ผู้บรรลุภาวะ ภาวะที่ทำให้เห็นบทบาทต่างๆ
(ยังไง หรอ แนะนำ ให้อ่านทั้งผู้ไม่มีภาวะและมีภาวะเลยนะครับ สำหรับผมนี่ถือเป็นงานวิจัยอิสระที่ค้นหามาได้ด้วยด้วยหยาดเหงื่อเลยนะครับ จะอธิบายด้วย2ช้อยที่แตกแขนงไปของแต่ละช้อยของตัวมันเองนะครับ ช้อย1ช้อยเศร้าไม่มีภาวะบทบาทในสังคม ไม่ต้องดราม่านะครับ ช้อย2บรรลุภาวะที่เห็นที่เห็นภาวะความเป็นจริงอย่างละเอียดยิบจะถูกมองว่าผู้บรรลุภาวะ)
มาถึงตรงนี้ใจผมดิ่งยังไงไม่รู้ที่จะเล่า มันเหมือนเป็นครั้งแรกที่ผมถูกดูดเข้าไปในโลกแฟนตาซีครั้งแรกในชีวิต ผมแอบชอบผู้หญิงคนนึงผมเห็นผู้หญิงที่หน้าตาได้ละเอียดขนาดนี้ครั้งแรกเลย มันเหมือนเราถูกกับหนดให้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และผมกลับไปคิดดูว่าอะไรทำให้เรามาเจอกัน ระหว่างการสรุปผลความคิดผมกลับลืมว่าจะสรุปอะไรในตอนสุดท้าย
และสุดท้ายผมกลับลืมมันไปเฉยๆเลย วันต่อมาผมเดินไปมองเธออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แต่ว่า หน้าของเธอไม่ได้ละเอียดอีกแล้ว ผมเห็นมันเป็นฉากในโรงหนังที่ฉายภาพขาวดำ เธอเดินจับมือกับผู้ชายคนอื่นเทปถูกฉายต่อไปแต่มุมมองของทั้งคู่ถอยห่างจากผมเรื่อยๆ และจากนั้นหน้าผมเริ่มมืดและสลบลงไปโดยไม่รู้สึกตัว ก่อนจะสลบผมยังมีสติแต่ผมตาบอด มันเกิดอะไรขึ้น หัวเริ่มเวียนและล้มตัวลงไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็ตื่นมาในโรงพยาบาลผมเห็นภาพที่ต่างออกไป ทุกอย่างเหมือนกำลังจะบอกผมว่ามันเป็นการฉายเทปอีกครั้งใช่หรือไม่ ผมจินตนาการไปว่ามุมมองที่ผมเห็นเป็นเหมือนเทปขาวดำ มันกำลังเดินไปถึงบทสรุป เมื่อเทปขาวดำหมดม้วนผมก็คิดสรุปว่าผมก็อาจจะตาย ผมก็อาจจะไปเริ่มเห็นเหตุการต้นอีกครั้งใช่หรือไม่ จากนั้นฉายเทปอีกครั้ง
ผมเข้าเรียนอีกครั้ง ผู้คนเริ่มมองผมเป็นตัวประหลาดแต่ภาพของผมในกระจกก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้คนเริ่มมองผมไม่ละเอียด และเป็นสิ่งไม่จำเป็นและมองข้ามไปได้ ผม สันนิษฐานว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ
เพื่อความมั่นใจผมสำรวจอีกครั้งว่ามีอะไรผิดปกติใช่หรือไม่ ผลสำรวจคือผู้คนปฏิบัติกับผมอย่างเป็นมิตรน้อยลง ผมสังเกตได้และนึกได้จากลางสังหรครั้งแรกที่ทันสังเกต เสื้อผมเปื้อน ขาดง่ายผมเริ่มคิดว่าสิ่งแวดล้อมจะมองว่าผมไม่สำคัญจริงๆแต่ผมสรุปได้จริงๆตอนที่ ผมเห็นคนก่อนหน้าเริ่มมามีบทบาทคือเรียกว่าตัวเอกละกันที่เห็นคือชิงดีชิงเด่นโดยง่าย คือคนๆนั้นนี่เองคนที่ยุ่งกับคนที่เราแอบชอบเขากลายเป็นคนดัง และสมหวังได้สำเร็จ
