การทำน้ำมนต์ในพระไตรปิฎกกับในอรรถกถา

ตามพระไตรปิฎกนั้นพระพุทธองค์ทรงห้ามทำน้ำมนต์เนื่องจากเป็นเดรัจฉานวิชา แต่ในอรรถกถานั้นทำได้ หากมีผู้ร้องขอและต้องสวดพระปริตรด้วยทุกครั้งที่มีการรดน้ำมนต์ ประเด็นที่ผมสนใจคือเราควรจะต้องตีความว่าอรรถกถานั้นผิด หรือเป็นข้อยกเว้นครับ เพราะเอาเข้าจริงพระวินัยนั้นมีข้อยกเว้นหลายข้อมากๆ ผมจึงอยากรู้ว่าเราควรจะต้องตรความอรรถกถาข้อนี้อย่างไร ระหว่าง

1.อรรถกถาข้อนี้ผิด เนื่องจากขัดต่อพระไตรปิฎก
2.เป็นข้อยกเว้น ที่บัญญัติเพิ่มเติม เมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นๆขึ้นมา เนื่องจากดูจากบทบัญญัติในพระวินัยหลายข้อ คือ พระพุทธองค์จะทรงบัญญัติวินัยข้อนั้นขึ้นมาก็ต่อเมื่อมีเหตุการที่ไม่ดี ไม่เหมาะสมเกิดขึ้น เช่น ชาวบ้านติฉินนินทา ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน เพราะมองในอีกมุมหนึ่งการรดน้ำมนต์ก็ทำให้ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนเกิดความรู้สึกสบายใจขึ้นมา เพราะส่วนตัวเจ้าของกระทู้เองเคยเรียนกฎหมายมา ซึ่งกฎหมายเองก็มีบทบัญญัติหลัก และอนุบัญญัติ เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์ ก็จะมีบทบัญญัติหลัก คือ มาตรา 420 และมีอนุบัญญัติที่อธิบายขยายความเพิ่มเติมจากหรือเป็นข้อยกเว้นจากตัวบทหลัก ซึ่งก็คือ มาตรา 421 มาตรา 422 มาตรา 423 มาตรา 424
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เราควรจะต้องตีความอรรถกถาข้อนี้อย่างไรครับ

ปล. กระทู้นี้มิได้มีเจตนาจะก่อให้เกิดความแตกแยกในทางพระพุทธศาสนา หากแต่ต้องการศึกษาทำความเข้าใจเพื่อให้เกิดความชัดแจ้ง และเพื่อรักษาไว้ซึ่งความน่าเลื่อมใส ความศรัทธาในพระพุทธศาสนา และธำรงไว้ซึ่งบทบัญญัติในพระวินัย และพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่