นชามาก ในแต่ละตัวละคร แต่ก็ถือว่าเล่นดีนะ
การเล่าเรื่องและการดำเนินเรื่อง มันไร้ซึ่งแรงดึงดูด และความน่าสนใจ เนือยจริง เห็นคนบอกว่า หนังสือก็เนือยไม่แพ้กัน
และเราอาจจะเข้าไม่ถึงสไตล์แบบนี้ พล็อตก็คือนิยายรักเลย แต่การถ่ายทอด เลยทำให้หนังออกมาชวนง่วง และน่าเบื่อ
งานภาพ สวยมาก สวยจริง ฉากที่ไปถ่ายทำที่ต่างประเทศ คือสวยทุกฉาก ชอบสุดคือ ฉากทะเลสาบอูยูนี ประเทศโบลิเวีย สวยมากกกกกก
ฉากนี้คือที่สุดเลยของหนัง ว้าวมาก
และส่วนที่ดีงามที่สุดของหนังเรื่องนี้ ต้องยกให้เพลงประกอบภาพยนตร์ อันนี้ให้คะแนน 1,000,000/10 เลย
ไม่ได้อวยนะ แต่เพราะจริง เพราะมากๆๆๆๆ ไม่ค่อยอินกับหนัง แต่อินกับเพลงสุดๆ และหลายๆคน ก็น่าจะชอบเช่นกัน
เพราะหลังหนังจบ รอบที่เราไปดู คนไม่ลุกเลยสักคน นั่งฟังเพลงEnd Creditจนจบ เราก็คือหนึ่งในนั้น เพราะมากจริงๆ
Fujii Kaze - Michi Teyu Ku (Overflowing) อยากให้ทุกคนได้ฟังจริงๆ โคตรดี
หนังมีวลีเด็ดๆ และแง่คิด มุมมองในด้านความรักให้เราได้คิดตามอยู่เยอะ
ข้อด้อยและส่วนที่ไม่ชอบ
คืออย่างที่กล่าวไป หนังเนือยมากๆ และเข้าไม่ถึงความคิด การตัดสินใจ เหตุผลของตัวละคร
ถึงแม้จะพอรับรู้ได้บางส่วน แต่สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่อินอยู่ดี เพราะว่า สไตล์การเล่าเรื่อง ไม่มีแรงดึงดูดเลยแม้แต่น้อย
มันเรียบง่าย และแสนธรรมดา และการที่หนังเล่าเรื่องย้อนอดีตนานเกินไป จนเราหลุดเข้าไป พอมาถึงปัจจุบัน
เรากลับมองว่า เหมือนหนังมันเดินคนละเส้นเรื่องไปแล้ว
สุดท้ายแล้ว ถ้าคนชอบหนังญี่ปุ่น สไตล์นี้ ก็อยากให้ลองไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง เพราะบางคนอาจจะอิน และชอบหนังเรื่องนี้
ก็เป็นได้ แต่ถ้าไม่ชอบ ก็อาจจะเป็นยานอนหลับชั้นดี ตอนที่เราไปดู มีคนข้างหน้า หลับและกรนไปหลายรอบมาก
แต่เราก็ไม่ถึงกับหลับหรือง่วง เพราะก่อนดู ก็นอนไปเยอะ แต่ก็สัมผัสได้ว่า หนังเนือยจริงๆ เล่าเรื่องช้าๆ เนิบๆ แทบทั้งเรื่อง
แต่ก็นั่งดูไปเรื่อยๆ เพราะอยากให้บทสรุป และอยากรู้ว่าจะมีจุดดึงดูด และอิน กี่โมง แต่สุดท้ายก็ไม่เลย
ขนาดตอนท้ายเรื่อง ที่เป็นบทสรุป เราก็ยังไม่ค่อยอินเลย
ถ้าเราเป็นตัวละครนะ เราจะไม่ขอเลือกใครเลยสักคน เพราะรักแรก ถ้าเรารักกันมากพอ เราจะไม่หนีหายกันไป เป็น10ปีขนาดนี้
ไม่ว่าจะกลัวหรืออะไรก็ตาม นี่หายไป10ปี พอรู้ว่าตัวเองจะตาย เพิ่งจะมีนึกถึงความรัก? อันนี้ไม่น่าใช่ละ
ส่วนคนที่กลังจะแต่งงานด้วย ถ้าคบกันมาจนจะแต่งงานขนาดนี้ แสดงว่าความรักต้องสุกงอมเต็มที่ แต่นี่คือกำลังจะแต่งงาน
ในวันที่ความรักเจือจางมากๆ คือเอาเหตุผลอะไรตัดสินใจ และหนีไป เพื่อเป็นการหนีปัญหา ถ้าเป็นเรา เราจะไม่เลือกสักคน
เพราะรู้สึกว่า เรายังรักกันไม่มากพอ
สำหรับคะแนนความชอบ ส่วนตัวให้ 6/10 คะแนน
เพลงประกอบภาพยนตร์ อันนี้ให้คะแนน 1,000,000/10
ค่อนข้างผิดหวัง เพราะจากดูตัวอย่าง คิดว่าหนังจะเรียกความอิน เรื่องความรัก และเสียน้ำตา แต่สุดท้าย ก็ไม่ได้รับสิ่งนั้นเลย
แต่ยอมรับว่ากระแสและรายได้ดีจริง ถึงกับมีการเพิ่มรอบกันเลยทีเดียว
ใครที่ไปดูมาแล้ว คิดเห็นอย่างไรกันบ้าง มาแชร์กันได้นะ รออ่านอยู่
https://www.facebook.com/MouthMoyMovie/