คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
หลักการสืบราชสมบัติฝรั่งเศสอ้างอิงตามกฎซาลิก (Salic law) คือใช้หลัก male premogeniture ส่งต่อจากพ่อสู่ลูกชายตามลำดับสายตรง และไม่รวมผู้หญิงในลำดับครับ
หลุยส์ที่ 14 มีโอรสองค์เดียวที่เกิดจากราชินีมาเรียเทเรซา คือเจ้าชายหลุยส์ ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศส (Dauphin de France) หรือรัชทายาทตั้งแต่เกิด ลูกและหลานของโดแฟ็งมีสถานะเทียบเท่าลูกและหลานของกษัตริย์ฝรั่งเศสโดยตรง และตำแหน่งโดแฟ็งจะถูกส่งต่อให้ทายาทโดยอัตโนมัติ
โดแฟ็งตายใน ค.ศ. 1711 โอรสองค์โตของโดแฟ็งคือ หลุยส์ ดยุกแห่งบูร์กอญ ซึ่งเป็นหลานคนโตของหลุยส์ที่ 14 ได้สืบทอดตำแหน่งโดแฟ็งต่อจากพ่อ เรียกกันว่า "โดแฟ็งน้อย" (le Petit Dauphin) ให้แยกจากพ่อที่ถูกเรียกว่า "โดแฟ็งใหญ่" (le Grand Dauphin)
โดแฟ็งน้อยตายใน ค.ศ. 1712 ตำแหน่งโดแฟ็งตกเป็นของโอรสองค์โต คือหลุยส์ ดยุกแห่งเบรอตาญ ซึ่งอยู่ไม่ถึงเดือนก็ตาย ตำแหน่งจึงตกไปอยู่กับลูกคนที่สองของโดแฟ็งน้อย คือ หลุยส์ ดยุกแห่งอ็องฌู คือหลุยส์ที่ 15 โดยอัตโนมัติ
ดังนั้นหลุยส์ที่ 15 จึงอยู่ในฐานะรัชทายาทครับ
ส่วนลูกนอกสมรสของหลุยส์ที่ 14 ที่เกิดจากมาดาม เดอ มงแต็สปอง หลุยส์ legitimised ให้เป็นลูกตามกฎหมายและให้ใช้นามสกุลบูร์บงได้ มีลูกชายสองคนที่อยู่มาจนเป็นผู้ใหญ่คือ หลุยส์-ออกุสต์ ดยุกแห่งเมน (Louis-Auguste de Bourbon, duc du Maine) กับ หลุยส์-อเล็กซ็องดร์ กงต์แห่งตูลูส (Louis-Alexandre, comte de Toulouse)
หลุยส์ที่ 14 ตั้งลูกสองคนนี้มีตำแหน่งใหญ่โตหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะดยุกแห่งเมนที่เป็นลูกคนโปรด แต่ทั้งสองไม่ได้มีสิทธิสืบราชสมบัติ
ใน ค.ศ. 1694 หลุยส์จึงยกสถานะลูกชายนอกสมรสให้มีศักดิ์สูงกว่าดยุกและฐานันดรขุนนางทั้งหมด แต่ให้รองลงมาจากเจ้าสืบสายพระโลหิต (Prince du Sang) ซึ่งเป็นฐานันดรสูงสุดของราชวงศ์รองลงมาจากราชวงศ์สายตรงของกษัตริย์ และให้เข้าเป็นสมาชิกสภาปาลมองต์แห่งปารีสได้เมื่ออายุ 20 ปี (เจ้าสืบสายพระโลหิตได้เข้าสภาตั้งแต่อายุ 15 ปี ดยุก 25 ปี)