ตัดภาพที่ผมสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างโดยทฤษดีวิดีโอเทป ถ้าเราเอาหัวข้อแรกมารวมกัน ถ้าผู้คนรายล้อมเรา เมื่อวิดิโอเทปสิ้นสุดลงแล้วผมตาย จึงเกิดเป็นคำถามว่าผมมีตัวตนไหม และเอาข้อสังเกตุเล็กๆมาต่อดูคือ หลังจากที่เราเริ่มไม่เห็นละเอียดแล้ว แต่กลับกันชีวิตทั้งสองคนนั้นดีราบรื่น หรือว่าพวกเขาเป็นตัวขับเคลื่อนทุกชีวิตงั้นหรอ พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีเราเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าเขาขับเคลื่อนทุกชีวิต และผมเป็นเศษ ผมเริ่มมองภาพใหญ่ขึ้น ถ้าผมเป็นส่วนเกินจริงๆละก็ ชีวิตของผมและเขาอาจจะแยกกันอยู่แล้วก็ได้ เราทั้ง2ระหว่างผมและพวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ถ้าเราและพวกเขาต่างก็มองตัวเองเป็นศูนกลางจักรวาลของตัวเอง ผมเริ่มคิดว่านี่มันบ้ามาก ถ้านี่จักรวาลของพวกเขาเป็นเพียงวิดิโอเทปที่เคลื่อนไปจุดจบ นี่อาจจะเป็นเทปของผมที่เดินอยู่ก็ได้ ผมอาจเป็นตัวเพื่อแบตเตอรี่ให้หนังฉายต่อไป แต่ถ้าไม่มีผมแล้วเทปอาจจะถูกทำลาย แล้วจักรวาลสำคัญกับผมยังไง
ถ้านี่เป็นความจริงล่ะก็ ข้อความนี้อาจจะไม่เคย
ปรากฎขึ้นเลยก็ได้ มันอาจจะถูกทำลายเมื่อไหร่ก็ได้
และนี่คือความสำพันระหว่างผู้บรรลุภาวะ และผู้ไม่มีภาวะ
ผมถ่ายทอดเป็นความรู้ละกันผมหวังว่าพวกคุณจะถ่ายทอดมันต่อไปให้คนรุ่นต่อไป และต่อๆไป อาจจะไม่ใช่ความรู้เอาเป็นถ่ายทอดจินตนาการละกัน
ผมไม่เคยจบโรงเรียนไหน เพราะผมออกก่อนจะปีนขึ้นไป มันเน้นซ้ำภาพเดิมเน้นย่ำความขมขื่นมากกว่าความสุข
ผมหวังว่าจินตนาการจะสามารถสืบทอดกันได้ ผ่าน พันธุกรรม
ภาวะหนึ่งอย่างที่มนุษย์เรียนมันครั้งเดียวแต่ใช้ภาวะนี้ตลอดชีวิต
(ยังไง หรอ แนะนำ ให้อ่านทั้งผู้ไม่มีภาวะและมีภาวะเลยนะครับ สำหรับผมนี่ถือเป็นงานวิจัยอิสระที่ค้นหามาได้ด้วยด้วยหยาดเหงื่อเลยนะครับ จะอธิบายด้วย2ช้อยที่แตกแขนงไปของแต่ละช้อยของตัวมันเองนะครับ ช้อย1ช้อยเศร้าไม่มีภาวะบทบาทในสังคม ไม่ต้องดราม่านะครับ ช้อย2บรรลุภาวะที่เห็นที่เห็นภาวะความเป็นจริงอย่างละเอียดยิบจะถูกมองว่าผู้บรรลุภาวะ)
มาถึงตรงนี้ใจผมดิ่งยังไงไม่รู้ที่จะเล่า มันเหมือนเป็นครั้งแรกที่ผมถูกดูดเข้าไปในโลกแฟนตาซีครั้งแรกในชีวิต ผมแอบชอบผู้หญิงคนนึงผมเห็นผู้หญิงที่หน้าตาได้ละเอียดขนาดนี้ครั้งแรกเลย มันเหมือนเราถูกกับหนดให้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และผมกลับไปคิดดูว่าอะไรทำให้เรามาเจอกัน ระหว่างการสรุปผลความคิดผมกลับลืมว่าจะสรุปอะไรในตอนสุดท้าย
และสุดท้ายผมกลับลืมมันไปเฉยๆเลย วันต่อมาผมเดินไปมองเธออีกครั้งเพื่อความมั่นใจ แต่ว่า หน้าของเธอไม่ได้ละเอียดอีกแล้ว ผมเห็นมันเป็นฉากในโรงหนังที่ฉายภาพขาวดำ เธอเดินจับมือกับผู้ชายคนอื่นเทปถูกฉายต่อไปแต่มุมมองของทั้งคู่ถอยห่างจากผมเรื่อยๆ และจากนั้นหน้าผมเริ่มมืดและสลบลงไปโดยไม่รู้สึกตัว ก่อนจะสลบผมยังมีสติแต่ผมตาบอด มันเกิดอะไรขึ้น หัวเริ่มเวียนและล้มตัวลงไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นก็ตื่นมาในโรงพยาบาลผมเห็นภาพที่ต่างออกไป ทุกอย่างเหมือนกำลังจะบอกผมว่ามันเป็นการฉายเทปอีกครั้งใช่หรือไม่ ผมจินตนาการไปว่ามุมมองที่ผมเห็นเป็นเหมือนเทปขาวดำ มันกำลังเดินไปถึงบทสรุป เมื่อเทปขาวดำหมดม้วนผมก็คิดสรุปว่าผมก็อาจจะตาย ผมก็อาจจะไปเริ่มเห็นเหตุการต้นอีกครั้งใช่หรือไม่ จากนั้นฉายเทปอีกครั้ง