ช่วงปลายรัชกาล วงศ์รัชทายาทหลุยส์ที่ 14 สิ้นไปเยอะมากจนเหลือแต่เหลนคือหลุยส์ที่ 15 เป็นรัชทายาทสายตรง เจ้าสืบสายพระโลหิตก็สิ้นไปหลายองค์ ด้วยการสนับสนุนของมาดาม เดอ แมงต์เตอนง พระชายาลับของหลุยส์ที่เป็นคนเลี้ยงดยุกแห่งเมนมาตั้งแต่เล็ก หลุยส์จึงสถาปนาดยุกแห่งเมนกับกงต์แห่งตูลูสเป็น เจ้าสืบสายพระโลหิต ซึ่งจะทำให้ทั้งสองมีโอกาสสืบราชสมบัติได้หากราชวงศ์สายตรงหมดไป
แต่บัลลังก์ต้องตกไปสู่หลุยส์ที่ 15 ซึ่งเป็นโดแฟ็งเป็นอันดับแรกครับ
ก่อนตาย หลุยส์ตั้งฟิลิป ดยุกแห่งออร์เลอ็องส์ซึ่งเป็นลูกของน้องชาย ให้เป็นประธานคณะผู้สำเร็จราชการ ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งลอย และให้ดยุกแห่งเมนเป็นผู้อภิบาลหลุยส์ที่ 15 ความตั้งใจของหลุยส์คือให้ดยุกแห่งเมนเป็นคนกุมอำนาจหลัก ภายหลังยังตั้งให้คุมอำนาจพลเรือนและทหารภายในราชสำนักด้วย
แต่พอหลุยส์ตาย ดยุกแห่งออร์เลอ็องส์ก็ร่วมมือกับสภาปาลม็องต์ทำให้คำสั่งเสียของหลุยส์เป็นโมฆะ สภาประกาศตั้งดยุกแห่งออร์เลอ็องส์เป็นผู้สำเร็จราชการคนเดียว ต่อมาทั้งดยุกแห่งเมนและกงต์แห่งตูลูสก็ถูกสภาปาลมองต์ถอดจากตำแหน่งเจ้าสืบสายพระโลหิต
ดยุกแห่งเมนร่วมมือกับพระชายาวางแผนชิงอำนาจสำเร็จราชการไปให้ฟิลิปที่ 5 แห่งสเปนซึ่งเป็นโอรสของหลุยที่ 14 โดยรวมมือกับทูตสเปน แต่แผนแตก เลยถูกจำคุก แล้วได้ปล่อยตัวภายหลังครับ
หลุยส์ที่ 14 มีโอรสองค์เดียวที่เกิดจากราชินีมาเรียเทเรซา คือเจ้าชายหลุยส์ ซึ่งได้รับการสถาปนาเป็นโดแฟ็งแห่งฝรั่งเศส (Dauphin de France) หรือรัชทายาทตั้งแต่เกิด ลูกและหลานของโดแฟ็งมีสถานะเทียบเท่าลูกและหลานของกษัตริย์ฝรั่งเศสโดยตรง และตำแหน่งโดแฟ็งจะถูกส่งต่อให้ทายาทโดยอัตโนมัติ
โดแฟ็งตายใน ค.ศ. 1711 โอรสองค์โตของโดแฟ็งคือ หลุยส์ ดยุกแห่งบูร์กอญ ซึ่งเป็นหลานคนโตของหลุยส์ที่ 14 ได้สืบทอดตำแหน่งโดแฟ็งต่อจากพ่อ เรียกกันว่า "โดแฟ็งน้อย" (le Petit Dauphin) ให้แยกจากพ่อที่ถูกเรียกว่า "โดแฟ็งใหญ่" (le Grand Dauphin)
โดแฟ็งน้อยตายใน ค.ศ. 1712 ตำแหน่งโดแฟ็งตกเป็นของโอรสองค์โต คือหลุยส์ ดยุกแห่งเบรอตาญ ซึ่งอยู่ไม่ถึงเดือนก็ตาย ตำแหน่งจึงตกไปอยู่กับลูกคนที่สองของโดแฟ็งน้อย คือ หลุยส์ ดยุกแห่งอ็องฌู คือหลุยส์ที่ 15 โดยอัตโนมัติ
ดังนั้นหลุยส์ที่ 15 จึงอยู่ในฐานะรัชทายาทครับ
ส่วนลูกนอกสมรสของหลุยส์ที่ 14 ที่เกิดจากมาดาม เดอ มงแต็สปอง หลุยส์ legitimised ให้เป็นลูกตามกฎหมายและให้ใช้นามสกุลบูร์บงได้ มีลูกชายสองคนที่อยู่มาจนเป็นผู้ใหญ่คือ หลุยส์-ออกุสต์ ดยุกแห่งเมน (Louis-Auguste de Bourbon, duc du Maine) กับ หลุยส์-อเล็กซ็องดร์ กงต์แห่งตูลูส (Louis-Alexandre, comte de Toulouse)
หลุยส์ที่ 14 ตั้งลูกสองคนนี้มีตำแหน่งใหญ่โตหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะดยุกแห่งเมนที่เป็นลูกคนโปรด แต่ทั้งสองไม่ได้มีสิทธิสืบราชสมบัติ
ใน ค.ศ. 1694 หลุยส์จึงยกสถานะลูกชายนอกสมรสให้มีศักดิ์สูงกว่าดยุกและฐานันดรขุนนางทั้งหมด แต่ให้รองลงมาจากเจ้าสืบสายพระโลหิต (Prince du Sang) ซึ่งเป็นฐานันดรสูงสุดของราชวงศ์รองลงมาจากราชวงศ์สายตรงของกษัตริย์ และให้เข้าเป็นสมาชิกสภาปาลมองต์แห่งปารีสได้เมื่ออายุ 20 ปี (เจ้าสืบสายพระโลหิตได้เข้าสภาตั้งแต่อายุ 15 ปี ดยุก 25 ปี)
ช่วงปลายรัชกาล วงศ์รัชทายาทหลุยส์ที่ 14 สิ้นไปเยอะมากจนเหลือแต่เหลนคือหลุยส์ที่ 15 เป็นรัชทายาทสายตรง เจ้าสืบสายพระโลหิตก็สิ้นไปหลายองค์ ด้วยการสนับสนุนของมาดาม เดอ แมงต์เตอนง พระชายาลับของหลุยส์ที่เป็นคนเลี้ยงดยุกแห่งเมนมาตั้งแต่เล็ก หลุยส์จึงสถาปนาดยุกแห่งเมนกับกงต์แห่งตูลูสเป็น เจ้าสืบสายพระโลหิต ซึ่งจะทำให้ทั้งสองมีโอกาสสืบราชสมบัติได้หากราชวงศ์สายตรงหมดไป
แต่บัลลังก์ต้องตกไปสู่หลุยส์ที่ 15 ซึ่งเป็นโดแฟ็งเป็นอันดับแรกครับ
ก่อนตาย หลุยส์ตั้งฟิลิป ดยุกแห่งออร์เลอ็องส์ซึ่งเป็นลูกของน้องชาย ให้เป็นประธานคณะผู้สำเร็จราชการ ซึ่งเป็นเพียงตำแหน่งลอย และให้ดยุกแห่งเมนเป็นผู้อภิบาลหลุยส์ที่ 15 ความตั้งใจของหลุยส์คือให้ดยุกแห่งเมนเป็นคนกุมอำนาจหลัก ภายหลังยังตั้งให้คุมอำนาจพลเรือนและทหารภายในราชสำนักด้วย
แต่พอหลุยส์ตาย ดยุกแห่งออร์เลอ็องส์ก็ร่วมมือกับสภาปาลม็องต์ทำให้คำสั่งเสียของหลุยส์เป็นโมฆะ สภาประกาศตั้งดยุกแห่งออร์เลอ็องส์เป็นผู้สำเร็จราชการคนเดียว ต่อมาทั้งดยุกแห่งเมนและกงต์แห่งตูลูสก็ถูกสภาปาลมองต์ถอดจากตำแหน่งเจ้าสืบสายพระโลหิต
ดยุกแห่งเมนร่วมมือกับพระชายาวางแผนชิงอำนาจสำเร็จราชการไปให้ฟิลิปที่ 5 แห่งสเปนซึ่งเป็นโอรสของหลุยที่ 14 โดยรวมมือกับทูตสเปน แต่แผนแตก เลยถูกจำคุก แล้วได้ปล่อยตัวภายหลังครับ
แสดงความคิดเห็น
หลุยส์ 14 ไม่ได้คิดจะยกสมบัติให้หลุยส์ 15 ตั้งแต่แรกรึป่าวคะ
ปล. เราดูหนังค่ะ เลยสงสัยประวัติศาสตร์จริงๆเป็นยังไง