ผมเข้าเรียนอีกครั้ง ผู้คนเริ่มมองผมเป็นตัวประหลาดแต่ภาพของผมในกระจกก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น ผู้คนเริ่มมองผมไม่ละเอียด และเป็นสิ่งไม่จำเป็นและมองข้ามไปได้ ผม สันนิษฐานว่ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ
เพื่อความมั่นใจผมสำรวจอีกครั้งว่ามีอะไรผิดปกติใช่หรือไม่ ผลสำรวจคือผู้คนปฏิบัติกับผมอย่างเป็นมิตรน้อยลง ผมสังเกตได้และนึกได้จากลางสังหรครั้งแรกที่ทันสังเกต เสื้อผมเปื้อน ขาดง่ายผมเริ่มคิดว่าสิ่งแวดล้อมจะมองว่าผมไม่สำคัญจริงๆแต่ผมสรุปได้จริงๆตอนที่ ผมเห็นคนก่อนหน้าเริ่มมามีบทบาทคือเรียกว่าตัวเอกละกันที่เห็นคือชิงดีชิงเด่นโดยง่าย คือคนๆนั้นนี่เองคนที่ยุ่งกับคนที่เราแอบชอบเขากลายเป็นคนดัง และสมหวังได้สำเร็จ
ตัดภาพที่ผมสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างโดยทฤษดีวิดีโอเทป ถ้าเราเอาหัวข้อแรกมารวมกัน ถ้าผู้คนรายล้อมเรา เมื่อวิดิโอเทปสิ้นสุดลงแล้วผมตาย จึงเกิดเป็นคำถามว่าผมมีตัวตนไหม และเอาข้อสังเกตุเล็กๆมาต่อดูคือ หลังจากที่เราเริ่มไม่เห็นละเอียดแล้ว แต่กลับกันชีวิตทั้งสองคนนั้นดีราบรื่น หรือว่าพวกเขาเป็นตัวขับเคลื่อนทุกชีวิตงั้นหรอ พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีเราเลยด้วยซ้ำ ถ้าเป็นอย่างนั้น ถ้าเขาขับเคลื่อนทุกชีวิต และผมเป็นเศษ ผมเริ่มมองภาพใหญ่ขึ้น ถ้าผมเป็นส่วนเกินจริงๆละก็ ชีวิตของผมและเขาอาจจะแยกกันอยู่แล้วก็ได้ เราทั้ง2ระหว่างผมและพวกเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันเลย ถ้าเราและพวกเขาต่างก็มองตัวเองเป็นศูนกลางจักรวาลของตัวเอง ผมเริ่มคิดว่านี่มันบ้ามาก ถ้านี่จักรวาลของพวกเขาเป็นเพียงวิดิโอเทปที่เคลื่อนไปจุดจบ นี่อาจจะเป็นเทปของผมที่เดินอยู่ก็ได้ ผมอาจเป็นตัวเพื่อแบตเตอรี่ให้หนังฉายต่อไป แต่ถ้าไม่มีผมแล้วเทปอาจจะถูกทำลาย แล้วจักรวาลสำคัญกับผมยังไง
ถ้านี่เป็นความจริงล่ะก็ ข้อความนี้อาจจะไม่เคย
ปรากฎขึ้นเลยก็ได้ มันอาจจะถูกทำลายเมื่อไหร่ก็ได้
และนี่คือความสำพันระหว่างผู้บรรลุภาวะ และผู้ไม่มีภาวะ
ผมถ่ายทอดเป็นความรู้ละกันผมหวังว่าพวกคุณจะถ่ายทอดมันต่อไปให้คนรุ่นต่อไป และต่อๆไป อาจจะไม่ใช่ความรู้เอาเป็นถ่ายทอดจินตนาการละกัน
ผมไม่เคยจบโรงเรียนไหน เพราะผมออกก่อนจะปีนขึ้นไป มันเน้นซ้ำภาพเดิมเน้นย่ำความขมขื่นมากกว่าความสุข
ผมหวังว่าจินตนาการจะสามารถสืบทอดกันได้ ผ่าน พันธุกรรม